เอ๊า!!!!เริ่มกันเลยครับ หลังจากที่อ่านรีวิวคนอื่นมาเยอะล่ะ ก็เลยจะลองทำมั่ง ที่แรกชวนเพื่อนไปด้วยกันอีกสองคน แต่พอถึงเวลาไม่ว่างกัน เพื่อนอีกคนก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไรเพราะต้องเจอกับอากาศร้อน มันชอบเดินห้างมากกว่า ในเมื่อตั้งใจแล้วไม่มีใครว่าง เอาว่ะ ไปคนเดียวกะได้วันที่ไปเป็นวันที่ 12 พ.ย. 59
เริ่มจากนั่งบีทีเอสจากอ่อนนุช ไปลงที่สะพานตากสินโดยเดินออกทางออกที่สาม ไปทางวัดยานนาวาเป็นอันดับแรก ก่อนเที่ยวขอไหว้กระทำบุญก่อน

ด้านหลังวัดที่ติดกับแม่น้ำมีที่ปล่อยปลาและให้อาหารปลาด้วย และมีฝูงนกออกมากินอาหาร

ขอถ่ายรูปหน่อยไหนๆก็มาล่ะ

หลังจากทำบุญแล้วเดินออกจากวัดไปทางบีทีเอสสะพานตากสินเหมือนเดิม ผ่านโรบินสันบางรักไป
เดินไปอีกนิดมีอีกวัดที่สนใจคือ วัดสวนพลู ตั้งอยู่ที่ ๕๘ ซ.เจริญกรุง (ซอยโรงแรมแชงกรีลา) ๔๒/๑(เข้าด้านข้างของวัด
ภาพแรกที่ก้าวเข้าไป หูยยยยยยยยยยยยยกุฎิสวย แนววินเทจดี
หมู่กุฏิของพระสงฆ์ในวัดแห่งนี้มีความโดดเด่นสวยงามด้วยลวดลายไม้ฉลุ ที่เรียกว่าขนมปังขิง ซึ่งประดับตกแต่งอยู่บนเรือนไม้สองชั้นทาด้วยสีเหลืองครีมคาดน้ำตาลเข้ม ฝาไม้ตีซ้อนเกล็ด
และบริเวณโดยรอบก็มีสิ่งปลูกสร้างสวยๆที่สามารถถ่ายรูปได้

หลังจากชื่นชมความงามในวัดสวนพลูแล้วก็เดินออกทางประตูหน้าวัด

แล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปจนถึงโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก(เห็นแล้วอยากย้อนกลับไปในวัยเรียน วัยฮอร์โมน คริๆ)
เดินเลยป้ายไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายไปทางด้านหลังของโรงเรียนเพราะโบสถ์อยู่ด้านหลัง ถ้าประตูด้านข้างเปิดก็สามารถเข้าด้านข้างได้และอ้อมไปด้านหน้าโบสถ์

แต่เราเดินตรงไปเข้าด้านหน้าโบสถ์เลย คือซอยเดียวกันโรงแรมโอเรียลเต็น ระหว่างเดินนั้นจะมีสถาปัตยกรรม ตึก แนวยุโรป แสดงให้เห็นความเฟื่องฟูในสมัยก่อน ตึกดูเก่าแต่สวยน่ะ(ความคิดส่วนตัว)

พอเดินเข้าไป ว้าววว อารมณ์เหมือนมาเที่ยวเมืองนอกเลย(ฮ่าๆ พูดยังกะเคยไปเมืองนอก) โบสถ์สวยมาก แต่วันนนั้นเค้ามีจัดงานแต่งเลยไม่ได้เข้าไปในตัวโบสถ์(กะเนียนเข้า แต่แต่งกายไม่เข้าพวก555)

ถ่ายรูปเสร็จพักเหนื่อย เพราะเดินมาพอสมควร(นั่งฟังเพลงแปป)

หลังจากนั้นเดินออกมาที่เดิมเจอร้านข้าวอยู่หลายร้านเพราะที่นั่นเป็นท่าเรือโอเรียลเต็นจึงมีกับข้าวขาย เลยจัดสักหน่อยเพราะไม่ได้กินไรมา แต่เดินมาเหนื่อยกินข้าวไม่ลง เลยจัดมาม่าผัดขี้เมาละกัน(เน้นเที่ยวแบบประหยัด นี่ถ้าไม่เกรงใจห่อข้าวมานั่งกินล่ะ5555)
หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าไปสถานีดับเพลิงบางรักเก่าโดยเดินออกทางเดิมแล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปจนถึงสถานทูต อาคารตั้งอยู่เจริญกรุง 36 สามารถเข้าทางซอย 40 ได้ มองไปสูงๆจะเห็นตึกของ CAT
เราเดินตรงไปไม่ได้เลี้ยวซ้ายเพราะเดินตรงไปตามคำบอกเลยไปสุดอยู่ที่ชุมชน ส่วนใหญ่จะเป็นคนอิสลาม ชุมชนแถวนั้นบ้านเรือนก็ยังอยู่ในทรงเดิม ดูๆไปก็สวยน่ะ

หลังจากรู้ว่ามาผิดทางเลยเดินย้อนออกไปเจอสถานทูตเมื่อกี้ไม่ได้เลี้ยวซ้าย ดั้งนั้นเดินกลับออกมาต้องเลี้ยวขวาแทนล่ะ เดินไปอีกนิดเลาะตามกำแพงสถานทูตก็เจอสถานีล่ะ

นี่เป็นทางเข้าสถานีตึกเก่ามาก วินเทจ แนวๆตามที่อยากถ่ายรูป

เลยจัดสักรูปสองรูป แต่จริงๆแล้วเค้าติดห้ามถ่ายภาพ(ตอนเข้าไปนั้นยามไม่อยู่ อิอิ เลยโอกาสดี)

เมื่อเดินเข้ามาด้านใน โหหหห ตึกสวยนี่ถ้าย้อนไปสมัยก่อนได้ที่สภาพตึกยังดี คงสวยกว่านี้ เพราะสถานีดับเพลิงบางรัก อาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอ-ปัลลาเดียน (Neo-Palladion) ศิลปะโรมัน+คลาสสิค อายุกว่า 120 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
(ระหว่างเดินก็เนียนๆเก็บรูป) อากาศร้อนมากดูจากแสงแดด

หลังจากเข้าไปด้านในแล้วรีบเดินออกมากลัวเจ้าหน้าที่ดุ ก่อนจะเดินออก แอบเนียนแชะอีกภาพ

ต่อมาเดินมุ่งหน้าไปสถานีต่อไปคือ ตึกไปรษณีย์กลาง เดินออกมาถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกนิดก็เจอ ตึกอยู่ติดถนนเลย
รออะไร ถ่ายรูปดิ แต่ถ่ายได้แต่ด้านนอก เพราะด้านในเค้าจัดงาน อีกแล่ะ(แอบบ่นเพราะวันนี้มีแต่คนจัดงาน)

และนี่ก็เป็นรูปด้านข้างตึก
หลังจากนั้นรู้แล้วว่าไม่ได้เข้าไปข้างในจึง มุ่งหน้าไป พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ซึ่งอยู่ซอยเจริญกรุง43 ก็เยื้องๆไปรษณีย์กลางนั่นแล่ะ
เดินข้ามถนนแล้วเดินเข้าตามซอย43 สักไม่เกิน200เมตรก็ถึง
นี่เป็นด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์

พอเข้ามาเจอตัวบ้านหลังแรก เหมือนย้อนอดีตเข้าไปสู่ยุคก่อนๆ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกนั้นเป็นความตั้งใจของอาจาร์ยวราพร สุรวดี ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งอยากจะจัดบ้าน และทรัพย์สิน มรดกที่ได้จากมารดา คือ นางสอาง สุรวดี (ตันบุญเล็ก) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อ ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา
ตามธรรมเนียมเลยจัดสักแชะ หลังจากนั้นจะก็เข้าไปในตัวบ้าน บ้านที่นี่จะมีด้วยกันทั้งหมดสามหลังที่ถ่ายรูปนี้เป็นหลังแรก

เมื่อเข้าไปด้านในเหมือนนั่งไทม์แมชชีนจริงๆ อารมณ์เหมือนอยู่ในละครแนวพิเรียด (ฮ่าๆความมโนมีสูง) ก็ดูห้อง และข้าวของดิ สมัยก่อนจริงๆ ในรูปจะเป็นหลังหนึ่งถึงสามรวมๆกัน

นึกถึงเรื่องแม่เบี้ย นางทาสขึ้นมาทันที ที่เห็นของพวกนี้ แหะๆ
หลังจากนั้นเดินออกมา กะจะออกไปแล่ะ เห็นประตูสีขาวเด่น เลยขอไปถ่ายรูปซะหน่อย และก่อนออกมีรูปที่ละครเรื่อง เมื่อดอกรักบาน มาถ่ายทำที่นี่ด้วย(เพิ่งรู้เพราะเห็นเค้าเอารูปในฉากมาแสดงให้ดู) ละครเรื่องนี้ก็ออนแอร์มาจะสิบปีล่ะน่ะ

เดินออกมายังไม่จบทริป ยังมีแรงนิดๆ เดินต่อไปเพื่อข้ามกลับไปฝั่งเดิม พอข้ามไปเห็นคนมุงซื้อ ธนบัตร เหรียญของ พ่อหลวงเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ดูๆอยู่พักหนึ่งคิดว่า ธนบัตรที่เราใช้ก็มีรูปพ่อหลวงอยู่ ก็เลยไม่ได้ซื้อ เห็นราคาที่เค้าซื้อกันก็สูงพอสมควรน่ะ
จากนั้นเลยเดินเข้าซอย เจริญกรุง 30 เพื่อไปเก็บรูป Street Art แต่จริงๆแล้วที่ทราบมามีอยู่หลายจุดเหมือนกัน แต่เริ่มไม่มีแรงล่ะ ด้วยอากาศร้อนด้วย
เลยเก็บภาพมาได้เท่านี้

หมดทริปถ่ายรูปแนวๆ ชิคๆ วินเทจแล่ะ แรงก็หมดด้วย เลยเดินย้อนมาขึ้นบีทีเอสตากสินกลับ
ไว้จะมารีวิวอีก^^
[SR] "แบกเป้คนเดียว เที่ยวเจริญกรุง ถ่ายรูปชิคๆแนววิทเทจ ในหนึ่งวัน"
เริ่มจากนั่งบีทีเอสจากอ่อนนุช ไปลงที่สะพานตากสินโดยเดินออกทางออกที่สาม ไปทางวัดยานนาวาเป็นอันดับแรก ก่อนเที่ยวขอไหว้กระทำบุญก่อน
ด้านหลังวัดที่ติดกับแม่น้ำมีที่ปล่อยปลาและให้อาหารปลาด้วย และมีฝูงนกออกมากินอาหาร
ขอถ่ายรูปหน่อยไหนๆก็มาล่ะ
หลังจากทำบุญแล้วเดินออกจากวัดไปทางบีทีเอสสะพานตากสินเหมือนเดิม ผ่านโรบินสันบางรักไป
เดินไปอีกนิดมีอีกวัดที่สนใจคือ วัดสวนพลู ตั้งอยู่ที่ ๕๘ ซ.เจริญกรุง (ซอยโรงแรมแชงกรีลา) ๔๒/๑(เข้าด้านข้างของวัด
ภาพแรกที่ก้าวเข้าไป หูยยยยยยยยยยยยยกุฎิสวย แนววินเทจดี
หมู่กุฏิของพระสงฆ์ในวัดแห่งนี้มีความโดดเด่นสวยงามด้วยลวดลายไม้ฉลุ ที่เรียกว่าขนมปังขิง ซึ่งประดับตกแต่งอยู่บนเรือนไม้สองชั้นทาด้วยสีเหลืองครีมคาดน้ำตาลเข้ม ฝาไม้ตีซ้อนเกล็ด
และบริเวณโดยรอบก็มีสิ่งปลูกสร้างสวยๆที่สามารถถ่ายรูปได้
หลังจากชื่นชมความงามในวัดสวนพลูแล้วก็เดินออกทางประตูหน้าวัด
แล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปจนถึงโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก(เห็นแล้วอยากย้อนกลับไปในวัยเรียน วัยฮอร์โมน คริๆ)
เดินเลยป้ายไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายไปทางด้านหลังของโรงเรียนเพราะโบสถ์อยู่ด้านหลัง ถ้าประตูด้านข้างเปิดก็สามารถเข้าด้านข้างได้และอ้อมไปด้านหน้าโบสถ์
แต่เราเดินตรงไปเข้าด้านหน้าโบสถ์เลย คือซอยเดียวกันโรงแรมโอเรียลเต็น ระหว่างเดินนั้นจะมีสถาปัตยกรรม ตึก แนวยุโรป แสดงให้เห็นความเฟื่องฟูในสมัยก่อน ตึกดูเก่าแต่สวยน่ะ(ความคิดส่วนตัว)
พอเดินเข้าไป ว้าววว อารมณ์เหมือนมาเที่ยวเมืองนอกเลย(ฮ่าๆ พูดยังกะเคยไปเมืองนอก) โบสถ์สวยมาก แต่วันนนั้นเค้ามีจัดงานแต่งเลยไม่ได้เข้าไปในตัวโบสถ์(กะเนียนเข้า แต่แต่งกายไม่เข้าพวก555)
ถ่ายรูปเสร็จพักเหนื่อย เพราะเดินมาพอสมควร(นั่งฟังเพลงแปป)
หลังจากนั้นเดินออกมาที่เดิมเจอร้านข้าวอยู่หลายร้านเพราะที่นั่นเป็นท่าเรือโอเรียลเต็นจึงมีกับข้าวขาย เลยจัดสักหน่อยเพราะไม่ได้กินไรมา แต่เดินมาเหนื่อยกินข้าวไม่ลง เลยจัดมาม่าผัดขี้เมาละกัน(เน้นเที่ยวแบบประหยัด นี่ถ้าไม่เกรงใจห่อข้าวมานั่งกินล่ะ5555)
หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าไปสถานีดับเพลิงบางรักเก่าโดยเดินออกทางเดิมแล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปจนถึงสถานทูต อาคารตั้งอยู่เจริญกรุง 36 สามารถเข้าทางซอย 40 ได้ มองไปสูงๆจะเห็นตึกของ CAT
เราเดินตรงไปไม่ได้เลี้ยวซ้ายเพราะเดินตรงไปตามคำบอกเลยไปสุดอยู่ที่ชุมชน ส่วนใหญ่จะเป็นคนอิสลาม ชุมชนแถวนั้นบ้านเรือนก็ยังอยู่ในทรงเดิม ดูๆไปก็สวยน่ะ
หลังจากรู้ว่ามาผิดทางเลยเดินย้อนออกไปเจอสถานทูตเมื่อกี้ไม่ได้เลี้ยวซ้าย ดั้งนั้นเดินกลับออกมาต้องเลี้ยวขวาแทนล่ะ เดินไปอีกนิดเลาะตามกำแพงสถานทูตก็เจอสถานีล่ะ
นี่เป็นทางเข้าสถานีตึกเก่ามาก วินเทจ แนวๆตามที่อยากถ่ายรูป
เลยจัดสักรูปสองรูป แต่จริงๆแล้วเค้าติดห้ามถ่ายภาพ(ตอนเข้าไปนั้นยามไม่อยู่ อิอิ เลยโอกาสดี)
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน โหหหห ตึกสวยนี่ถ้าย้อนไปสมัยก่อนได้ที่สภาพตึกยังดี คงสวยกว่านี้ เพราะสถานีดับเพลิงบางรัก อาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอ-ปัลลาเดียน (Neo-Palladion) ศิลปะโรมัน+คลาสสิค อายุกว่า 120 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
(ระหว่างเดินก็เนียนๆเก็บรูป) อากาศร้อนมากดูจากแสงแดด
หลังจากเข้าไปด้านในแล้วรีบเดินออกมากลัวเจ้าหน้าที่ดุ ก่อนจะเดินออก แอบเนียนแชะอีกภาพ
ต่อมาเดินมุ่งหน้าไปสถานีต่อไปคือ ตึกไปรษณีย์กลาง เดินออกมาถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกนิดก็เจอ ตึกอยู่ติดถนนเลย
รออะไร ถ่ายรูปดิ แต่ถ่ายได้แต่ด้านนอก เพราะด้านในเค้าจัดงาน อีกแล่ะ(แอบบ่นเพราะวันนี้มีแต่คนจัดงาน)
และนี่ก็เป็นรูปด้านข้างตึก
หลังจากนั้นรู้แล้วว่าไม่ได้เข้าไปข้างในจึง มุ่งหน้าไป พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ซึ่งอยู่ซอยเจริญกรุง43 ก็เยื้องๆไปรษณีย์กลางนั่นแล่ะ
เดินข้ามถนนแล้วเดินเข้าตามซอย43 สักไม่เกิน200เมตรก็ถึง
นี่เป็นด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์
พอเข้ามาเจอตัวบ้านหลังแรก เหมือนย้อนอดีตเข้าไปสู่ยุคก่อนๆ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกนั้นเป็นความตั้งใจของอาจาร์ยวราพร สุรวดี ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งอยากจะจัดบ้าน และทรัพย์สิน มรดกที่ได้จากมารดา คือ นางสอาง สุรวดี (ตันบุญเล็ก) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อ ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา
ตามธรรมเนียมเลยจัดสักแชะ หลังจากนั้นจะก็เข้าไปในตัวบ้าน บ้านที่นี่จะมีด้วยกันทั้งหมดสามหลังที่ถ่ายรูปนี้เป็นหลังแรก
เมื่อเข้าไปด้านในเหมือนนั่งไทม์แมชชีนจริงๆ อารมณ์เหมือนอยู่ในละครแนวพิเรียด (ฮ่าๆความมโนมีสูง) ก็ดูห้อง และข้าวของดิ สมัยก่อนจริงๆ ในรูปจะเป็นหลังหนึ่งถึงสามรวมๆกัน
นึกถึงเรื่องแม่เบี้ย นางทาสขึ้นมาทันที ที่เห็นของพวกนี้ แหะๆ
หลังจากนั้นเดินออกมา กะจะออกไปแล่ะ เห็นประตูสีขาวเด่น เลยขอไปถ่ายรูปซะหน่อย และก่อนออกมีรูปที่ละครเรื่อง เมื่อดอกรักบาน มาถ่ายทำที่นี่ด้วย(เพิ่งรู้เพราะเห็นเค้าเอารูปในฉากมาแสดงให้ดู) ละครเรื่องนี้ก็ออนแอร์มาจะสิบปีล่ะน่ะ
เดินออกมายังไม่จบทริป ยังมีแรงนิดๆ เดินต่อไปเพื่อข้ามกลับไปฝั่งเดิม พอข้ามไปเห็นคนมุงซื้อ ธนบัตร เหรียญของ พ่อหลวงเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ดูๆอยู่พักหนึ่งคิดว่า ธนบัตรที่เราใช้ก็มีรูปพ่อหลวงอยู่ ก็เลยไม่ได้ซื้อ เห็นราคาที่เค้าซื้อกันก็สูงพอสมควรน่ะ
จากนั้นเลยเดินเข้าซอย เจริญกรุง 30 เพื่อไปเก็บรูป Street Art แต่จริงๆแล้วที่ทราบมามีอยู่หลายจุดเหมือนกัน แต่เริ่มไม่มีแรงล่ะ ด้วยอากาศร้อนด้วย
เลยเก็บภาพมาได้เท่านี้
หมดทริปถ่ายรูปแนวๆ ชิคๆ วินเทจแล่ะ แรงก็หมดด้วย เลยเดินย้อนมาขึ้นบีทีเอสตากสินกลับ
ไว้จะมารีวิวอีก^^