[CR] Autumn leave in Japan 2016 ตามหาใบไม้เปลี่ยนสี Hokkaido - Tohoku - Chubu : Part 1 - Hokkaido

สวัสดีครับ พอดีผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ช่วง 14-24 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ถือเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่น ครั้งที่ 5 แล้ว แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้รีวิวสักที ครั้งนี้เลยถือโอกาสลองรีวิวดูซึ่งเป็นการเขียนครั้งแรก อยากจะเก็บไว้เป็นบันทึกการเดินทาง และเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ ที่จะวางแผนเดินทางไปเที่ยวด้วยนะครับ

ก่อนเดินทาง
1. วางแผนการเดินทาง
          สืบเนื่องจากปีที่แล้วได้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ Nikko แต่มาช้าไปหน่อย ใบไม้ร่วงไปหมดแล้ว เหลือตามถนนอยู่ต้นเดียว ตอนนั้นก็ตื่นเต้นถ่ายรูปกันใหญ่ ปีนี้เลยตั้งใจว่าจะไปดูไปไม้เปลี่ยนสีแบบเต็มๆตาอีกครั้ง เลยหาข้อมูลแล้วเลือกภูมิภาคว่าจะไปแถบฮอกไกโด กับโทโฮคุ แถมด้วย เส้นทาง Tateyama kurobe Alpine Route ของภูมิภาคจูบุ ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีของทั้ง 3 ภูมิภาค เป็นช่วงประมาณเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม เลยเลือกไปช่วงกลางเดือนตุลาคม เพื่อให้พอได้เห็นใบไม้แดง ทั้ง 3 ภูมิภาค โดยทริปนี้ จะเริ่มต้นจาก ฮอกไกโด แล้วเดินทางด้วยรถไฟแวะโทโฮคุ เลยไปถึงจังหวัดนากาโน่ แล้วกลับมาโตเกียวเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ ทริปนี้เดินทาง 2 คน กับคุณภรรยาครับ
แผนการเดินทางคร่าวๆ วันที่ 14 - 24 October 2016
Day 1  Narita Airport - New Chitose Airport - Sapporo
Day 2  Sapporo - Otaru
Day 3  Sapporo
Day 4  Mt. Asahidake
Day 5  Hakodate  
Day 6  Hakodate - Aomori
Day 7  Towada Lake - Sendai
Day 8  Sendai - Fukushima
Day 9  Sendai - Nagano
Day 10 Tateyama Kurobe Alpine Route
Day 11 Tokyo - Haneda Airport - BKK

ทำแผนวิธีการเดินทาง ค่าโดยสารและ pass ที่จะใช้




2. ตั๋วเครื่องบิน
    BKK-SIN-NRT / HND-SIN-BKK
             ช่วงต้นปีมีโปรโมชั่นของ Singapore Airline บินไปญี่ปุ่นออกมา เทียบราคาแล้วก็ไม่ต่างจาก Low Cost ที่เคยบินเท่าไหร่ เวลาต่อเครื่องไม่นาน ประมาณ 2 ชม เลยจัดไป 2 คน (ซื้อล่วงหน้าประมาณ 9 เดือน)  ราคา 11,300 บาท /คน Full Service โหลดกระเป๋า 30 กิโล ขาไป ลงนาริตะ ขากลับ ออกจากฮาเนดะ
    NRT-CTS
              สำหรับการเดินทางไปฮอกไกโด ผมใช้บริการของสายการบิน Vanilla Air ซึ่งเป็นสายการบิน low cost ราคา  8,000 เยน / คน (รวมกระเป๋า 20 โล +เลือกที่นั่ง)

3. ที่พัก
         ที่พักใน Sapporo ผมจองจาก Airbnb ส่วนที่อื่นๆ ผมจองจาก Agoda ทั้งหมด ตอนแรกว่าจะใช้บริการของ Tokoyo inn เพราะราคาไม่แพงและแต่ละสาขาจะตั้งอยุ่ใกล้สถานีรถไฟ แต่พอถึงเวลาจอง (ล่วงหน้า 3 เดือน) ห้องเต็ม เลยต้องหาที่อื่นแทน
สรุปที่พัก 10 คืน
- Sapporo  4 คืน (ราคา 9,000 บาท)
- Hakodate 1 คืน  (Hotel Kikuya ราคา 2,700 บาท)
- Aomori 1 คืน  (APA Hotel Aomori-Eki Higashi  ราคา 2,500 บาท)
- Sendai 2 คืน  (Hotel Monterey Sendai  ราคา 7,800 บาท)
- Nagano 1 คืน  (Hotel Metropolitan Nagano ราคา 3,150 บาท )
- Tokyo 1 คืน  (APA Hotel Ueno Ekimae  ราคา 2,500 บาท)


3. JR Pass
         จากแผนการเดินทางที่วางไว้ลองคำนวนณดูแล้วใช้ JR Pass 7 วันน่าจะคุ้มแล้วประหยัดที่สุดสำหรับแผนการเดินทางที่กำหนดไว้ ซื้อที่งานท่องเที่ยว ราคา ใบละ 9,000 บาท voucher มีอายุ 3 เดือน คือซื้อและนำไปแลก JR Pass ที่ญี่ปุ่น ก่อนวันหมดอายุ ของผมซื้อก่อนเดินทาง 2 เดือนกว่าๆ ก็แลกได้ไม่มีปัญหา

4. Sim Card
         ไป 2 คน ผมชอบใช้ Sim Card มากกว่า Pocket WiFi เพราะผมคิดว่าสะดวกกว่า เดินแยกกันก็ยังมีเน็ตใช้ตลอด ครั้งนี้ผมเลือกใช้ sim 2 เจ้าด้วยกัน คือ
      - B-Mobile visitor sim ใช้ได้เน็ตได้ unlimited  14 วัน ราคา 2,380 yen อันนี้ต้องสั่งซื้อ online ล่วงหน้าแล้วไปรับที่สนามบิน Narita (รายละเอียด http://www.bmobile.ne.jp/english/ )
      - Sim2Fly ของ AIS ซื้อที่ shop AIS ใช้เน็ตได้ 3GB 8 วัน ราคา 399 บาท แต่ผมไปเกิน 8 วัน ก็ต้องเติมเงินเพื่อสมัคร package เพิ่มอีก ราคา 349 บาท ก็ได้เน็ตอีก 3GB และวันใช้งานอีก 8 วัน โดยผมได้สมัครไว้เรียบร้อยแล้วก่อนเดินทาง เพียงใส่ซิม เปิด roaming เครื่องก็จะจับสัญญาณให้เอง (sim เดียวใช้ได้หลายประเทศ ตอนรอต่อเครื่องที่สิงคโปร์ก็ใช้งานได้ครับ สะดวกดี) (รายละเอียดhttp://www.ais.co.th/roaming/sim2fly/)

5. ประกันการเดินทาง
         เวลาเดินทางไปต่างประเทศก็จะซื้อประกันไปด้วยทุกครั้งเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมาจะได้มีตัวช่วยผ่อนหนักเป็นเบา แต่ก็ยังไม่ได้โอกาสได้เคลมประกันซักที คราวนี้เลือกใช้ของ MSIG ราคา 1,550 บาท / 2 คน


ออกเดินทาง
13 October 2016
Day 0 :  Bangkok - Singapore - Narita Airport
     เวลา 18.35 น. เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปสิงคโปร์ เที่ยวบิน SQ979  โดยเครื่องบิน Airbus A330-300
    


อาหารบนเครื่องใช้ครัวการบินไทย
    


       ถึง Changi Airport ประมาณ  22.00 น. และสำหรับผู้ที่ต้องมาต่อเครื่องที่สนามบิน Changi ถ้าเวลาต่อเครื่องเกิน 2 ชั่วโมง สามารถแลก Changi Dollar Voucher (CDV) มูลค่า 20 SGD ไว้ใช้ซื้อสินค้าในสนามบินได้ โดยไปแลกที่ iShopChangi Collection Centres Terminal 3 เพียงแสดง passport และ boarding pass ก็จะได้ voucher มาคนละ 1 ใบ เวลาจ่ายก็สามารถรวม voucher หลายใบได้ครับ


       เวลา 23.55 น. ก็ออกเดินทางจากสนามบิน Changi เที่ยวบิน SQ638  โดยเครื่องบิน Boeing 777-200ER ไปสนามบิน Narita
ขึ้นไปก็หลับยาว ตื่นมาอีกทีก็ได้เวลาเสริฟอาหารเช้าพอดี




14 October 2016
Day 1 :  Narita Airport - New Chitose Airport - Sapporo
เวลา 8.00 น. ถึงสนามบินนาริตะ  เครื่องจอดที่ Terminal 1
แอบถ่าย Business Class


      หลังจากผ่านด่านตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไปรับ sim card ที่สั่งไว้ล่วงหน้า ที่ Post Office ซึ่งอยู่ชั้น 4  หลังจากนั้นรับ sim ก็ไปจัดการเรื่อง pass ต่างๆ ที่จะใช้เดินทางในทริปนี้กัน โดยลงไปที่ JR EAST Travel Service Center อยู่ที่ชั้น B1F Terminal 1  

- แลก JR Pass Exchange 7 Day โดยระบุว่าจะใช้งานวันแรกวันที่ 17 ตุลาคม
- ซื้อ Tateyama Kurobe Option Ticket ราคา 9,000 เยน ระบุว่าจะใช้วันที่ 23 ตุลาคม
- ซื้อ Suica IC Card 2,000 เยน (ค่ามัดจำบัตร 500 เยน เงินในบัตรใช้ได้ 1,500 เยน) หลักๆจะเอาไว้ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินกับรถบัส ตามเมืองต่างๆที่รับ IC Card จะได้ไม่ต้องไปกดซื้อจากตู้บ่อยๆ เงินหมดก็เติมเอา ใช้ได้ทั่วประเทศ แต่ต้องเอามาคืนที่ภูมิภาคที่ซื้อ
       หลังจากจัดการเรื่อง pass เรียบร้อย ก็เตรียมเดินทางเพื่อนั่งเครื่องต่อไปที่ฮอกไกโดกัน โดยกลับขึ้นมาที่ ชั้น 1 เดินออกไปด้านนอกที่ Bus stop No. 6 เพื่อรอขึ้นรถ shuttle bus ไป Terminal 2 พอถึง Terminal 2 ก็จะมีทางเดินต่อไปยัง Terminal 3

บริเวณด้านหน้าสนามบิน


ทางเดินจาก  Terminal 2 ไป Terminal 3 มีป้ายบอกทาง และระยะชัดเจน  


ด้านใน Terminal 3 ตกแต่งเป็นลู่วิ่งเพื่อต้อนรับ โอลิมปิก ปี 2020 ที่โตเกียวจะเป็นเจ้าภาพ


เค้าเตอร์เช็คอิน สายการบิน Vanilla Air

รอขึ้นเครื่อง


บริเวณ Gate


เวลา 12.20 น. เดินทางออกจากสนามบินนาริตะ


เวลา 14.00 น. ถึงสนามบิน New Chitose Airport  รับกระเป๋าเรียบร้อยก็เดินเล่นก็ซะหน่อย ขึ้นไปที่ Entertainment and Shopping Zone  ชั้น 3F และ 4F มีร้านค้าและของขายเยอะมาก เดินไปชิมไปก็แทบจะอิ่มแล้ว

Royce Chocolate Factory


Doraemon Wakuwaku Sky Park



Hello Kitty


       หลังจากเดินเล่นเสร็จเราก็จะเดินทางออกจากสนามบินไปที่พักในซัปโปโร โดยลงมา ชั้น B1F ที่ New Chitose Airport Station JR Information Desk

- ซือ Sapporo-Otaru Welcome Pass 1,700 เยน เพื่อใช้ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 15 ตุลาคม) เป็นตั๋วที่ใช้เดินทางด้วยรถไฟ JR ระหว่าง Sapporo - Otaru ได้ไม่จำกัดเทียว 1 วันแถมตํ๋วรถไฟใต้ดิน 1 day pass ใช้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในซัปโปโร ไม่จำกัด 1 วัน
- ซื้อตั๋วรถไฟ JR Rapid Airport ราคา 1,070 เยน เพื่อใช้เดินทางเข้าเมืองซัปโปโร หรือจะไปกดซื้อจากเครื่องจำหน่ายตั๋วเลยก็ได้
- สามารถใช้ JR Pass จองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้เลยนะครับ ผมจอง รถไฟ Sapporo ---> Asahikawa (วันที่ 17 ตุลาคม) และ Sapporo ---> Hakodate (วันที่ 18 ตุลาคม) ไว้ก่อนเลยเพราะต้องออกแต่เช้า จะได้ไม่ต้องรีบมาก
        
        
ชื่อสินค้า:   ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่