เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม ต่อให้รักยังไงก็ต้องคืนเค้าไป

สวัสดีค่ะ    นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ   หากพิมพ์วกวนต้องขออภัยด้วยค่ะ

เริ่มเลยนะคะ    เราไม่มีแฟน ไม่เคยแต่งงาน ไม่มีลูก มีหลานสาวหนึ่งคน ซึ่งเป็นลูกของน้องชายเรา   สมมุติชื่อหลานสาวคือน้อง อ นะคะ    พ่อกับแม่น้อง อ เลิกกันตั้งแต่น้องยัง 2 ขวบ  ประมาณปี 50

น้องอยู่กับแม่ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่   แต่จะไปๆมาๆระหว่างบ้านเรากับบ้านแม่น้อง อ    พ่อกับแม่เรารักน้อง อ มาก  รวมถึงเราเองก็รักหลานมากด้วยเพราะเป็นหลานคนแรก

        ช่วงนั้น ตัวเจ้าของกระทู้ยังทำงานที่ กทม.  แต่มีโอกาศได้โทรคุยกับน้อง อ แทบทุกวัน     แม่เราไปรับน้องมานอนด้วยเกือบทุกคืน แต่ฝ่ายโน้นก็ค่อนข้างกีดกัน  แต่ด้วยความที่กลัวชาวบ้านจะหาว่าใจดำเลยยอมๆปล่อยน้องมาบ้าง  

       ต่อมา ทั้งพ่อ และ แม่ ของน้อง อ  แต่งงานใหม่ด้วยกันทั้งคู่   ต่างคนต่างมีลูกใหม่กันทั้งสองฝ่าย   น้องชายเราย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ ( แต่ก็กลับมาบ้านตัวเองแทบทุกวัน ) น้อง อ เลยไม่ค่อยผูกพันกับพ่อ  แต่กลับผูกพันกับย่ามาก  น้องเรียกย่าว่า แม่ จนชิน ย่าหลานรักกันเหมือนแม่ลูก   ปรกติแม่เราเลี้ยงพวกเรามาก็ไม่ค่อยตีลูกๆ ผิดก็แค่บ่นๆ   แต่เราก็มั่นใจนะว่าเราและน้องๆเป็นคนที่คิดดี ทำดีกันทุกคน  

        แต่บ่อยครั้งที่ได้รู้มาว่าทางครอบครัวแม่น้อง อ  ชอบหาว่าแม่เราตามใจหลาน   ไม่เคยตี คือ กลัวเสียเด็ก
ซึ่งตรงข้ามกับแม่ของน้อง   แม่น้อง อ เป็นคนค่อนข้างเย็นชา  พูดน้อย พูดทีคนฟังหน้าชาไปเลย  เอาแต่ใจ  ใช้อารมณ์ในการตีลูก ไม่ค่อยสอนลูกด้วยเหตุผล  ชอบพูดกับลูกๆกูๆ แต่เราก็รู้ว่าเค้าก็รักลูกแหล่ะแต่แสดงออกไม่เป็น   น้อง อ ก็ไปๆมาๆทั้งสองบ้านอยู่หลายปี  บ้านโน้นหลักๆจะเป็นยายกับแม่ของน้องมักมีคำพูดนั่นนี่แว่วๆมาตลอด  คงเพราะมีเพื่อนบ้านดีๆคอยยุแยงตลอด  คือ กลัวน้องรักย่ามากกว่าตัวเองอ่ะน่ะ

        ต้นปี 57  แม่เราป่วยโคม่า เราย้ายกลับมาอยู่บ้านดูแลแม่ที่ รพ. เดือนพฤกศจิกา แม่เราเสีย

        และกลางปี 58 พ่อก็ป่วยหนักอีกคน  เราเอาน้อง อ มานอนด้วย ทางโน้นก็ไม่เต็มใจเท่าไหร่ หากช่วงไหนที่พ่อต้องนอน รพ. น้อง อ ก็จะอยู่บ้านแม่   เค้าไม่อยากให้มาเยี่ยม บอกกลัวติดโรค เรางงมาก คือพ่อแม่เราไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แต่กลับเอาความคิดแบบนี้มาใส่สมองเด็ก   

       สิงหาคม ปี 58  พ่อ ก็ตามแม่ไปอีกคน   

       ช่วงนั้น เราเคว้งมาก  ชีวิตจะอยู่ต่อไปยังไง   เสียใจ ร้องไห้ ทุกวัน ทุกคืน   บ้านหลังนี้เราต้องอยู่คนเดียว นอนคนเดียว  เป็นคนนิสัยขี้กลัวแล้วจะอยู่ยังไง  ก็ทำตีมึน ไปรับน้อง อ มาอยู่เป็นเพื่อน   ไปๆมาๆ ยายของน้อง อ เลยอนุญาติ ให้เก็บเสื้อผ้ามาอยู่เป็นเพื่อนเรา  คงเพราะสงสารเราหรือยังไงไม่รู้นะ  แต่แม่ของน้อง เราดูออกว่าไม่เต็มใจ

      เหตุผลที่เราอยากให้น้อง อ มาอยู่ด้วย เพราะสงสารหลานด้วย  คือ เราได้ยินบ่อยๆ ว่า แม่ชอบตีน้องแรงๆเวลาน้องทำผิด เล็กน้อย

และ สำคัญที่สุด เราห่วงเรื่อง พ่อเลี้ยง มาก  คือ แม่และพ่อเลี้ยงทำสวน เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด เลยต้องนอนเฝ้าสวน   บางครั้ง จะเอาน้อง อ ไปนอนด้วยกันที่สวน รวมทั้งน้องชายที่เกิดจากพ่อใหม่ด้วย  

      น้อง อ เป็นเด็กติดทีวี เคยเล่าให้เราฟังว่า ตอนไปนอนที่สวน ดูทีวีถึงตีหนึ่ง เราก็งงๆ ถามน้องว่า ทำไมแม่ปล่อยให้ดูดึกดื่น น้องบอกว่า แม่ไม่อยู่ไปเล่นไพ่ที่บ้านสวนข้างๆกัน ปล่อยให้ลูกสาว 10 ขวบ อยู่กับพ่อเลี้ยง มีน้องชายแค่เด็กอนุบาลอยู่ด้วย  เราฟังแล้วตกใจมาก คือ คิดได้ไง

     ตั้งแต่นั้นมา น้องจะอยู่กับเราตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกัน  ค่ากินอยู่ ชุดนักเรียน ค่ารถโรงเรียนเรารับผิดชอบทุกอย่าง    น้อง อ จะอยู่บ้านโน้นตอนเช้ากับเย็น รถโรงเรียนจอดตรงนั้น  บางวันก็อยู่นั่นจนเย็น  เสาร์ อาทิตย์ แม่ของน้องจะใช้ให้น้องชายมาเรียกที่บ้านเราไปช่วยทำงาน ทำสวน ทำนั่นนี่ แต่ก็นานๆที

         ปัญหาที่เกิดคือ  น้องเป็นเด็ก สมาธิสั้น   แต่ทางฝ่ายโน้นไม่ยอมเข้าใจ   
ด้วยที่ตัวน้อง อ เอง เป็นเด็กติดทีวี   ดูๆไปก็นั่งยิ้มกับทีวี  นั่งนิ่งๆไม่ได้ ตาจับจ้องทีวี  นั่งโยกตัวไปมา ยิ่งเพลินยิ่งโยกแรง  เรียกไม่ได้ยิน ต้องเรียกซ้ำๆ บางทีเรียกแล้วหัน เราก็พูดๆๆ พอพูดจบน้องไม่เข้าใจ  ต้องย้ำชัดๆอีกรอบ   บางทีใช้ให้หยิบของ พอเดินไปถึง กลับจำไม่ได้ว่ามาเอาอะไร   เป็นเด็กโลกส่วนตัวสูงมาก ชอบอยู่คนเดียว   เราเคยบอกทำไมไม่ไปเล่นกับเพื่อน น้องบอกรำคาญไม่ชอบ    เวลาไปไหนมาไหนกับเรา  เดินสวนกับแม่น้องก็ไม่ค่อยสนใจแม่   เราก็สอนทำไมไม่ทักแม่บ้าง   ทำไมไม่ไปหาแม่บ้าง   คือ จะบอก จะสอนตลอด  แต่น้องก็เฉย นิสัยจะนิ่งๆเหมือนแม่มาก  

     แต่ข้อดี คือ น้องความจำดีมากในเรื่ิองที่สนใจ  ช่างซักถามในเรื่องที่อยากรู้ จนบางทีเราคนตอบยังไปไม่เป็น   ว่างๆเราก็สอนก็ติวนู่นนี่  สอบได้ที่หนึ่ง   

จนหลังๆเริ่มมีปัญหา เวลายายเค้ามาหาที่บ้านเรา มักเจอจังหวะที่หลานนั่งดูทีวีตลอด   ก็บ่นว่าไม่ไปช่วยแม่ มาคลุกอยู่อย่างนี้ทำไม  พูดเหมือนเราไม่ฝึกให้หลานทำงาน  บอกกลัวหลานทำอะไรไม่เป็น ซึ่งจริงๆแล้ว น้องก็ทำงานบ้าน ล้างจาน กวาดถูบ้าน คือทำเสร็จแล้วค่อยดู  บางทีเราก็คิดว่าเค้ามองเราไม่ดีตลอด  เด็ก 11 ขวบ ทำได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว  คือ เบื่อมาก ต้องอดทนกับคำพูดนั่นนี่ของพวกเค้าหลายๆอย่าง  มีคนแถวบ้านบอกว่าพวกเค้าอิจฉาที่เราได้ใกล้ชิดน้องมากกว่า อิจฉาที่เราเลี้ยงหลานดีเกิน  คือ น้องเป็นเด็กที่โตเกินวัยมาก มีหน้าอก อวบอิ่ม เริ่มแตกวัยสาว  ยายเค้าก็ว่าเราว่าให้หลานกินเยอะ อ้าว ผิดอีก

      จนเรื่องมาเกิดเมื่ิออาทิตย์ก่อน  ตอนเช้าอยู่ๆยายมาบอกให้ไปอยู่บ้านโน้น  เก็บเสื้อผ้าไปให้หมด   เราก็งง  ตกเย็น แม่น้องเอากระเป๋ามาให้เก็บเสื้อผ้า อนุญาติแค่ให้มานอนเป็นเพื่อนเราแค่ตอนกลางคืน  ตื่นเช้ากลับบ้านโน้น   
      เราก็ถามว่าทำไม ไม่เห็นต้องเก็บเสื้อผ้าไปเลย
      แม่น้องบอกว่า ไม่ได้ ต้องกลับ ลูกเค้าโตเป็นสาวแล้ว เค้าเลี้ยงมาก็อยากใช้งาน  เราแย้งว่า อยากใช้งานวันหยุดก็มาเรียกก็ได้
     เค้าบอกว่า อาย ที่จะมาเรียก  เราบอกว่า งั้นไม่ต้องมาเรียก เดี๋ยวตื่นเช้ามาเราไล่ให้ไปหาที่บ้านเลย
     แม่น้องย้อนทันทีเลย ไม่ได้ ลูกเค้า ยังไงเค้าต้องเอาคืน  ลูกเค้าอยู่นี่ไม่มีความผูกพันกับเค้า ไม่รักไม่ผูกพันกับน้องชาย คลุกอยู่แต่ในบ้าน ไปไหนก็ไม่ได้ไป เล่นกับเพื่อนก็ไม่ได้เล่น  
เราโมโหมาก บอกพูดงี๊หมายความว่าเราห้ามไม่ให้หลานไปไหน ห้ามไม่ให้หลานไปเล่นกับเพื่อนใช่มั้ย  พยายามอธิบายว่าไม่เคยห้าม ตรงกันข้ามคือบอกให้ไปด้วยซ้ำ แต่เค้าไม่ไป  แม่น้องก็หาว่าอยู่ที่นี่สอนยาก บอกไรไม่ค่อยทำ  สุดท้ายเราเลยบอก ก็ตามใจ อยากทำไรก็ทำ ฉันไม่ใช่แม่ ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น   เลยตัดใจพูดไปว่า ถ้ามันมีปัญหามากนัก ก็ไม่ต้องมานอน เดินเข้าบ้าน มานั่งร้องไห้ทั้งป้าหลาน  คือเจ็บใจ เสียใจที่เค้าไม่เคยมองเราในแง่ดี  

      พอน้องไปอยู่นู่นแค่วันเดียว ตอนเย็นมาบอกเราว่าต่อไปจะมาดึก บอกหลังเลิกเรียนแม่กับยายให้ลงที่บ้านญาติเค้า เป็นร้านขายเสื้อผ้า ช่วยเก็บข้าวของ ได้วันละ 50 บาท  เสาร์อาทิตย์ทำเต็มวัน  คือ เราเข้าใจว่าต้องการฝึกให้ลูกทำงานหาเงิน  แต่ไม่เคยคิดเรื่องอ่านหนังสือ เรื่องเรียน   ทั้งที่จริงๆบ้านเค้ามีเงินมากกว่าเราด้วยซ้ำ   คืองกเงินทั้งแม่ทั้งลูก     เซ็งสุดคือหลานเต็มใจทำ
คือ พอไปอยู่นั่นเค้าก็ไม่สนใจเรา เหมือนอยู่ที่ไหนก็ได้  เห็นร่าเริงดี   แต่เรากลับร้องไห้คิดถึงเค้าซะงั้น  แค่ไม่เห็นเสื้อผ้า ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันก็ใจหาย
    
       เมื่อเช้าน้องไปบ้านโน้นสาย  ยายมาตาม กลัวหลานอยู่นี่นาน  มาถึงก็พูดๆๆๆๆ   ขนเสื้อผ้าไปให้หมดเลย ตัวไหนขาดยายจะเย็บให้  ชั้นในที่ยายซื้อให้อยู่ไหน  มีตลาดนัด ยายจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่  คือพูดเหมือนเราไม่ใส่ใจหลาน  ทั้งที่เสื้อผ้ามีให้ใส่เยอะแยะ  เราก็คิดในใจ ว่ารวยมาก รักหลานมาก ชุดนักเรียน สองพันกว่า ทำไมไม่ซื้อให้หลานล่ะคะ

พูดๆๆๆเสร็จก็ไป เราเสียใจเจ็บใจมาก  แต่พูดไรมากไม่ได้ ยอมให้มานอนเป็นเพื่อนเรา  เราต้องเจอคำพูดแบบนี้ ความคิดแบบนี้ ทำทุกอย่างเพื่อกีดกัน  เราคิดว่าจะต้องง้อเค้าทำไม อยู่คนเดียวก็ได้
เลยตัดสินใจพูดกับหลานว่าต่อไปไม่ต้องมานอนที่นี่   สงสารหลานมาก  ยืนนิ่งๆไม่พูดไม่จา    จนเราต้องบอกให้รีบไป   เค้าไม่อยากนอนที่บ้านโน้น แต่ถ้าโดนแม่สั่งก็ขัดไม่ได้ เพราะกลัวแม่มาก

  สุดท้ายเราอยากขอความคิดเห็นจากทุกคน  ว่าเราควรตัดใจให้เค้าไปอยู่กับแม่อย่างถาวรเลยดีมั้ย  เท่ากับตัดขาด เพราะเราคิดว่าคงไม่ยุ่งด้วยอีกแล้วไม่อยากให้เค้าคิดว่าเราวุ่นวายกับเค้าแล้ว

หรือจะยอมให้หลานนอนด้วยต่อไป อย่างที่เค้าเสนอมา เพราะหลานอยากนอนกับเรา  เราเองยังรักและสงสารเค้ามากเหมือนกัน  ตัดสินใจยากมาก

   
ป.ล.  ขออภัยที่เล่ายืดยาว เราแค่อยากเล่าให้ละเอียด เพื่อความชัดเจน  ซึ่งจริงๆก็แค่รวบรัด ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่เราปล่อยผ่าน
  
     ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านจนจบค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่