สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะมาเล่าประสบการณ์ความภาคภูมิใจในชีวิตของตัวเองจากคนที่เกเรมากๆ ในวันนี้ได้ก้าวเดินในทางที่ถูกต้องซักที ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้ตามอ่านพี่ๆหลายๆท่านที่ ประสบความสำเร็จด้วยวุฒิการศึกษาไม่แค่ ม.6 หรือเทียบเท่าและต่ำกว่านั้น วันนี้ผมก็เลยอยากจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้าง จะพยายามเรียบเรียงความคิดให้อ่านกระชับเข้าใจง่ายนะครับ ขอเริ่มเลยแล้วกันนะครับ
ประวัติส่วนตัวคร่าวๆ นะครับ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ผมเป็นลูกเมียน้อย พ่อเสียตั้งแต่เด็ก หลังพ่อเสียก็ได้มาอยู่กับแม่เลี้ยงที่เป็นเมียหลวง ฐานะทางบ้า ไม่ถึงกับยากจนและไม่รวย ถือว่าพอมีกินมีใช้ไปวันๆละกันครับ
นิสัยเลวๆ ก่อนที่จะมาเป็นผู้เป็นคนในทุกวันนี้ ผมเป็นเด็กที่มีปัญหาในตัวเอง และเป็นเด็กที่เก็บกฎ เกเรขนาดไหน เรียกว่าเลวเลยก็ได้ครับ เป็นเด็กติดเกม ชอบโดดเรียนไปเล่นเกมเป็นประจำ ชอบทำให้ที่บ้านปวดหัว ชอบทำตามใจตัวเองไม่สนใจคำทัดทานของคนที่บ้าน และเป็นคนที่มีกริยาก้าวร้าวรุนแรงกับคนที่บ้าน และที่เด็ดสุดคือ ที่บ้านส่งเรียน ป.ตรี แต่ผมดันทำความหวังเค้าพังด้วยการเรียนไม่จบ เพราะด้วยความที่เป็นเด็กเก็บกฎพอมาเจอสังคมใหม่ๆ มีอิสระในตัวเอง ก็กลายเป็นว่าทำตัวเหลวแหลกเลยครับ
ขอตัดมาที่เหตุการหลักๆเลยนะครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เป็นเด็กที่เกเรมา อ่านจากนิสัยเลวๆข้างบนดูครับ ซึ่งหลักจากที่ผมก้าวเท้าออกจากการเรียนรั้วมหาวิทยาลัย ตรงนี้ก็เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมเลยครับ ซึ่งตอนเรียน ป.ตรี ผมได้ไปชอบผู้หญิงคนนึง แถมหลังจนงอมแงมชนิดที่เรียกว่าโงหัวไม่ขึ้นเลยครับ ซึ่งมันทำให้ผมเสียการเรียนเป็นอย่างมาก จนในที่สุดผมก็ไม่เข้าไปเรียนอีกเลย เพราะผมสนใจแค่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนแบบประมาณว่าโดนน้ำมันพรายเลย ฮ่าๆ แล้วก็ทำให้ผมหมดสิทธิ์สอบ แล้วผมก็ขาดการติดต่อกับที่บ้านไปประมาณ 1 ปีสุดท้ายก็ซมซานกลับมาบ้านหาแม่ ช่วงต้นปี 2557 (ขอไม่เล่าประสบการณ์ในช่วง 1ปีที่ผมหายไปนะครับ) ซึ่งพอผมกลับมาบ้านผมก็เริ่มคิดได้ว่า อยากกลับไปเรียนต่อ ก็ได้ไปคุยกับแม่ แต่แม่บอกว่าส่งไม่ไหวแล้วให้ผมหางานทำ ทีนี้จะเป็นเนื้อหาในส่วนของการทำงานแล้วนะครับ
ผมเริ่มทำงานที่แรก เมื่อต้นปี 2557 เป็นร้านตัวแทนจำหน่าอุปกรณ์ไอทีของบริษัท Ad....e ซึ่งผมทำงานโดยตอนที่มาสมัครงานผมสมัครเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ แต่ไปๆมาๆ ดันเป็นพนักงานขายเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นผมก็ ok ไม่คิดมากดีกว่าไม่มีงานทำ โดยเริ่มต้นทำงานเป็นพนักงานจ้างรายวันได้เงินวันละ 250 บาท ห้ามหยุด ห้ามลา จนกว่าจะได้เป็นพนักงานเต็มตัวที่ได้รับเงินเป็นรายเดือน ทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2ทุ่ม ปิดร้านเคลียเงิน ทำที่นี่ได้ 1เดือน เจ้านายเห็นความสามารถ เลยปรับให้เป็นรับเงินเดือน ได้เงินเดือนๆละ 9,000บาท หยุดได้ 2 วันต่อเดือน ซึ่งผมก็ทำอย่างนี้เรื่อยมา ได้ประมาณ 10 เดือน ผมก็ลาออกจากงาน เพื่อมาทำงานในที่ใหม่
การทำงานครั้งใหม่นี้ ผมได้รู้จักกับพี่คุณนึง ซึ่งทุกวันนี้ผมถือว่าเค้าเป็นผู้มีพระคุณกับผมอย่างมาก เพราะเค้าเหมือนเป็นใบเบิกทางให้ผมได้เข้ามาทำงานในสายอาชีพที่ผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นตั้งแต่เด็ก นั่นคือ อาชีพโปรแกรมเมอร์ ผมได้รู้จักบุคคลท่านนี้ผ่านทาง pantip ซึ่งเค้าเห็นผมมาตอบกระทู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมต่างๆ แล้วเค้าเห็นว่าเรามีความพยายามดี เลยชวนเข้ามาทำงานด้วย และผมก็ตอบตกลง แล้วได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพ โดยมีเงินติดตัวแค่ 7000 บาท และมีประเป่าใบเล็กๆ 1ใบ ในนั้นมีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด และมีโน็ตบุค 1เครื่อง แต่โชคดีที่พี่เค้าให้เบิกเงินก่อนครึ่งนึง ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้เริ่มทำงานให้เค้า มาจ่ายค่าเช่าห้องและมัดจำห้อง แถมพาผมไปซื้อของใช้ที่จำเป็นอีกเ้วย ซึ่งตอนนั้นผมบอกเลยว่า ความรู้ในการเขียนโปรแกรมผมเป็นหางอึ่งมาก ผมทำงานกับที่นี่ได้ 6 เดือน โดยได้รับเงินเดือนที่ 14,000 บาท ซึ่งที่ผมจากเค้ามาเพราะว่า บริษัทเค้าไม่มีรายได้มากว่า 4 เดือนแล้ว แล้วเค้าก็ไม่ค่อยมีงานให้ผมทำ แต่เค้าก็ยังจ่ายเงินเดือนผมอยู่ตลอดทุกเดือน ผมเลยเริ่มมองหาช่องทางใหม่ โดยการฝากประวัติไว้ในเว็บหางานต่างๆ แล้วก็หางานจากเว็บ Blognone ซึ่งในตอนนั้นมีหลายๆบริษัทติดต่อเข้ามาขอนัดสัมภาษณ์ผม ประมาณ 8 ที่ โดยที่ผมเองก็ยังตกใจว่า 5 ใน 8 ที่ยินดีรับผมเข้าทำงาน ทั้งๆ ที่ผมแจ้งแต่แรกแล้วว่า ผมไม่เคยเรียนเขียนโปรแกรมเลย มีแค่ความรู้พื้นฐาน แถมไม่มีวุฒิการศึกษาตามที่เค้าต้องการ และในที่สุดผมก็เลือกบริษัทที่ผมทำงานอยู่ ณ ปัจจุบัน
ทำงานที่ปัจจุบัน ผมขอเล่าประสบการณ์สัมภาษณ์งานของที่นี่หน่อยนะครับ เพราะมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากสำหรับผม ในวันที่ผมเข้าไปสัมภาษณ์งาน ผมคิดว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งานภาษาไทย แล้วได้เจอพี่ที่เป็น Manager เค้าก็เข้ามาอธิบายว่าเดี่ยวรอคนสัมภาษณ์งานมาก่อนนะ น่าจะถึงแล้ว แล้วเค้าก็ถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย ณ วินาทีนั้นผมช็อคแล้วครับ ภาษาอังกฤษ ผมได้แต่อุทานในใจว่า
"โอ้ว.......แม่เจ้า" แล้วผมก็บอกพี่ Manager ว่าพี่ครับผมขอไม่สัมภาษณ์ได้มั้ยครับ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าอายมากของผม แต่พี่ manager ใจดีมากบอกว่าไม่เป็นไรเดี่ยวเค้าเป็นล่ามให้ ในตอนนั้นผมนั่งคิดแล้วว่า ผมไม่ผ่านชัวๆ ในขั้นตอนการสัมภาษณ์เป็นอะไรที่เบสิคมากๆ คือผมไปนั่งฟังคนสัมภาษณ์ (ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ) เล่าให้ฟังเกี่ยวกับบริษัท แล้วเค้าก็ถามถึงเงินเดือนว่าผมต้องการเท่าไหร่ ซึ่งผมเห็นเรทที่เค้าลงในเว็บที่ผมไปสมัครแล้ว แต่ผมก็แบบกลัวเค้าไม่รับ และเราไม่รู้อะไรเลย เลยเรียกเงินไปแบบกล้าๆ กลัวๆ ว่า ขอ 20000 ละกันครับ แล้วก็ให้ทำเทสนิดหน่อย ซึ่งเป็นอะไรที่ง่ายมากคือ ให้แสดงผลเลข 0-100 และเขียน SQL ง่ายๆ เป็นอันจบการสัมภาษณ์ ซึ่งหลังจากจบการสัมภาษณ์ ผมก็เตรียมหางานที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว เพราะคิดว่ายังไงคงไม่ผ่านแน่ๆ ผ่านไป 2 อาทิตย์นำตาผมแทบจะไหลเป็นสายน้ำ มีเมลตอบกลับจากบริษัท ซึ่งผมก็อ่านไม่ออกซักตัว 555 แต่รู้แค่ว่าเค้ารับผมเข้าทำงานแล้ว ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกเป็นอะไรที่ ทรมาณและกดดันมากๆ นอนน้ำตาไหลไปหลายหน เพราะกลัวไม่ผ่านงาน 3 เดือน ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรก ผมเริ่มต้นที่เงินเดือน 20,000 บาท ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ 0 ทั้งเรื่องของการเขียนโปรแกรม และภาษาอังกฤษ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทรหดมาก เพราะผมต้องเรียนรู้ตั้งแต่การเขียนโปรแกรมให้ได้ Performance มากที่สุดและยังเป็นเรื่องของหลักการเขียน OOP แถมยังต้องเรียนรู้ภาษาใหม่อีกทั้ง Python และ Bash script รวมถึงต้องมาเรียนรู้การใช้งาน Linux การเซ็ตอัพระบบ Server การทำ API บลาๆ และยังรวมถึงทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาสุดๆ ในการเรียนรู้ทุกอย่างให้เป็นภายในระยะเวลา 3เดือน ซึ่งหลังจากผมผ่านช่วงทดลองงาน เป็นอะไรที่ผมดีใจมากๆ และได้อัพเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 2,4000 บาทและหลังจากนั้นทำงานได้อีก 2 เดือน เจ้านายได้ทำการประเมิณผลอีกครั้ง ซึ่งการประเมิณครั้งนี้เป็นการประเมิณก่อนกำหนด ได้อัพเงินเดือนเป็น 30,000 บาทและประเมิณครั้งต่อไปของเดือนเมษายน ปีนี้ ก็ได้อัพเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 บาท และปัจจุบันประเมิณครั้งล่าสุดเมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้เลื่อนมากเป็น 42,000บาท ซึ่งผมไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ตัวเองจะมายืนอยู่ในจุดๆนี้ได้ ทั้งๆที่มีวุฒิการศึกษาแค่ ปวช. และในตอนนี้ผมก็ได้มา work & travel ที่บาหลีเป็นเวลา 1 เดือนซึ่งบริษัทเป็นคนจ่ายให้เกือบทั้งหมด (มากันทั้งทีม) สุดท้ายนี้จะขอนำรูปการมาบาหลีครั้งแรกมาฝากครับ
ปล. ถ้าอ่านแล้ว งง ต้องขออภัยด้วยนะครับ เรียบเรียงไม่เก่งครับ
แชร์ประสบการณ์จากเด็กเกเรสู่เงินเดือนเกือบครึ่งแสนใน 3 ปี
ประวัติส่วนตัวคร่าวๆ นะครับ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ผมเป็นลูกเมียน้อย พ่อเสียตั้งแต่เด็ก หลังพ่อเสียก็ได้มาอยู่กับแม่เลี้ยงที่เป็นเมียหลวง ฐานะทางบ้า ไม่ถึงกับยากจนและไม่รวย ถือว่าพอมีกินมีใช้ไปวันๆละกันครับ
นิสัยเลวๆ ก่อนที่จะมาเป็นผู้เป็นคนในทุกวันนี้ ผมเป็นเด็กที่มีปัญหาในตัวเอง และเป็นเด็กที่เก็บกฎ เกเรขนาดไหน เรียกว่าเลวเลยก็ได้ครับ เป็นเด็กติดเกม ชอบโดดเรียนไปเล่นเกมเป็นประจำ ชอบทำให้ที่บ้านปวดหัว ชอบทำตามใจตัวเองไม่สนใจคำทัดทานของคนที่บ้าน และเป็นคนที่มีกริยาก้าวร้าวรุนแรงกับคนที่บ้าน และที่เด็ดสุดคือ ที่บ้านส่งเรียน ป.ตรี แต่ผมดันทำความหวังเค้าพังด้วยการเรียนไม่จบ เพราะด้วยความที่เป็นเด็กเก็บกฎพอมาเจอสังคมใหม่ๆ มีอิสระในตัวเอง ก็กลายเป็นว่าทำตัวเหลวแหลกเลยครับ
ขอตัดมาที่เหตุการหลักๆเลยนะครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เป็นเด็กที่เกเรมา อ่านจากนิสัยเลวๆข้างบนดูครับ ซึ่งหลักจากที่ผมก้าวเท้าออกจากการเรียนรั้วมหาวิทยาลัย ตรงนี้ก็เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมเลยครับ ซึ่งตอนเรียน ป.ตรี ผมได้ไปชอบผู้หญิงคนนึง แถมหลังจนงอมแงมชนิดที่เรียกว่าโงหัวไม่ขึ้นเลยครับ ซึ่งมันทำให้ผมเสียการเรียนเป็นอย่างมาก จนในที่สุดผมก็ไม่เข้าไปเรียนอีกเลย เพราะผมสนใจแค่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนแบบประมาณว่าโดนน้ำมันพรายเลย ฮ่าๆ แล้วก็ทำให้ผมหมดสิทธิ์สอบ แล้วผมก็ขาดการติดต่อกับที่บ้านไปประมาณ 1 ปีสุดท้ายก็ซมซานกลับมาบ้านหาแม่ ช่วงต้นปี 2557 (ขอไม่เล่าประสบการณ์ในช่วง 1ปีที่ผมหายไปนะครับ) ซึ่งพอผมกลับมาบ้านผมก็เริ่มคิดได้ว่า อยากกลับไปเรียนต่อ ก็ได้ไปคุยกับแม่ แต่แม่บอกว่าส่งไม่ไหวแล้วให้ผมหางานทำ ทีนี้จะเป็นเนื้อหาในส่วนของการทำงานแล้วนะครับ
ผมเริ่มทำงานที่แรก เมื่อต้นปี 2557 เป็นร้านตัวแทนจำหน่าอุปกรณ์ไอทีของบริษัท Ad....e ซึ่งผมทำงานโดยตอนที่มาสมัครงานผมสมัครเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ แต่ไปๆมาๆ ดันเป็นพนักงานขายเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นผมก็ ok ไม่คิดมากดีกว่าไม่มีงานทำ โดยเริ่มต้นทำงานเป็นพนักงานจ้างรายวันได้เงินวันละ 250 บาท ห้ามหยุด ห้ามลา จนกว่าจะได้เป็นพนักงานเต็มตัวที่ได้รับเงินเป็นรายเดือน ทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2ทุ่ม ปิดร้านเคลียเงิน ทำที่นี่ได้ 1เดือน เจ้านายเห็นความสามารถ เลยปรับให้เป็นรับเงินเดือน ได้เงินเดือนๆละ 9,000บาท หยุดได้ 2 วันต่อเดือน ซึ่งผมก็ทำอย่างนี้เรื่อยมา ได้ประมาณ 10 เดือน ผมก็ลาออกจากงาน เพื่อมาทำงานในที่ใหม่
การทำงานครั้งใหม่นี้ ผมได้รู้จักกับพี่คุณนึง ซึ่งทุกวันนี้ผมถือว่าเค้าเป็นผู้มีพระคุณกับผมอย่างมาก เพราะเค้าเหมือนเป็นใบเบิกทางให้ผมได้เข้ามาทำงานในสายอาชีพที่ผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นตั้งแต่เด็ก นั่นคือ อาชีพโปรแกรมเมอร์ ผมได้รู้จักบุคคลท่านนี้ผ่านทาง pantip ซึ่งเค้าเห็นผมมาตอบกระทู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมต่างๆ แล้วเค้าเห็นว่าเรามีความพยายามดี เลยชวนเข้ามาทำงานด้วย และผมก็ตอบตกลง แล้วได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพ โดยมีเงินติดตัวแค่ 7000 บาท และมีประเป่าใบเล็กๆ 1ใบ ในนั้นมีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด และมีโน็ตบุค 1เครื่อง แต่โชคดีที่พี่เค้าให้เบิกเงินก่อนครึ่งนึง ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้เริ่มทำงานให้เค้า มาจ่ายค่าเช่าห้องและมัดจำห้อง แถมพาผมไปซื้อของใช้ที่จำเป็นอีกเ้วย ซึ่งตอนนั้นผมบอกเลยว่า ความรู้ในการเขียนโปรแกรมผมเป็นหางอึ่งมาก ผมทำงานกับที่นี่ได้ 6 เดือน โดยได้รับเงินเดือนที่ 14,000 บาท ซึ่งที่ผมจากเค้ามาเพราะว่า บริษัทเค้าไม่มีรายได้มากว่า 4 เดือนแล้ว แล้วเค้าก็ไม่ค่อยมีงานให้ผมทำ แต่เค้าก็ยังจ่ายเงินเดือนผมอยู่ตลอดทุกเดือน ผมเลยเริ่มมองหาช่องทางใหม่ โดยการฝากประวัติไว้ในเว็บหางานต่างๆ แล้วก็หางานจากเว็บ Blognone ซึ่งในตอนนั้นมีหลายๆบริษัทติดต่อเข้ามาขอนัดสัมภาษณ์ผม ประมาณ 8 ที่ โดยที่ผมเองก็ยังตกใจว่า 5 ใน 8 ที่ยินดีรับผมเข้าทำงาน ทั้งๆ ที่ผมแจ้งแต่แรกแล้วว่า ผมไม่เคยเรียนเขียนโปรแกรมเลย มีแค่ความรู้พื้นฐาน แถมไม่มีวุฒิการศึกษาตามที่เค้าต้องการ และในที่สุดผมก็เลือกบริษัทที่ผมทำงานอยู่ ณ ปัจจุบัน
ทำงานที่ปัจจุบัน ผมขอเล่าประสบการณ์สัมภาษณ์งานของที่นี่หน่อยนะครับ เพราะมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากสำหรับผม ในวันที่ผมเข้าไปสัมภาษณ์งาน ผมคิดว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งานภาษาไทย แล้วได้เจอพี่ที่เป็น Manager เค้าก็เข้ามาอธิบายว่าเดี่ยวรอคนสัมภาษณ์งานมาก่อนนะ น่าจะถึงแล้ว แล้วเค้าก็ถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย ณ วินาทีนั้นผมช็อคแล้วครับ ภาษาอังกฤษ ผมได้แต่อุทานในใจว่า "โอ้ว.......แม่เจ้า" แล้วผมก็บอกพี่ Manager ว่าพี่ครับผมขอไม่สัมภาษณ์ได้มั้ยครับ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าอายมากของผม แต่พี่ manager ใจดีมากบอกว่าไม่เป็นไรเดี่ยวเค้าเป็นล่ามให้ ในตอนนั้นผมนั่งคิดแล้วว่า ผมไม่ผ่านชัวๆ ในขั้นตอนการสัมภาษณ์เป็นอะไรที่เบสิคมากๆ คือผมไปนั่งฟังคนสัมภาษณ์ (ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ) เล่าให้ฟังเกี่ยวกับบริษัท แล้วเค้าก็ถามถึงเงินเดือนว่าผมต้องการเท่าไหร่ ซึ่งผมเห็นเรทที่เค้าลงในเว็บที่ผมไปสมัครแล้ว แต่ผมก็แบบกลัวเค้าไม่รับ และเราไม่รู้อะไรเลย เลยเรียกเงินไปแบบกล้าๆ กลัวๆ ว่า ขอ 20000 ละกันครับ แล้วก็ให้ทำเทสนิดหน่อย ซึ่งเป็นอะไรที่ง่ายมากคือ ให้แสดงผลเลข 0-100 และเขียน SQL ง่ายๆ เป็นอันจบการสัมภาษณ์ ซึ่งหลังจากจบการสัมภาษณ์ ผมก็เตรียมหางานที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว เพราะคิดว่ายังไงคงไม่ผ่านแน่ๆ ผ่านไป 2 อาทิตย์นำตาผมแทบจะไหลเป็นสายน้ำ มีเมลตอบกลับจากบริษัท ซึ่งผมก็อ่านไม่ออกซักตัว 555 แต่รู้แค่ว่าเค้ารับผมเข้าทำงานแล้ว ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกเป็นอะไรที่ ทรมาณและกดดันมากๆ นอนน้ำตาไหลไปหลายหน เพราะกลัวไม่ผ่านงาน 3 เดือน ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรก ผมเริ่มต้นที่เงินเดือน 20,000 บาท ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ 0 ทั้งเรื่องของการเขียนโปรแกรม และภาษาอังกฤษ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทรหดมาก เพราะผมต้องเรียนรู้ตั้งแต่การเขียนโปรแกรมให้ได้ Performance มากที่สุดและยังเป็นเรื่องของหลักการเขียน OOP แถมยังต้องเรียนรู้ภาษาใหม่อีกทั้ง Python และ Bash script รวมถึงต้องมาเรียนรู้การใช้งาน Linux การเซ็ตอัพระบบ Server การทำ API บลาๆ และยังรวมถึงทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาสุดๆ ในการเรียนรู้ทุกอย่างให้เป็นภายในระยะเวลา 3เดือน ซึ่งหลังจากผมผ่านช่วงทดลองงาน เป็นอะไรที่ผมดีใจมากๆ และได้อัพเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 2,4000 บาทและหลังจากนั้นทำงานได้อีก 2 เดือน เจ้านายได้ทำการประเมิณผลอีกครั้ง ซึ่งการประเมิณครั้งนี้เป็นการประเมิณก่อนกำหนด ได้อัพเงินเดือนเป็น 30,000 บาทและประเมิณครั้งต่อไปของเดือนเมษายน ปีนี้ ก็ได้อัพเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 บาท และปัจจุบันประเมิณครั้งล่าสุดเมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้เลื่อนมากเป็น 42,000บาท ซึ่งผมไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ตัวเองจะมายืนอยู่ในจุดๆนี้ได้ ทั้งๆที่มีวุฒิการศึกษาแค่ ปวช. และในตอนนี้ผมก็ได้มา work & travel ที่บาหลีเป็นเวลา 1 เดือนซึ่งบริษัทเป็นคนจ่ายให้เกือบทั้งหมด (มากันทั้งทีม) สุดท้ายนี้จะขอนำรูปการมาบาหลีครั้งแรกมาฝากครับ
ปล. ถ้าอ่านแล้ว งง ต้องขออภัยด้วยนะครับ เรียบเรียงไม่เก่งครับ