อยากจะเล่าประสบการณ์ของช่วงชีวิตที่พอโตขึ้นแล้วนึกย้อนไปแล้ว ได้แต่เกิดคำถามว่าทำไม ? อยู่ในหัว ...
จะพยายามเล่าให้สั้น ตัวละครน้อยที่สุด ชื่อตัวละครทุกตัว จะใช้ชื่อเล่นจริงนะครับ เล่ารวดเดียวจบ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอน ม.6 กลุ่มผมจะมีอยู่ 6 คน ที่สนิทกันที่สุดจะมี 2 คน ที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ ม.1 ซึ่งคือตัวละครหลัก คือ กุล กับ โอ
ผมจะสนิทกับกุลมากที่สุดและโอตามลำดับ พวกเราจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไปเที่ยว ดูหนัง โยนโบว์ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวเพื่อนกันบ่อยๆเรียกได้ว่าเข้าถึงที่บ้านของทุกคน รู้ลึก ถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง
โอ บ้านมีฐานะ พ่อแม่ ทำบริษัทสายการบินแห่งชาติทั้งคู่และเป็นลูกคนเดียว เป็นคนที่ต้องนำอะไรใครอยู่เสมอ โทรศัพย์รุ่นใหม่ ๆ nokia N Series รุ่นไหนใหม่ โอจะซื้อมาใช้เสมอ โอเป็นไม่กี่คนที่มี Notebook ไปโรงเรียน มีกล้อง DSLR ... ถ้าไปไหนกับบ้านโอ พ่อโอขับ Accord ป้ายแดงเลยครับตอนนั้นนั่งแล้วรู้สึกหรูหรามาก เอาเป็นว่า ชีวิตโอก็ดูจะเพอร์เฟค
ต่อมากุล บ้านก็มีฐานะเหมือนกัน แม่ทำงานอยู่สิงคโปร คอยส่งเงินมาให้กุลเป็นเดือนตลอด กุลอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่บุญธรรม เป็นคนไม่ค่อยทันใครและชอบตามเพื่อน ไม่ว่าจะโทรศัพย์ ของใช้ หรืออะไร กุลจะซื้อรุ่นที่เพื่อนใช้เหมือนกัน
เล่าเรื่องเลยละกันครับ สมัยนั้นมอเตอร์ไซค์ออโต้กำลังเข้ามาฮิตอย่างพวก คลิ๊ก มีโอ ฟีโน่ เนื่องจากบ้านผมอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก จึงออกคลิ๊กมาไว้ขับไปโรงเรียนและเป็นคนเดียวในห้องที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียน ช่วงกีฬาสีได้รถผมนี่แหละวิ่งซื้อของตลอดเลย 55555+ อ้อ ... โรงเรียนผมอยู่กรุงเทพโซนที่รถติดหนักมาก ๆ นะครับ
พอโอรู้ ผ่านไป 1 เดือน โอไปโปซื้อนูโว mx มาขับเลยครับ ผมนี่ งง มาก เพราะมันไม่มีทีท่าว่าจะชอบมอเตอร์ไซค์เลย ... มารู้ทีหลังตอนเจอแม่โอ ว่าโอมาขอแม่ซื้อ แต่แม่ไม่ให้เพราะเห็นว่าอันตราย ถ้าจะออกมอไซค์แม่จะออกวีออสให้ นั่น รวยปะล่ะครับ แต่โอไม่เอา แต่แอบแม่ไปซื้อมือสองเองในราคาสี่หมื่นด้วยเงินเก็บของตัวเอง รวยเข้าไปอีก
พวกเราเริ่มไปไหนมาไหนกันด้วยมอเตอร์ไซค์ ไปเรียน รด.วิภา เอากุลซ้อนท้ายกัน มันเหมือนเปิดโลกกว้างไปอีกขั้น โดดเรียนขี่รถไปเที่ยวที่อื่นๆกันบ้าง
ผ่านไปไม่นาน กุลอยากได้บ้าง เลยโทรไปขอแม่ที่สิงคโปร แม่กุลก็ตามใจครับ โอนเงินมาให้กุลเพื่อซื้อมอไซค์ แต่ผมบอกให้รอรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว กุลเลยยังไม่ซื้อ
ทีนี้กุลโดนโอกล่อมว่าให้ซื้อเลย เดี๋ยวจะพาไปร้านที่โอออกรถ ราคาไม่แพง ซื้อมือสองก็ได้ เงินจะได้เหลือไว้แต่งอีก ตอนนี้พวกเราปิดเทอมกันแล้วครับเจอกันบ้างไม่เจอบ้าง แต่พรุ่งนี้จะเป็นวันปัจฉิมครับ กุลบอกว่าเสร็จงานปัจฉิม โอจะพาไปซื้อรถ
คืนก่อนปัจฉิม ลูกพี่ลูกน้องโอชื่อโมก ได้โทรหาผม คือก็สนิทกันนะเพราะไปบ้านโอบ่อยและเรียนโรงเรียนเดียวกันเป็นรุ่นน้องอยู่ 3 ปี โมกเป็นเด็กเกเร นักเลง มีท่าทีจะเรียนไม่จบ และสุดท้ายก็ไม่จบ
โมกเล่าทั้งหมดให้ฟังว่า โอได้ให้โมกว่าจ้างนักเลงให้ดักปล้น คือให้ปล้นโอกับกุลทั้งหมดเลย และเอาของโอมาคืนและของที่ปล้นได้ เพื่อให้ดูเนียน โดยตกลงจ่ายให้ 5000 และนัดเวลากับสถานที่ ๆ จะขับผ่านเป็นซอยเปลี่ยว ๆไว้ แต่โมกไม่เล่นด้วยเพราะเห็นเป็นเพื่อนกันเอง ผมตกใจมาก ไม่เชื่อด้วยซ้ำ ถามซ้ำไปซ้ำมา หาเหตุผลก็ไม่เจอ ผมไม่ปักใจเชื่อและไม่คิดว่ามันจะหาคนได้ แต่ก็ไม่ได้วางใจ โมกบอกว่า "กูมาเตือนแค่นี้แหละ กูสงสารพวก กูทำได้แค่นี้"
วันรุ่งขึ้นวันปัจฉิมมาถึง กิจกรรมมันวุ่นวายมาก ผมก็ดูโอกับกุลแบบห่าง ๆ ตอนงานเลี้ยง ผมก็เดินไปคุย ถ่ายรูปกับห้องอื่น จนมองหากุลกับโออีกทีก็หายไปแล้ว ผมโทรหาเป็นหลายสิบสาย ไม่มีใครรับ จะเย็นแล้วเจอกุลวิ่งมาจากหน้าประตูโรงเรียน หน้าตาเสียเลย
เห้ย !!! กูโดนปล้น ตังที่กดจะซื้อรถโดนปล้นหมดเลย ไอ้โอก็โดน มันขับมาตีคู่ถามทาง ไอโอก็จอดแล้วมันลงมาเอามีดมาจี้กู รถมันทะเบียนก็ไม่ติด ทำไงดีวะ ...
พอผมรู้เท่านั้นแหละ ผมโมโห สั่นไปทั้งตัว ถามด้วยความโมโหมาก ว่าไอ้โอไปไหน ... กุล งงมากว่าทำโมโหทำไม
กุลบอกว่า โอมาส่งและไปตามหาไอ้พวกที่ปล้นละไปแจ้งความ
ผมเลยพากุลไปที่ห้องปกครอง เล่าทุกอย่างให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ให้ติดต่อโอ แต่โอไม่รับสายเลย โทรจนโอรับ โอบอกว่าตอนนี้รถเสียอยู่ ซ่อมเสร็จแล้วจะกลับโรงเรียน เมื่อโอมาถึงก็ไปคุยกันที่ห้องปกครอง อาจารย์ยังไม่ยิงคำถามโดยตรงแต่ให้โอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน อาจารย์บอกโจรปล้นก็แปลกปล้นทั้งที่หมดตัวเลย ทำไมไม่เอารถไปด้วย และถามว่าโอมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ไหม รู้ถึงผลเสียที่จะตามมาไหม ถ้าไม่มีอะไรก็จะส่งเรื่องให้กับทางตำรวจ ซึ่งถ้าให้การที่เป็นประโยชร์ในห้องนี้ กุลก็รับปากว่าจะไม่เอาเรื่องทางคดี แต่มีบทลงโทษเกี่ยวกับการจบ ม.ปลายของโอ ซึ่งโอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้ให้ไปให้ปากคำที่ สน. โอรีบสวนว่า ผมไปแจ้งมาแล้ว อาจารย์ถามหาใบแจ้งความ ซึ่งโอไม่มี อาจารย์ติดต่อไปยังโรงพักพวกเราจึงไปโรงพักกัน
ตำรวจเรียกไปสอบปากคำทีละคน เริ่มที่ผม กุล และโอ ผมให้การพาดพิงที่ได้ข้อมูลมาจากโมก ตำรวจถึงให้เชิญโมกมาที่โรงพักด้วย
ระหว่างนี้ พ่อ แม่ โอ มาที่โรงพัก ไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ... โอโดนสอบปากคำคนสุดท้ายและนานที่สุดเกือบ 2 ชั่วโมง พ่อ แม่โอ เข้าไปในห้องที่โอโดนสอบสวน สักพักแม่ออกมา ร้องไห้ใหญ่เลย บอกว่าโอยอมรับแล้ว เงินทั้งหมดเอาไปเป็นค่าจ้าง 5000 และที่บอกว่ารถเสีย คือพอไปเอาเงินมา โอก็เอาไปแต่งรถเปลี่ยนโช๊ค เปลี่ยนชุดสี ซื้อท่อแต่ง จนเงินเหลืออยู่ไม่กี่บาท แม่ขอโทษและจะชดใช้ให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องคดีความอยากให้กุลยอมความ แม่ขอร้องเพราะไม่อยากเห็นโอหมดอนาคต กุลใจอ่อนเพราะสงสารแม่โอที่ร้องไห้แทบจะขาดใจ อาจารย์ที่สนิทกับตำรวจอยู่แล้ว จึงคุยไกล่เกลี่ยกันเองอีกครั้งหลังบนโรงพักจากที่โอยอมรับ โดยที่กุลจะไม่เอาความทางคดีอะไรเลย ส่วนทางโรงเรียนตอนแรกจะมีบทลงโทษการจบของโอ แต่แม่โอก็ขอร้องอาจารย์และขอให้กุลอโหสิให้กับสิ่งที่ลูกเขาทำ ... จนกุลไม่เอาความทุกสิ่งทุกอย่าง
ปัจจุบันรู้มากจากเพื่อนอีกทีว่า โอเรียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวภาษาญี่ปุ่นมหาลัยดัง มหาลัยหนึ่ง ตอนนี้จบมาเป็นสจ๊วดของสายการบินหนึ่ง ...
เมื่อไม่กี่วันผมพึ่งคุยไลน์กับกุลถึงเรื่องนี้ที่ผ่านมา พวกเราได้แต่หวังว่า มันจะเป็นบทเรียนให้กับโอ โอคงจะไม่ทำอะไรแบบนี้กับใครอีก
ปล.1 มันเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของโอ โอมีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเดินทางวิถีโจร วางแผนซับซ้อนอะไรแบบนี้
ปล.2 และผมต้องขอบคุณโมกที่ยอมบอกความจริง ไม่งั้นผมก็คงเชื่อว่ามันเป็นเหตุการณ์ปล้นปกติจริง ๆ และโอก็ลอยนวลใช้ชีวิตปกติกับพวกเราต่อไป
ปล.3 อาลัย...เสียความเป็นเพื่อน 1 คน
ปล.4 Tag ผิดขออภัย มีเรื่องของมอเตอร์ไซค์เข้ามาเกี่ยวข้อง
[เรื่องเล่า] [เรื่องจริง] เพื่อนสนิท ... เพื่อนปล้นเพื่อน
จะพยายามเล่าให้สั้น ตัวละครน้อยที่สุด ชื่อตัวละครทุกตัว จะใช้ชื่อเล่นจริงนะครับ เล่ารวดเดียวจบ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอน ม.6 กลุ่มผมจะมีอยู่ 6 คน ที่สนิทกันที่สุดจะมี 2 คน ที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ ม.1 ซึ่งคือตัวละครหลัก คือ กุล กับ โอ
ผมจะสนิทกับกุลมากที่สุดและโอตามลำดับ พวกเราจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไปเที่ยว ดูหนัง โยนโบว์ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวเพื่อนกันบ่อยๆเรียกได้ว่าเข้าถึงที่บ้านของทุกคน รู้ลึก ถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง
โอ บ้านมีฐานะ พ่อแม่ ทำบริษัทสายการบินแห่งชาติทั้งคู่และเป็นลูกคนเดียว เป็นคนที่ต้องนำอะไรใครอยู่เสมอ โทรศัพย์รุ่นใหม่ ๆ nokia N Series รุ่นไหนใหม่ โอจะซื้อมาใช้เสมอ โอเป็นไม่กี่คนที่มี Notebook ไปโรงเรียน มีกล้อง DSLR ... ถ้าไปไหนกับบ้านโอ พ่อโอขับ Accord ป้ายแดงเลยครับตอนนั้นนั่งแล้วรู้สึกหรูหรามาก เอาเป็นว่า ชีวิตโอก็ดูจะเพอร์เฟค
ต่อมากุล บ้านก็มีฐานะเหมือนกัน แม่ทำงานอยู่สิงคโปร คอยส่งเงินมาให้กุลเป็นเดือนตลอด กุลอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่บุญธรรม เป็นคนไม่ค่อยทันใครและชอบตามเพื่อน ไม่ว่าจะโทรศัพย์ ของใช้ หรืออะไร กุลจะซื้อรุ่นที่เพื่อนใช้เหมือนกัน
เล่าเรื่องเลยละกันครับ สมัยนั้นมอเตอร์ไซค์ออโต้กำลังเข้ามาฮิตอย่างพวก คลิ๊ก มีโอ ฟีโน่ เนื่องจากบ้านผมอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก จึงออกคลิ๊กมาไว้ขับไปโรงเรียนและเป็นคนเดียวในห้องที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียน ช่วงกีฬาสีได้รถผมนี่แหละวิ่งซื้อของตลอดเลย 55555+ อ้อ ... โรงเรียนผมอยู่กรุงเทพโซนที่รถติดหนักมาก ๆ นะครับ
พอโอรู้ ผ่านไป 1 เดือน โอไปโปซื้อนูโว mx มาขับเลยครับ ผมนี่ งง มาก เพราะมันไม่มีทีท่าว่าจะชอบมอเตอร์ไซค์เลย ... มารู้ทีหลังตอนเจอแม่โอ ว่าโอมาขอแม่ซื้อ แต่แม่ไม่ให้เพราะเห็นว่าอันตราย ถ้าจะออกมอไซค์แม่จะออกวีออสให้ นั่น รวยปะล่ะครับ แต่โอไม่เอา แต่แอบแม่ไปซื้อมือสองเองในราคาสี่หมื่นด้วยเงินเก็บของตัวเอง รวยเข้าไปอีก
พวกเราเริ่มไปไหนมาไหนกันด้วยมอเตอร์ไซค์ ไปเรียน รด.วิภา เอากุลซ้อนท้ายกัน มันเหมือนเปิดโลกกว้างไปอีกขั้น โดดเรียนขี่รถไปเที่ยวที่อื่นๆกันบ้าง
ผ่านไปไม่นาน กุลอยากได้บ้าง เลยโทรไปขอแม่ที่สิงคโปร แม่กุลก็ตามใจครับ โอนเงินมาให้กุลเพื่อซื้อมอไซค์ แต่ผมบอกให้รอรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว กุลเลยยังไม่ซื้อ
ทีนี้กุลโดนโอกล่อมว่าให้ซื้อเลย เดี๋ยวจะพาไปร้านที่โอออกรถ ราคาไม่แพง ซื้อมือสองก็ได้ เงินจะได้เหลือไว้แต่งอีก ตอนนี้พวกเราปิดเทอมกันแล้วครับเจอกันบ้างไม่เจอบ้าง แต่พรุ่งนี้จะเป็นวันปัจฉิมครับ กุลบอกว่าเสร็จงานปัจฉิม โอจะพาไปซื้อรถ
คืนก่อนปัจฉิม ลูกพี่ลูกน้องโอชื่อโมก ได้โทรหาผม คือก็สนิทกันนะเพราะไปบ้านโอบ่อยและเรียนโรงเรียนเดียวกันเป็นรุ่นน้องอยู่ 3 ปี โมกเป็นเด็กเกเร นักเลง มีท่าทีจะเรียนไม่จบ และสุดท้ายก็ไม่จบ
โมกเล่าทั้งหมดให้ฟังว่า โอได้ให้โมกว่าจ้างนักเลงให้ดักปล้น คือให้ปล้นโอกับกุลทั้งหมดเลย และเอาของโอมาคืนและของที่ปล้นได้ เพื่อให้ดูเนียน โดยตกลงจ่ายให้ 5000 และนัดเวลากับสถานที่ ๆ จะขับผ่านเป็นซอยเปลี่ยว ๆไว้ แต่โมกไม่เล่นด้วยเพราะเห็นเป็นเพื่อนกันเอง ผมตกใจมาก ไม่เชื่อด้วยซ้ำ ถามซ้ำไปซ้ำมา หาเหตุผลก็ไม่เจอ ผมไม่ปักใจเชื่อและไม่คิดว่ามันจะหาคนได้ แต่ก็ไม่ได้วางใจ โมกบอกว่า "กูมาเตือนแค่นี้แหละ กูสงสารพวก กูทำได้แค่นี้"
วันรุ่งขึ้นวันปัจฉิมมาถึง กิจกรรมมันวุ่นวายมาก ผมก็ดูโอกับกุลแบบห่าง ๆ ตอนงานเลี้ยง ผมก็เดินไปคุย ถ่ายรูปกับห้องอื่น จนมองหากุลกับโออีกทีก็หายไปแล้ว ผมโทรหาเป็นหลายสิบสาย ไม่มีใครรับ จะเย็นแล้วเจอกุลวิ่งมาจากหน้าประตูโรงเรียน หน้าตาเสียเลย
เห้ย !!! กูโดนปล้น ตังที่กดจะซื้อรถโดนปล้นหมดเลย ไอ้โอก็โดน มันขับมาตีคู่ถามทาง ไอโอก็จอดแล้วมันลงมาเอามีดมาจี้กู รถมันทะเบียนก็ไม่ติด ทำไงดีวะ ...
พอผมรู้เท่านั้นแหละ ผมโมโห สั่นไปทั้งตัว ถามด้วยความโมโหมาก ว่าไอ้โอไปไหน ... กุล งงมากว่าทำโมโหทำไม
กุลบอกว่า โอมาส่งและไปตามหาไอ้พวกที่ปล้นละไปแจ้งความ
ผมเลยพากุลไปที่ห้องปกครอง เล่าทุกอย่างให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ให้ติดต่อโอ แต่โอไม่รับสายเลย โทรจนโอรับ โอบอกว่าตอนนี้รถเสียอยู่ ซ่อมเสร็จแล้วจะกลับโรงเรียน เมื่อโอมาถึงก็ไปคุยกันที่ห้องปกครอง อาจารย์ยังไม่ยิงคำถามโดยตรงแต่ให้โอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน อาจารย์บอกโจรปล้นก็แปลกปล้นทั้งที่หมดตัวเลย ทำไมไม่เอารถไปด้วย และถามว่าโอมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ไหม รู้ถึงผลเสียที่จะตามมาไหม ถ้าไม่มีอะไรก็จะส่งเรื่องให้กับทางตำรวจ ซึ่งถ้าให้การที่เป็นประโยชร์ในห้องนี้ กุลก็รับปากว่าจะไม่เอาเรื่องทางคดี แต่มีบทลงโทษเกี่ยวกับการจบ ม.ปลายของโอ ซึ่งโอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้ให้ไปให้ปากคำที่ สน. โอรีบสวนว่า ผมไปแจ้งมาแล้ว อาจารย์ถามหาใบแจ้งความ ซึ่งโอไม่มี อาจารย์ติดต่อไปยังโรงพักพวกเราจึงไปโรงพักกัน
ตำรวจเรียกไปสอบปากคำทีละคน เริ่มที่ผม กุล และโอ ผมให้การพาดพิงที่ได้ข้อมูลมาจากโมก ตำรวจถึงให้เชิญโมกมาที่โรงพักด้วย
ระหว่างนี้ พ่อ แม่ โอ มาที่โรงพัก ไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ... โอโดนสอบปากคำคนสุดท้ายและนานที่สุดเกือบ 2 ชั่วโมง พ่อ แม่โอ เข้าไปในห้องที่โอโดนสอบสวน สักพักแม่ออกมา ร้องไห้ใหญ่เลย บอกว่าโอยอมรับแล้ว เงินทั้งหมดเอาไปเป็นค่าจ้าง 5000 และที่บอกว่ารถเสีย คือพอไปเอาเงินมา โอก็เอาไปแต่งรถเปลี่ยนโช๊ค เปลี่ยนชุดสี ซื้อท่อแต่ง จนเงินเหลืออยู่ไม่กี่บาท แม่ขอโทษและจะชดใช้ให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องคดีความอยากให้กุลยอมความ แม่ขอร้องเพราะไม่อยากเห็นโอหมดอนาคต กุลใจอ่อนเพราะสงสารแม่โอที่ร้องไห้แทบจะขาดใจ อาจารย์ที่สนิทกับตำรวจอยู่แล้ว จึงคุยไกล่เกลี่ยกันเองอีกครั้งหลังบนโรงพักจากที่โอยอมรับ โดยที่กุลจะไม่เอาความทางคดีอะไรเลย ส่วนทางโรงเรียนตอนแรกจะมีบทลงโทษการจบของโอ แต่แม่โอก็ขอร้องอาจารย์และขอให้กุลอโหสิให้กับสิ่งที่ลูกเขาทำ ... จนกุลไม่เอาความทุกสิ่งทุกอย่าง
ปัจจุบันรู้มากจากเพื่อนอีกทีว่า โอเรียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวภาษาญี่ปุ่นมหาลัยดัง มหาลัยหนึ่ง ตอนนี้จบมาเป็นสจ๊วดของสายการบินหนึ่ง ...
เมื่อไม่กี่วันผมพึ่งคุยไลน์กับกุลถึงเรื่องนี้ที่ผ่านมา พวกเราได้แต่หวังว่า มันจะเป็นบทเรียนให้กับโอ โอคงจะไม่ทำอะไรแบบนี้กับใครอีก
ปล.1 มันเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของโอ โอมีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเดินทางวิถีโจร วางแผนซับซ้อนอะไรแบบนี้
ปล.2 และผมต้องขอบคุณโมกที่ยอมบอกความจริง ไม่งั้นผมก็คงเชื่อว่ามันเป็นเหตุการณ์ปล้นปกติจริง ๆ และโอก็ลอยนวลใช้ชีวิตปกติกับพวกเราต่อไป
ปล.3 อาลัย...เสียความเป็นเพื่อน 1 คน
ปล.4 Tag ผิดขออภัย มีเรื่องของมอเตอร์ไซค์เข้ามาเกี่ยวข้อง