ผ่านการเลือกตั้งไปแบบสดๆร้อนๆ
“Donald Trump” ชื่อนี่ว่าหลายๆคนคงรู้จักเค้ากันแล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้ได้กลายมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาที่ได้คะแนนเสียงแซงหน้า “Hillary Clinton” ชนะไปอย่างขาดลอยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายกันแบบสุดๆและหักปากกาเซียนวิเคราะห์แทบทุกสำนัก(แต่ถ้านับ Popular Vote สูสีมากๆ)
แล้วคำถามต่อมาคือ “ทรัมป์” ได้แล้วไงต่อ?? โลกเราจะเป็นอย่างไร?? แล้วประเทศไทยจะกระทบอะไรบ้าง?? ส่วนตัวก็เชื่อว่าไม่น่าจะทำได้ทุกนโยบายที่ใช้หาเสียงจริงๆ เพราะอย่างตอนโอบาม่าหาเสียงก็ไม่สามารถทำได้ทุกนโยบาย แล้วบางนโยบายที่หาเสียงไว้ กลับมีผลลัพธ์ออกไปอีกทางเลยก็มี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมากๆ
ส่วนตัวเลยคิดว่าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม “ผล” ก็คงไม่ต่างกัน เพราะยังคงมีความเห็นตามบทความอันนี้เคยเขียนเอาไว้เหมือนเดิม สามารถอ่านเพิ่มเติมได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่ http://www.moneybuffalo.in.th/480-supernova/
เพราะสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ มองไม่ออกจริงๆว่าจะผลักดันไปได้ยังไงบ้าง นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำกันทั้งโลกจากดูๆแล้วมันกระตุ้นอะไรไม่ขึ้นเลย ทั้งนโยบายการคลังและการเงิน ดังนั้นส่วนตัวจึงแนะนำให้จัดพอร์ตแบบ “รับความเสี่ยง” จะดีกว่า
ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้แย่แค่ไหนให้ลองไปถามคนที่เป็น “เจ้าของกิจการ” โดยเฉพาะกิจการที่ต้องส่งออกว่าเค้าเจออะไร ยอดขายเป็นยังไงบ้าง? แต่ถ้าใครเป็น “มนุษย์เงินเดือน” อาจจะยังไม่ค่อยรู้สึกเพราะไม่ว่าบริษัทจะกำไรหรือขาดทุน ก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม ที่หายๆไปอาจจะเป็นโบนัส แล้วถ้าจะรู้ตัวแรงๆอีกทีก็โดนเชิญออกเลยมากกว่า
ตอนนี้เลยสำคัญที่ว่าถ้า “รายได้” เราหายไปจะทำอย่างไร? จะอยู่ได้กี่เดือน? จะเอาตัวรอดได้ไหม? การวางแผนการเงินที่ดีควรวางแผนเผื่อรับสภานะที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำหลังจาก “ทรัมป์” ได้เป็นประธานาธิบดี (จริงๆแล้วใครจะได้เป็น เราก็ควรจะต้องทำเหมือนกัน) ก็คือ …
1. แนะนำให้ “ลดหนี้” ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้ารายได้เราหาย แล้ว “ดอกเบี้ย” ปรับขึ้นอีก ซวย 2 เด้งเลยทีเดียว สำหรับใครที่ติดตลาดตราสารหนี้อเมริกาน่าจะพอเห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้น
2. เพิ่มเงินสำรองให้เยอะขึ้นอย่างน้อย 12 เดือนของค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการแนะนำที่ 36 เดือนและไปเก็บในรูปทองคำ เพราะเวลาที่เศรษฐกิจไม่ชัดเจนมึนๆงงๆ เงินจะไปวิ่งที่ทองคำและที่สำคัญทองคำสามารถช่วยลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินได้ ถ้าเกิดวิกฤตรอบนี้โดยส่วนตัวแล้วมองไปถึงการเสื่อมค่าเงินของดอลล่าร์ด้วย ดังนั้นทองคำจะสามารถช่วย Hedging ค่าเงินได้ไปในตัวแล้วสภาพคล่องยังสูงใช้ได้ถ้าเดือนร้อนสามารถแปลงเป็นเงินสดได้เร็ว
สุดท้ายที่แปลกใจมากก็คือข่าวออกมาตลอดว่า "ตลาดหุ้น" ไม่ชอบทรัมป์พอตลาดเปิดจริงๆปิดบวกซะอย่างงั้น (ถึงแม้ตอนระหว่างผลยังไม่ออก ตลาด Futures จะพาดาวน์โจนส์ไปแถวๆ -700 จุดก็ตาม)
ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
www.moneybuffalo.in.th หรือ
FB Page :
fb.com/moneybuffalo
LINE :
http://bit.ly/29bCfy4
[บทสรุปอ่านง่ายๆ] "ทรัมป์" ได้แล้วไงต่อ ?
ผ่านการเลือกตั้งไปแบบสดๆร้อนๆ “Donald Trump” ชื่อนี่ว่าหลายๆคนคงรู้จักเค้ากันแล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้ได้กลายมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาที่ได้คะแนนเสียงแซงหน้า “Hillary Clinton” ชนะไปอย่างขาดลอยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายกันแบบสุดๆและหักปากกาเซียนวิเคราะห์แทบทุกสำนัก(แต่ถ้านับ Popular Vote สูสีมากๆ)
แล้วคำถามต่อมาคือ “ทรัมป์” ได้แล้วไงต่อ?? โลกเราจะเป็นอย่างไร?? แล้วประเทศไทยจะกระทบอะไรบ้าง?? ส่วนตัวก็เชื่อว่าไม่น่าจะทำได้ทุกนโยบายที่ใช้หาเสียงจริงๆ เพราะอย่างตอนโอบาม่าหาเสียงก็ไม่สามารถทำได้ทุกนโยบาย แล้วบางนโยบายที่หาเสียงไว้ กลับมีผลลัพธ์ออกไปอีกทางเลยก็มี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมากๆ
ส่วนตัวเลยคิดว่าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม “ผล” ก็คงไม่ต่างกัน เพราะยังคงมีความเห็นตามบทความอันนี้เคยเขียนเอาไว้เหมือนเดิม สามารถอ่านเพิ่มเติมได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ มองไม่ออกจริงๆว่าจะผลักดันไปได้ยังไงบ้าง นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำกันทั้งโลกจากดูๆแล้วมันกระตุ้นอะไรไม่ขึ้นเลย ทั้งนโยบายการคลังและการเงิน ดังนั้นส่วนตัวจึงแนะนำให้จัดพอร์ตแบบ “รับความเสี่ยง” จะดีกว่า
ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้แย่แค่ไหนให้ลองไปถามคนที่เป็น “เจ้าของกิจการ” โดยเฉพาะกิจการที่ต้องส่งออกว่าเค้าเจออะไร ยอดขายเป็นยังไงบ้าง? แต่ถ้าใครเป็น “มนุษย์เงินเดือน” อาจจะยังไม่ค่อยรู้สึกเพราะไม่ว่าบริษัทจะกำไรหรือขาดทุน ก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม ที่หายๆไปอาจจะเป็นโบนัส แล้วถ้าจะรู้ตัวแรงๆอีกทีก็โดนเชิญออกเลยมากกว่า
ตอนนี้เลยสำคัญที่ว่าถ้า “รายได้” เราหายไปจะทำอย่างไร? จะอยู่ได้กี่เดือน? จะเอาตัวรอดได้ไหม? การวางแผนการเงินที่ดีควรวางแผนเผื่อรับสภานะที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำหลังจาก “ทรัมป์” ได้เป็นประธานาธิบดี (จริงๆแล้วใครจะได้เป็น เราก็ควรจะต้องทำเหมือนกัน) ก็คือ …
1. แนะนำให้ “ลดหนี้” ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้ารายได้เราหาย แล้ว “ดอกเบี้ย” ปรับขึ้นอีก ซวย 2 เด้งเลยทีเดียว สำหรับใครที่ติดตลาดตราสารหนี้อเมริกาน่าจะพอเห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้น
2. เพิ่มเงินสำรองให้เยอะขึ้นอย่างน้อย 12 เดือนของค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการแนะนำที่ 36 เดือนและไปเก็บในรูปทองคำ เพราะเวลาที่เศรษฐกิจไม่ชัดเจนมึนๆงงๆ เงินจะไปวิ่งที่ทองคำและที่สำคัญทองคำสามารถช่วยลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินได้ ถ้าเกิดวิกฤตรอบนี้โดยส่วนตัวแล้วมองไปถึงการเสื่อมค่าเงินของดอลล่าร์ด้วย ดังนั้นทองคำจะสามารถช่วย Hedging ค่าเงินได้ไปในตัวแล้วสภาพคล่องยังสูงใช้ได้ถ้าเดือนร้อนสามารถแปลงเป็นเงินสดได้เร็ว
สุดท้ายที่แปลกใจมากก็คือข่าวออกมาตลอดว่า "ตลาดหุ้น" ไม่ชอบทรัมป์พอตลาดเปิดจริงๆปิดบวกซะอย่างงั้น (ถึงแม้ตอนระหว่างผลยังไม่ออก ตลาด Futures จะพาดาวน์โจนส์ไปแถวๆ -700 จุดก็ตาม)
ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
www.moneybuffalo.in.th หรือ
FB Page : fb.com/moneybuffalo
LINE : http://bit.ly/29bCfy4