น้องเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลกับธนาคาร A เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนบริษัท ได้ 2 เดือน ก็ประสบปัญหาต้องเลิกกิจการไม่สามารถชำระต่อได้ และไม่ได้ติดต่อธนาคารเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากมีหนี้อีกหลายธนาคารที่ทยอยส่งหมายศาลมาเรียกเพื่อเจรจาจึงต้องค่อยๆ คุยกับทีละธนาคาร จนตอนนี้เจรจาและทยอยชำระตามที่ได้ตกลง (อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามเงื่อนไขที่ตกลงที่ศาล) ครบหมดทุกธนาคารละ เหลือ 1 ธนาคารที่มีเรื่องราวยุ่งยาก เรื่องมาก วกวน และเริ่มทำให้กลัวและมองในแง่ร้าย นี่คือเหตุการณ์ที่เกิด
น้องกู้เงินจากธนาคาร A ประมาณเดือน ธันวา 57 จำนวนเงิน 400,000 เริ่มชำระงวดแรกประมาณเดือนมกรา หรือกุมภา ปี 58 (จำไม่ได้) ชำระได้ 2-3 งวด (จำไม่ได้ต้องไปรื้อเอกสารกู้อีกที เพราะนานละ) น้องต้องเลิกกิจการ หยุดชำระหนี้ (ไม่มีเงินจ่าย) พยายามหางานประจำทำ ได้เริ่มทำงานประจำในเดือนมีนาคม 58
ธนาคารเริ่มติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ (น้องปฎิเสธขอผลัดไปก่อน เพราะไม่มีเงินจริงๆ ทุกธนาคารที่ติดหนี้ไม่ได้รับการชำระหนี้เลย) ในระหว่างนี้มีการโทรทวงถามเป็นระยะ (รับสายบ้าง ไม่รับสายบ้าง)
ประมาณเดือนพฤษภาคม ผู้ชายคนนึงโทรมา แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เข้าไปติดต่อทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เดือนมิถุนายน น้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคารเพื่อเขียนเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หลังจากเขียนเสร็จเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องพยายามให้จ่ายเงินชำระหนี้จำนวน 1 งวดก่อนและค่อยทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีเงินเหลือพอที่จะชำระหนี้เพิ่มเติมได้ (น้องชี้ให้ดูรายละเอียดที่กรอกลงในเอกสารเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย ให้เจ้าหน้าที่อ่านทวนดู) เจ้าหน้าที่ยังพยายามยื้ออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยตลอดเวลาพูดวนไปมาจะให้ชำระหนี้จำนวน 1 งวดก่อนให้ได้ ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ไปว่าเงินเดือนจากงานประจำที่ได้ หักค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าผ่อนชำระหนี้ของธนาคารอื่นที่ได้ทำเรื่องเจรจาที่ศาลเรียบร้อย ยังติดลบด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะทำการลองยื่นเอกสารปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สำนักงานใหญ่พิจารณา พร้อมขอเอกสารประกอบการยื่นซึ่งสามารถให้ได้วันนั้นเพียงสำเนาบัตรประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งก่อนหน้าว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง (สุดท้ายน้องลืม ไม่ได้เอาเอกสารไปให้ที่สาขา)
หลังจากนั้นมีผู้ชายอีกคนนึงโทรมา แจ้งชื่อ (จำไม่ได้) แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A ขอติดต่อทวงถามหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่ใช่คนเดียวกับที่สาขา) ซึ่งน้องได้เล่าเรื่องราวตามข้างบนให้เจ้าหน้าที่ท่านนี้ทราบ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ทราบว่าน้องได้ทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ยื่นกับสาขาของธนาคาร A ไปแล้ว
ประมาณเดือนตุลาคม ผู้ชายอีกคนนึงโทรมา ชื่อ มีชัย แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A ขอติดต่อทวงถามหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่ใช่คนเดียวกับที่สาขาและไม่ใช่คนเดียวกับที่โทรมาก่อนหน้านี้ ซึ่งน้องได้เล่าเรื่องราวตามข้างบน (เล่าอีกละ) ให้เจ้าหน้าที่มีชัยทราบ เจ้าหน้าที่มีชัยแจ้งว่าไม่ทราบว่าน้องได้ทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ยื่นกับสาขาของธนาคาร A ไปแล้ว ยังไงจะไปตรวจสอบดูเรื่องอีกครั้งว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว ผ่านไปหลายวัน เจ้าหน้าที่มีชัย โทรกลับมาแจ้งว่าเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของน้องยังไม่มีการยื่นไป อาจจะเพราะทางสาขายังรอเอกสารประกอบการยื่นจากน้องอยู่ เจ้าหน้าที่มีชัยจึงขอนัดพบที่บ้านเพื่อขอมารับเอกสารประกอบฯ พอถึงวันนัดน้องได้ให้เอกสารประกอบฯ และเจ้าหน้าที่มีชัยได้ให้น้องกรอกเอกสารปรับปรุงโครงสร้างหนี้อีกครั้ง โดยที่น้องก็โวยไปว่าเคยกรอกแล้วเอกสารไปไหน เจ้าหน้าทีขวัญฟ้าแจ้งแค่ว่ากรอกใหม่พร้อมเอกสารประกอบฯ จะได้พร้อมยื่นพิจารณาได้เลย ทางธนาคารจะเห็นใจช่วยเหลือกลับมา (ระหว่างน้องกรอกเอกสาร เจ้าหน้าที่มีชัยเดินถ่ายรูปบ้านหลายภาพ) พอน้องยื่นเอกสารขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้พร้อมเอกสารประกอบฯ ให้เจ้าหน้าที่มีชัยกลับพยายามขอให้น้องชำระหนี้มาก่อน 1 งวด เพื่อให้เรื่องมันง่าย จะได้ไม่ต้องโดนฟ้องยึดบ้าน (เหอะๆๆ มันยังไงเนี่ย ไม่เข้าใจคำว่าไม่มีเงินใช่ไหม) น้องปฎิเสธไปว่าขอยืนยันว่าเงินเดือนไม่เหลือแล้ว ดูในรายการรายรับ-รายจ่ายได้เลย และบ้านก็ยังผ่อนกับธนาคาร B อยู่เลย T_T เจ้าหน้าที่มีชัยบอกแค่ว่าทางธนาคาร A สามารถเจรจากับธนาคาร B เองได้ว่าให้ยึดบ้านขายทอดตลาดแล้วเอาเงินมาแบ่งกันตามสัดส่วนที่ตกลง (ยังงี้ก็ได้หรอ ยังไม่มีการเจรจาใดๆ เกิดขึ้นเลย ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ก็ไม่ได้เรื่อง ขอประนอมหนี้รอให้ชำระธนาคารอื่นหมดพอมีเงินเหลือจ่ายเพิ่มได้น้องจะรีบชำระหนี้ (เป็นงวด) ให้เลย) เจ้าหน้าที่มีชัยถามย้ำว่าชำระงวดนึงก่อนก็ไม่มีหรอ น้องยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่มีชัยก็ได้เอาเอกสารกลับไป
ประมาณเดือนธันวาคม ผู้ชายอีกคนนึงโทรมา ชื่อขวัญฟ้า แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A ขอแจ้งผลการขอสินเชื่อบุคคลจากธนาคาร (ไม่ใช่คนเดียวกับข้อความข้างบนที่ผ่านมาเลย) น้อง งงเลย อารมณ์ปรี๊ด ถามกลับไปว่าใครขอสินเชื่อ หนี้เก่ายังค้างคายังไม่มีชำระเลยจะหน้าด้านกล้าขอสินเชื่ออีกหรอ ธนาคารไหนก็คงไม่บ้าอนุมัติหรอก ทางเจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าพูดเพียงว่าอ้าวหรอ ไม่ได้ขอสินเชื่อหรอ (ระหว่างนี้น้องเริ่มคิดไอ้เจ้าหน้าที่มีชัย ที่มารับเอกสารประกอบฯ จากน้องไปมันเอาไปทำอะไรกันแน่) เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าได้สอบถามต่อ น้องก็ได้เล่าให้ฟังใหม่ (ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่วรรคแรก เป็นการเล่ารอบที่เท่าไรเริ่มไม่อยากจำละ เริ่มมีแต่อารมณ์หงุดหงิด ไอ้ธนาคารบ้านี้มันจะเอายังไงวะ ธนาคารอื่นเค้ายังเจรจากับน้องเรียบร้อยหมดแล้ว มีแบบที่ตกลงได้โดยไม่ต้องไปศาลและแบบที่มีหมายศาลมาที่บ้านแล้วน้องเลยต้องไปตกลงที่ศาล) เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าได้ฟังเลยบอกว่าจะตรวจสอบให้ หลังจากนั้นไม่กี่วันโทรกลับมาแจ้งว่าไม่เห็นเรื่องขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของน้องเลย และเจ้าหน้าที่มีชัย ลาออกไปแล้วเลยต้องขอนัดเข้ามาให้กรอกเอกสารพร้อมขอเอกสารประกอบฯ ทั้งหมด (ใหม่) น้องเลยว๊ากให้ว่า หลอกลวง เป็นแก๊งต้มตุ๋นรึป่าว (คิดในใจ นั่นไงเอกสารชั้นละอยู่ไหน) ถ้าเอกสารประกอบฯ ชุดแรกไม่ได้กลับคืนมาอย่าหวังว่าจะได้อะไรจากน้องเพิ่มเลย ไม่รู้ว่าไอ้ที่โทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือป่าว ทำไมเอกสารที่ยื่นไปมันไม่มีในระบบ มันไปไหน ไอ้เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้ากลับพยายามขอมาบ้านให้ได้โดยไม่ได้คิดตามคำอธิบายของน้องเลยว่า เอกสารที่เป็นเอกสารส่วนบุคคลของน้องหายไปไหน ใครเอาไป ธนาคารว่ายังไง น้องไม่ยอม เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าเลยบอกว่าจะกลับไปสอบถามให้ใหม่
เดือนกุมภาพันธ์ มีจดหมายจากสำนักงานทนายความแจ้งให้น้องติดต่อกลับไปเพื่อเจรจาเรื่องหนี้สินเชื่อบุคคลของธนาคาร A โดยในจดหมายได้ระบุชื่อทนายให้น้องโทรหา น้องได้โทรไปสอบถามทนายกลับแจ้งว่าเรื่องการเจรจาขึ้นอยู่กับธนาคาร ทางทนายมีหน้าที่ส่งจดหมายแจ้งให้ลูกหนี้ทราบว่าลูกหนี้ต้องหาทางแก้ไขภายใน 5 วัน และทางธนาคารต้องการเรียกเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนทั้งหมดภายใน 20 วัน นับจากวันที่ลงในจดหมาย (ตายละ เงินไม่มี ไอ้ที่คุยมาตลอดก็ไม่ได้เรื่อง ยังไงดีวะ) ทนายแจ้งต่อว่าหากไม่สามารถชำระคืน ให้น้องรอรับหมายเรียกจากศาลได้เลย
หลังจากนั้น น้องได้โทรหาเจ้าหน้าที่ขวัญฟ้า แต่ไม่มีการรับสายหรือโทรกลับใดๆ และไม่มีการติดต่อจากธนาคาร A อีกเลย จนถึงปัจจุบัน (เป็นเวลา 9 เดือนแล้ว)
*** จึงขอสอบถามผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำหน่อยคะ ว่ากรณีแบบนี้ น้องควรทำยังไงต่อดี
***ขอบคุณที่ความเห็น (หากมีความเห็นที่ไม่เหมาะสม ด่า ใช้คำหยาบคาย ขออนุญาตลบนะคะ
ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธนาคารไม่ให้ความร่วมมือ
น้องกู้เงินจากธนาคาร A ประมาณเดือน ธันวา 57 จำนวนเงิน 400,000 เริ่มชำระงวดแรกประมาณเดือนมกรา หรือกุมภา ปี 58 (จำไม่ได้) ชำระได้ 2-3 งวด (จำไม่ได้ต้องไปรื้อเอกสารกู้อีกที เพราะนานละ) น้องต้องเลิกกิจการ หยุดชำระหนี้ (ไม่มีเงินจ่าย) พยายามหางานประจำทำ ได้เริ่มทำงานประจำในเดือนมีนาคม 58
ธนาคารเริ่มติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ (น้องปฎิเสธขอผลัดไปก่อน เพราะไม่มีเงินจริงๆ ทุกธนาคารที่ติดหนี้ไม่ได้รับการชำระหนี้เลย) ในระหว่างนี้มีการโทรทวงถามเป็นระยะ (รับสายบ้าง ไม่รับสายบ้าง)
ประมาณเดือนพฤษภาคม ผู้ชายคนนึงโทรมา แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เข้าไปติดต่อทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เดือนมิถุนายน น้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคารเพื่อเขียนเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หลังจากเขียนเสร็จเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องพยายามให้จ่ายเงินชำระหนี้จำนวน 1 งวดก่อนและค่อยทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีเงินเหลือพอที่จะชำระหนี้เพิ่มเติมได้ (น้องชี้ให้ดูรายละเอียดที่กรอกลงในเอกสารเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย ให้เจ้าหน้าที่อ่านทวนดู) เจ้าหน้าที่ยังพยายามยื้ออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยตลอดเวลาพูดวนไปมาจะให้ชำระหนี้จำนวน 1 งวดก่อนให้ได้ ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ไปว่าเงินเดือนจากงานประจำที่ได้ หักค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าผ่อนชำระหนี้ของธนาคารอื่นที่ได้ทำเรื่องเจรจาที่ศาลเรียบร้อย ยังติดลบด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะทำการลองยื่นเอกสารปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สำนักงานใหญ่พิจารณา พร้อมขอเอกสารประกอบการยื่นซึ่งสามารถให้ได้วันนั้นเพียงสำเนาบัตรประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งก่อนหน้าว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง (สุดท้ายน้องลืม ไม่ได้เอาเอกสารไปให้ที่สาขา)
หลังจากนั้นมีผู้ชายอีกคนนึงโทรมา แจ้งชื่อ (จำไม่ได้) แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A ขอติดต่อทวงถามหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่ใช่คนเดียวกับที่สาขา) ซึ่งน้องได้เล่าเรื่องราวตามข้างบนให้เจ้าหน้าที่ท่านนี้ทราบ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ทราบว่าน้องได้ทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ยื่นกับสาขาของธนาคาร A ไปแล้ว
ประมาณเดือนตุลาคม ผู้ชายอีกคนนึงโทรมา ชื่อ มีชัย แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A ขอติดต่อทวงถามหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่ใช่คนเดียวกับที่สาขาและไม่ใช่คนเดียวกับที่โทรมาก่อนหน้านี้ ซึ่งน้องได้เล่าเรื่องราวตามข้างบน (เล่าอีกละ) ให้เจ้าหน้าที่มีชัยทราบ เจ้าหน้าที่มีชัยแจ้งว่าไม่ทราบว่าน้องได้ทำเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ยื่นกับสาขาของธนาคาร A ไปแล้ว ยังไงจะไปตรวจสอบดูเรื่องอีกครั้งว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว ผ่านไปหลายวัน เจ้าหน้าที่มีชัย โทรกลับมาแจ้งว่าเรื่องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของน้องยังไม่มีการยื่นไป อาจจะเพราะทางสาขายังรอเอกสารประกอบการยื่นจากน้องอยู่ เจ้าหน้าที่มีชัยจึงขอนัดพบที่บ้านเพื่อขอมารับเอกสารประกอบฯ พอถึงวันนัดน้องได้ให้เอกสารประกอบฯ และเจ้าหน้าที่มีชัยได้ให้น้องกรอกเอกสารปรับปรุงโครงสร้างหนี้อีกครั้ง โดยที่น้องก็โวยไปว่าเคยกรอกแล้วเอกสารไปไหน เจ้าหน้าทีขวัญฟ้าแจ้งแค่ว่ากรอกใหม่พร้อมเอกสารประกอบฯ จะได้พร้อมยื่นพิจารณาได้เลย ทางธนาคารจะเห็นใจช่วยเหลือกลับมา (ระหว่างน้องกรอกเอกสาร เจ้าหน้าที่มีชัยเดินถ่ายรูปบ้านหลายภาพ) พอน้องยื่นเอกสารขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้พร้อมเอกสารประกอบฯ ให้เจ้าหน้าที่มีชัยกลับพยายามขอให้น้องชำระหนี้มาก่อน 1 งวด เพื่อให้เรื่องมันง่าย จะได้ไม่ต้องโดนฟ้องยึดบ้าน (เหอะๆๆ มันยังไงเนี่ย ไม่เข้าใจคำว่าไม่มีเงินใช่ไหม) น้องปฎิเสธไปว่าขอยืนยันว่าเงินเดือนไม่เหลือแล้ว ดูในรายการรายรับ-รายจ่ายได้เลย และบ้านก็ยังผ่อนกับธนาคาร B อยู่เลย T_T เจ้าหน้าที่มีชัยบอกแค่ว่าทางธนาคาร A สามารถเจรจากับธนาคาร B เองได้ว่าให้ยึดบ้านขายทอดตลาดแล้วเอาเงินมาแบ่งกันตามสัดส่วนที่ตกลง (ยังงี้ก็ได้หรอ ยังไม่มีการเจรจาใดๆ เกิดขึ้นเลย ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ก็ไม่ได้เรื่อง ขอประนอมหนี้รอให้ชำระธนาคารอื่นหมดพอมีเงินเหลือจ่ายเพิ่มได้น้องจะรีบชำระหนี้ (เป็นงวด) ให้เลย) เจ้าหน้าที่มีชัยถามย้ำว่าชำระงวดนึงก่อนก็ไม่มีหรอ น้องยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่มีชัยก็ได้เอาเอกสารกลับไป
ประมาณเดือนธันวาคม ผู้ชายอีกคนนึงโทรมา ชื่อขวัญฟ้า แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A ขอแจ้งผลการขอสินเชื่อบุคคลจากธนาคาร (ไม่ใช่คนเดียวกับข้อความข้างบนที่ผ่านมาเลย) น้อง งงเลย อารมณ์ปรี๊ด ถามกลับไปว่าใครขอสินเชื่อ หนี้เก่ายังค้างคายังไม่มีชำระเลยจะหน้าด้านกล้าขอสินเชื่ออีกหรอ ธนาคารไหนก็คงไม่บ้าอนุมัติหรอก ทางเจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าพูดเพียงว่าอ้าวหรอ ไม่ได้ขอสินเชื่อหรอ (ระหว่างนี้น้องเริ่มคิดไอ้เจ้าหน้าที่มีชัย ที่มารับเอกสารประกอบฯ จากน้องไปมันเอาไปทำอะไรกันแน่) เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าได้สอบถามต่อ น้องก็ได้เล่าให้ฟังใหม่ (ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่วรรคแรก เป็นการเล่ารอบที่เท่าไรเริ่มไม่อยากจำละ เริ่มมีแต่อารมณ์หงุดหงิด ไอ้ธนาคารบ้านี้มันจะเอายังไงวะ ธนาคารอื่นเค้ายังเจรจากับน้องเรียบร้อยหมดแล้ว มีแบบที่ตกลงได้โดยไม่ต้องไปศาลและแบบที่มีหมายศาลมาที่บ้านแล้วน้องเลยต้องไปตกลงที่ศาล) เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าได้ฟังเลยบอกว่าจะตรวจสอบให้ หลังจากนั้นไม่กี่วันโทรกลับมาแจ้งว่าไม่เห็นเรื่องขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของน้องเลย และเจ้าหน้าที่มีชัย ลาออกไปแล้วเลยต้องขอนัดเข้ามาให้กรอกเอกสารพร้อมขอเอกสารประกอบฯ ทั้งหมด (ใหม่) น้องเลยว๊ากให้ว่า หลอกลวง เป็นแก๊งต้มตุ๋นรึป่าว (คิดในใจ นั่นไงเอกสารชั้นละอยู่ไหน) ถ้าเอกสารประกอบฯ ชุดแรกไม่ได้กลับคืนมาอย่าหวังว่าจะได้อะไรจากน้องเพิ่มเลย ไม่รู้ว่าไอ้ที่โทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร A เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือป่าว ทำไมเอกสารที่ยื่นไปมันไม่มีในระบบ มันไปไหน ไอ้เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้ากลับพยายามขอมาบ้านให้ได้โดยไม่ได้คิดตามคำอธิบายของน้องเลยว่า เอกสารที่เป็นเอกสารส่วนบุคคลของน้องหายไปไหน ใครเอาไป ธนาคารว่ายังไง น้องไม่ยอม เจ้าหน้าที่ขวัญฟ้าเลยบอกว่าจะกลับไปสอบถามให้ใหม่
เดือนกุมภาพันธ์ มีจดหมายจากสำนักงานทนายความแจ้งให้น้องติดต่อกลับไปเพื่อเจรจาเรื่องหนี้สินเชื่อบุคคลของธนาคาร A โดยในจดหมายได้ระบุชื่อทนายให้น้องโทรหา น้องได้โทรไปสอบถามทนายกลับแจ้งว่าเรื่องการเจรจาขึ้นอยู่กับธนาคาร ทางทนายมีหน้าที่ส่งจดหมายแจ้งให้ลูกหนี้ทราบว่าลูกหนี้ต้องหาทางแก้ไขภายใน 5 วัน และทางธนาคารต้องการเรียกเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนทั้งหมดภายใน 20 วัน นับจากวันที่ลงในจดหมาย (ตายละ เงินไม่มี ไอ้ที่คุยมาตลอดก็ไม่ได้เรื่อง ยังไงดีวะ) ทนายแจ้งต่อว่าหากไม่สามารถชำระคืน ให้น้องรอรับหมายเรียกจากศาลได้เลย
หลังจากนั้น น้องได้โทรหาเจ้าหน้าที่ขวัญฟ้า แต่ไม่มีการรับสายหรือโทรกลับใดๆ และไม่มีการติดต่อจากธนาคาร A อีกเลย จนถึงปัจจุบัน (เป็นเวลา 9 เดือนแล้ว)
*** จึงขอสอบถามผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำหน่อยคะ ว่ากรณีแบบนี้ น้องควรทำยังไงต่อดี
***ขอบคุณที่ความเห็น (หากมีความเห็นที่ไม่เหมาะสม ด่า ใช้คำหยาบคาย ขออนุญาตลบนะคะ