คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องนี้ทำให้เราเครียดมากค่ะ เลยอยากขอความช่วยเหลือจากทุกคนในพันทิพ และคำภามดังนี้
1. ขอคำชี้แนะในเรื่องทางกฏหมาย เรายอมหย่าค่ะ ยอมมีคดีความฟ้องร้อง เพราะเราไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าเค้ายอมให้เราเชื่อใจเราบ้างเราคงไม่ทุกข์ใจมากขนาดนี้
ตอบ การไม่พบป่ะญาตินั้น ไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา 1516 ได้
2. หากเค้าบังคับให้เราเซ็นสัญญาอีกแล้วเราไม่ยอมเซ็นโดยบอกว่าให้ไปตกลงกันที่สถานีตำรวจและเค้าไม่ยอม กรณีนี้เราสามารถแจ้งข้อหากักขังหน่วง เหนี่ยวบังคับข่มขืนจิตใจได้หรือไม่คะ
ตอบ การทำสัญญาระหว่างสมรส เรื่องอำนาจปกครองบุตร นั้นไม่มีกฎหมายรองรับ ทำ 10 ฉบับก็ไม่มีผล เว้นแต่ จะตกลงหย่าแล้วทำบันทึกท้านหย่า หรือ อำนาจศาลสั่ง ฉะนั้น อยู่เฉยๆ อย่าไปกลัว
ป.พ.พ.มาตรา 1520 ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
3. หากปัญหาเลยเถิดไปไกลเราจะต้องเตรียมเอกสารหรือข้อมูลอะไรบ้างคะ เนื่องจากเวลาทะเลาะกันเราไม่เคยได้อัดเสียงหรือเก็บข้อมูลอะไรไว้เลย ซึ่งเราถือว่าพลาดพอสมควร ตอนนี้เราจะเริ่มเก็บข้อมูลแล้วค่ะ
ตอบ เหตุฟ้องหย่า เป็นไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516
ดังนั้น จึง สรุป ได้เพียง ควร พา สามีและพ่อแม่ไป พบ นักจิตวิทยา เพื่อประสานรอบร้าว เพื่อความสุขชอง ครอบครับ ต่อไป
ปพพ. มาตรา 1516
เหตุฟ้องหย่า มีดังต่อไปนี้
(1)* สามีหรือภริยา อุปการะเลี้ยงดู หรือ ยกย่อง ผู้อื่น ฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ หรือ มีชู้ หรือ ร่วมประเวณีกับ ผู้อื่น เป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยา ประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้น จะเป็น ความผิดอาญา หรือไม่ ถ้า เป็นเหตุให้ อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับ ความอับอายขายหน้า อย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับ ความดูถูกเกลียดชัง เพราะเหตุที่ คงเป็น สามีหรือภริยา ของฝ่ายที่ประพฤติชั่ว อยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับ ความเสียหาย หรือ เดือนร้อนเกินควร ในเมื่อเอา สภาพ ฐานะ และ ความเป็นอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา มาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยา ทำร้าย หรือ ทรมาน ร่างกายหรือจิตใจ หรือ หมิ่นประมาท หรือ เหยียดหยาม อีกฝ่ายหนึ่ง หรือ บุพการี ของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้า เป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยา จงใจละทิ้งร้าง อีกฝ่ายหนึ่งไป เกิน หนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยา ต้องคำพิพากษา ถึงที่สุด ให้จำคุก และ ได้ถูกจำคุกเกิน หนึ่งปี ในความผิด ที่อีกฝ่ายหนึ่ง มิได้มีส่วน ก่อให้เกิด การกระทำความผิด หรือ ยินยอม หรือ รู้เห็นเป็นใจ ในการกระทำความผิดนั้นด้วย และ การเป็นสามีภริยากันต่อไป จะเป็นเหตุให้ อีกฝ่ายหนึ่ง ได้รับความเสียหาย หรือ เดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยา สมัครใจแยกกันอยู่ เพราะเหตุที่ ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา ได้โดยปกติสุข ตลอดมาเกิน สามปี หรือ แยกกันอยู่ ตามคำสั่งของศาล เป็นเวลาเกิน สามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยา ถูกศาลสั่งให้เป็น คนสาบสูญ หรือ ไปจาก ภูมิลำเนา หรือ ถิ่นที่อยู่ เป็นเวลาเกิน สามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่า เป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยา ไม่ให้ ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู อีกฝ่ายหนึ่ง ตามสมควร หรือ ทำการเป็นปฏิปักษ์ ต่อการที่เป็น สามีหรือภริยากัน อย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้า การกระทำนั้น ถึงขนาดที่ อีกฝ่ายหนึ่ง เดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอา สภาพ ฐานะ และ ความเป็นอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา มาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยา วิกลจริต ตลอดมาเกิน สามปี และ ความวิกลจริตนั้น มีลักษณะ ยากจะหายได้ กับทั้ง ความวิกลจริต ถึงขนาดที่จะ ทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา ต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยา ผิดทัณฑ์บน ที่ทำให้ไว้ เป็นหนังสือ ในเรื่อง ความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยา เป็นโรคติดต่อ อย่างร้ายแรง อันอาจเป็นภัย แก่อีกฝ่ายหนึ่ง และ โรคมีลักษณะ เรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยา มีสภาพแห่งกาย ทำให้ สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วมประเวณี ได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
1. ขอคำชี้แนะในเรื่องทางกฏหมาย เรายอมหย่าค่ะ ยอมมีคดีความฟ้องร้อง เพราะเราไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าเค้ายอมให้เราเชื่อใจเราบ้างเราคงไม่ทุกข์ใจมากขนาดนี้
ตอบ การไม่พบป่ะญาตินั้น ไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา 1516 ได้
2. หากเค้าบังคับให้เราเซ็นสัญญาอีกแล้วเราไม่ยอมเซ็นโดยบอกว่าให้ไปตกลงกันที่สถานีตำรวจและเค้าไม่ยอม กรณีนี้เราสามารถแจ้งข้อหากักขังหน่วง เหนี่ยวบังคับข่มขืนจิตใจได้หรือไม่คะ
ตอบ การทำสัญญาระหว่างสมรส เรื่องอำนาจปกครองบุตร นั้นไม่มีกฎหมายรองรับ ทำ 10 ฉบับก็ไม่มีผล เว้นแต่ จะตกลงหย่าแล้วทำบันทึกท้านหย่า หรือ อำนาจศาลสั่ง ฉะนั้น อยู่เฉยๆ อย่าไปกลัว
ป.พ.พ.มาตรา 1520 ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
3. หากปัญหาเลยเถิดไปไกลเราจะต้องเตรียมเอกสารหรือข้อมูลอะไรบ้างคะ เนื่องจากเวลาทะเลาะกันเราไม่เคยได้อัดเสียงหรือเก็บข้อมูลอะไรไว้เลย ซึ่งเราถือว่าพลาดพอสมควร ตอนนี้เราจะเริ่มเก็บข้อมูลแล้วค่ะ
ตอบ เหตุฟ้องหย่า เป็นไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516
ดังนั้น จึง สรุป ได้เพียง ควร พา สามีและพ่อแม่ไป พบ นักจิตวิทยา เพื่อประสานรอบร้าว เพื่อความสุขชอง ครอบครับ ต่อไป
ปพพ. มาตรา 1516
เหตุฟ้องหย่า มีดังต่อไปนี้
(1)* สามีหรือภริยา อุปการะเลี้ยงดู หรือ ยกย่อง ผู้อื่น ฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ หรือ มีชู้ หรือ ร่วมประเวณีกับ ผู้อื่น เป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยา ประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้น จะเป็น ความผิดอาญา หรือไม่ ถ้า เป็นเหตุให้ อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับ ความอับอายขายหน้า อย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับ ความดูถูกเกลียดชัง เพราะเหตุที่ คงเป็น สามีหรือภริยา ของฝ่ายที่ประพฤติชั่ว อยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับ ความเสียหาย หรือ เดือนร้อนเกินควร ในเมื่อเอา สภาพ ฐานะ และ ความเป็นอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา มาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยา ทำร้าย หรือ ทรมาน ร่างกายหรือจิตใจ หรือ หมิ่นประมาท หรือ เหยียดหยาม อีกฝ่ายหนึ่ง หรือ บุพการี ของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้า เป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยา จงใจละทิ้งร้าง อีกฝ่ายหนึ่งไป เกิน หนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยา ต้องคำพิพากษา ถึงที่สุด ให้จำคุก และ ได้ถูกจำคุกเกิน หนึ่งปี ในความผิด ที่อีกฝ่ายหนึ่ง มิได้มีส่วน ก่อให้เกิด การกระทำความผิด หรือ ยินยอม หรือ รู้เห็นเป็นใจ ในการกระทำความผิดนั้นด้วย และ การเป็นสามีภริยากันต่อไป จะเป็นเหตุให้ อีกฝ่ายหนึ่ง ได้รับความเสียหาย หรือ เดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยา สมัครใจแยกกันอยู่ เพราะเหตุที่ ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา ได้โดยปกติสุข ตลอดมาเกิน สามปี หรือ แยกกันอยู่ ตามคำสั่งของศาล เป็นเวลาเกิน สามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยา ถูกศาลสั่งให้เป็น คนสาบสูญ หรือ ไปจาก ภูมิลำเนา หรือ ถิ่นที่อยู่ เป็นเวลาเกิน สามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่า เป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยา ไม่ให้ ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู อีกฝ่ายหนึ่ง ตามสมควร หรือ ทำการเป็นปฏิปักษ์ ต่อการที่เป็น สามีหรือภริยากัน อย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้า การกระทำนั้น ถึงขนาดที่ อีกฝ่ายหนึ่ง เดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอา สภาพ ฐานะ และ ความเป็นอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา มาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยา วิกลจริต ตลอดมาเกิน สามปี และ ความวิกลจริตนั้น มีลักษณะ ยากจะหายได้ กับทั้ง ความวิกลจริต ถึงขนาดที่จะ ทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยา ต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยา ผิดทัณฑ์บน ที่ทำให้ไว้ เป็นหนังสือ ในเรื่อง ความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยา เป็นโรคติดต่อ อย่างร้ายแรง อันอาจเป็นภัย แก่อีกฝ่ายหนึ่ง และ โรคมีลักษณะ เรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยา มีสภาพแห่งกาย ทำให้ สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วมประเวณี ได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
แสดงความคิดเห็น
สามีไม่ให้ลูกกลับไปเยี่ยมบ้านตากับยาย สามารถใช้วิธีทางกฎหมายบังคับได้หรือไม่?
ต่อมาเราท้อง ตอนนี้มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 2 เดือน ขณะที่เราท้องนั้น ได้ตกลงกันว่า เมื่อลูกอายุครบ 1 เดือน เราจะขอให้ลูกกลับไปนอนค้างที่บ้านตากับยายวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งตอนท้องเค้ารับปากดีค่ะ กลังคลอดช่วงลูกชายแรกเกิด-ก่อนครบ 1 เดือน พ่อกับแม่เรามาเยี่ยมหลานที่บ้านฝ่ายชาย ตลอด จนมีวันนึงที่พ่อกับแม่เรามาเยี่ยมหลานตามปกติ เค้าก้อมาบอกว่าไม่ให้ลูกเรากลับไปเยี่ยมบ้านเรา ให้ครบ 1 ปีก่อนถึงอนุญาตให้ไปได้ ทำให้วันนั้นมีปากเสียงกันและพ่อกับแม่เราไม่ได้มาเยี่ยมหลานอีกเลยเนื่องจากทะเลาะผิดใจกันอย่างรุนแรง อาจจะด้วยเหตุผลที่ลูกชายของเราคนนี้เป็นหลานชายคนแรกของทั้งฝ่ายเราและฝ่ายสามี ทำให้เค้ากลัวว่าเมื่อลูกไปบ้านเราแล้วจะไม่กลับมาหาเค้าอีก
ต่อมาเราได้ขอให้เราได้พาลูกกลับบ้านแบบไปเช้า-เย็นกลับ เมื่อลูกครบ 3 เดือน เค้าปฏิเสธตามเดิมค่ะ แล้วยังพิมพ์หนังสือสัญญาให้เราเซ็น เนื้อหาประมาณว่า ให้เราพาลูกชายกลับบ้านได้ แต่เป็นแบบไปเช้า-เย็นกลับ หากเราผิดสัญญาลูกจะตกเป็นของเค้าคนเดียวทันที เราเสียใจมากเพราะถือว่าเค้าไม่ให้เกียรติเราเลย เราจึงฉีกสัญญาฉบับนั้นทิ้งต่อหน้า หลังจากนั้นเรายังพูดเรื่องนี้อีก 1 ครั้ง เค้าก้อทำแบบเดิม เอาหนังสือสัญญาเนื้อหาแบบเดิมมาให้เราเซ็นอีกพร้อมบอกว่าเรื่องนี้ต้องให้พอเค้ารับรู้ เราไม่เซ็นและบอกไปว่าถ้าจะให้ทำเป็นหนังสือเราจะเขียนขึ้นเองและเรื่องนี้เป็นเรื่องของเรากับสามี 2 คน ทำไมพ่อสามีต้องเข้ามายุ่งและพ่อสามีไม่ใช่คนกลาง และหากจะทำหนังสือสัญญาดังกล่าวเราจะยอมทำก้อต่อเมื่อไปตกลงกันที่สถานีตำรวจเท่านั้นเนื่องจากถือว่าเป็นคนกลางอาจจะลงบันทึกประจำวันหรืออะไรก้อได้ขอแค่ให้เป็นคนกลางที่ไม่ใช่คนในบ้านเท่านั้น
นอกจากนี้เค้ายังเคยข่มขู่เราว่า หากมีการฟ้องร้องเลี้ยงดูบุตรเกิดขึ้น ลูกต้องอยู่กับเค้าแน่นอน เนื่องจากเค้าเป็นพ่อ เป็นคนเซ็นรับรองบุตร ลูกก็อยู่ในทะเบียนบ้านเค้า และเค้าไม่แคร์อยู่แล้วเค้าเลี้ยงลูกได้เพราะลูกกินนมผงไม่ได้กินนมแม่ ซึ่งเราทราบมาว่าหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นศาลจะพิจารณาความเหมาะสมในการเลี้ยงดูบุตรเอง แต่เราก้อเกิดความกังวลใจอยู่ดี
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่วันนั้นถึงปัจจุบันเราได้กลับบ้านคนเดียว แค่ 2 ครั้ง คือ ปลายเดือนตุลาคม 1 ครั้งและต้นเดือนพฤศจิกายน 1 ครั้ง โดยเวลาที่เราไม่อยู่บ้านสามีจะเป็นคนดูแลลูกค่ะ
สำหรับเรื่องอื่นสามีเป็นคนดีมากๆค่ะ ดูแลเราทุกอย่างตั้งแต่เราตั้งครรภ์เค้าก้อให้เราลาออกจากงานมาดูแลและเลี้ยงลูก แต่เรื่องที่จะให้ลูกกลับบ้านไปเยี่ยมญาติๆฝ่ายเรานี่เค้าไม่ยอมเลยจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้เราเครียดมากค่ะ เลยอยากขอความช่วยเหลือจากทุกคนในพันทิพ และคำภามดังนี้
1. ขอคำชี้แนะในเรื่องทางกฏหมาย เรายอมหย่าค่ะ ยอมมีคดีความฟ้องร้อง เพราะเราไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าเค้ายอมให้เราเชื่อใจเราบ้างเราคงไม่ทุกข์ใจมากขนาดนี้
2. หากเค้าบังคับให้เราเซ็นสัญญาอีกแล้วเราไม่ยอมเซ็นโดยบอกว่าให้ไปตกลงกันที่สถานีตำรวจและเค้าไม่ยอม กรณีนี้เราสามารถแจ้งข้อหากักขังหน่วง
เหนี่ยวบังคับข่มขืนจิตใจได้หรือไม่คะ
3. หากปัญหาเลยเถิดไปไกลเราจะต้องเตรียมเอกสารหรือข้อมูลอะไรบ้างคะ เนื่องจากเวลาทะเลาะกันเราไม่เคยได้อัดเสียงหรือเก็บข้อมูลอะไรไว้เลย ซึ่งเราถือว่าพลาดพอสมควร ตอนนี้เราจะเริ่มเก็บข้อมูลแล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ