1. ด้านภาษี
จะลดอัตราภาษีบุคคลและนิติบุคคลลง รวมทั้งยกเลิกภาษีมรดก อันนี้ผมเห็นว่ามันจะเป็นข้อดีที่ไม่ต้องจ่ายภาษีเยอะขึ้น และบริษัทอาจนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนหรือขยายธุรกิจต่อ(แต่แค่เล็กน้อย คงไปปันผลมากกว่า) ข้อเสียดูเหมือนจะมากกว่าเพราะอเมริกามีหนี้สูงมาก และรายได้ของรัฐบาลก็มาจากภาษี การลดรายได้และเพิ่มรายจ่าย (นโยบายอื่นๆ ที่จะสร้าง) จะทำให้ปัญหาหนี้อเมริกายิ่งสูงขึ้นไปอีกในระยะยาว
2. ด้านพลังงานและสาธารนูปโถค
- จะกลับมาใช้พลังงานราคาถูก เช่นถ่านหิน น้ำมัน เป็นต้น อันนี้คงดีกับการลดรายจ่ายด้านพลังงาน แต่ในระยะยาวคงเสียสัดส่วนเทคโนโลยีด้านพลังงานให้กับประเทศอื่นไป (ผมเชื่อว่า การพัฒนาจนถึงจุดคุ้มทุนจะทำให้พลังงานสะอาดเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่า)
คู่ค้าด้านพลังงานคงจะได้ประโยชน์ และราคาถ่านหินคงจะขึ้นมาเล็กน้อย (การประชุมเรื่องโลกร้อนครั้งหน้า คงถูกด่ากระจุย)
- จะมีการลงทุนด้านสาธารนูปโภคครั้งใหญ่ เพื่อปรับปรุงถนน ระบบขนส่งต่างๆ และอัดฉีดเงินให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนภายในประเทศมากขึ้น (คล้ายไทยนะ แต่มาดูเศรษฐกิจเราก่อนว่าทำแล้วได้ผลป่ะ)
3. ด้านแรงงาน
ผลักดันและกีดกันแรงงานต่างด้าว แรงงานอเมริกันต้องมาก่อน ไม่ให้มุสลิมจากประเทศก่การร้ายเข้าประเทศ(อันนี้ถูกด่ามากสุด แต่ก็ถูกคนขาวชอบมากสุดเช่นกัน) อเมริกันอาจหางานง่ายขึ้นจริงแต่ภาคแรงงานอาจมีคนน้อยลง รวมทั้งตัวเลือกที่น้อยลง นั้นขัดกับหลักการของอเมริกา ที่เติบโตด้วยการรับแรงงานที่มีฝีมือจากประเทศต่างๆมาพัฒนาอเมริกา และค้าแรงอเมริกันก็แพงมากด้วย คงจะมีหลายบริษัทยิ่งย้ายออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้นมากกว่า(แต่ก็เป็นผลดีกับเอเชียและไทยนะเพราะแถวนี้เนื้อหอมสุด)
4. ด้านการค้ากับต่างประเทศ
จะเพิ่มกำแพงภาษีและกีดกั้นการค้ากับจีนและเม็กซิโก เพราะทรัมป์คิดว่าทั้งสองประเทศนี้เล่นตุกติกกับอเมริกาโดยการลดค้าเงิน ดังนั้นจะขึ้นภาษีและมีนโยบายให้บริษัทกลับมาลงทุนในประเทศตัวเองมากขึ้น (อันนี้จะกลายเป็นสงครามการค้ามากกว่า) และยกเลิก TPP รวมทั้งทบทวนนโยบายด้านการค้าอื่นๆใหม่ ถ้าขึ้นจริง จีนกับเม็กซิโกก็คงขึ้นภาษีสินค้าจากอเมริกาเช่นกัน คราวนี้วัตถุดิบที่มาจากจีนก็คงสูงขึ้น สินค้าแพงขึ้น ส่วนการส่งออกก็น้อยลงเพราะโดนภาษีจากจีนเล่นงานคืน แรงงานในประเทศจะยิ่งเดือดร้อนเพราะบริษัทค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้น้อยลง ราคาของแพงขึ้น ...
5. ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ดูเหมือนอเมริกาคงจะกลับมาญาตดีกับประเทศขัดแย้งอย่างรัสเซียกับอิหร่านมากขึ้น ซึ้งอาจทำให้รัสเซียถูกยกเลิกคว่ำบาติ และเปิดการค้ากับยุโรปได้อีกครั้ง รวมทั้งอิหร่านเรื่องนิวเคลียอาจชัดเจนขึ้นจนเข้ามายืนบนเวทีโลกได้อีกครั้ง
- ด้านยุโรปจะค่อนข้างแย่ลง เพราะทรัมป์จะไม่จ่ายเงินให้นาโต้ ถ้าทุกประเทศไม่ร่วมลงขัน ดังนั้นนาโต้คงลดบทบาทด้านทหารลง และตุรกีคงจะมีทางเลือกไม่มากแล้ว
6. ด้านกองทัพ
ทรัมป์จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านกองทัพให้มากขึ้น เพิ่มยุทโธปกรณ์เข้าคลังเพิ่มขึ้น และจะเน้นปฎิบัติการที่เฉียบขาดกับ isis รวมทั้งเพิ่มกองเรือในเอเชียให้มากขึ้นเพื่อข่มจีน แต่ลดบทบาทในยุโรปลง
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้ลดลงและการเพิ่มรายได้ยังไม่ค่อยเห็นผล ข้อดีเราอาจได้ผลประโยชน์เพราะอาจมีการเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้น ส่วนการส่งออกอาจมีผลกระทบไม่มากเพราะทรัมป์เน้นกีดกันจีนกับเม็กซิโก ด้านการเมืองคงมีความตึงเครียดในคาบสมุทรเรามากขึ้นระหว่างจีนกับอเมริกา แต่โดยร่วมยังเป็นผลดีโดยเฉพาะยกเลิก TPP ไทยจะไม่เสียส่วนแบ่งให้เวียดนาม
#ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ #ถ้าไม่ผ่าน #สภาคองเกรส
ข้อมูลจากเพจfacebook : Investor VV
วิเคราะห์ประธานาธิปดีคนใหม่(จากมุมมองผม)
จะลดอัตราภาษีบุคคลและนิติบุคคลลง รวมทั้งยกเลิกภาษีมรดก อันนี้ผมเห็นว่ามันจะเป็นข้อดีที่ไม่ต้องจ่ายภาษีเยอะขึ้น และบริษัทอาจนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนหรือขยายธุรกิจต่อ(แต่แค่เล็กน้อย คงไปปันผลมากกว่า) ข้อเสียดูเหมือนจะมากกว่าเพราะอเมริกามีหนี้สูงมาก และรายได้ของรัฐบาลก็มาจากภาษี การลดรายได้และเพิ่มรายจ่าย (นโยบายอื่นๆ ที่จะสร้าง) จะทำให้ปัญหาหนี้อเมริกายิ่งสูงขึ้นไปอีกในระยะยาว
2. ด้านพลังงานและสาธารนูปโถค
- จะกลับมาใช้พลังงานราคาถูก เช่นถ่านหิน น้ำมัน เป็นต้น อันนี้คงดีกับการลดรายจ่ายด้านพลังงาน แต่ในระยะยาวคงเสียสัดส่วนเทคโนโลยีด้านพลังงานให้กับประเทศอื่นไป (ผมเชื่อว่า การพัฒนาจนถึงจุดคุ้มทุนจะทำให้พลังงานสะอาดเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่า)
คู่ค้าด้านพลังงานคงจะได้ประโยชน์ และราคาถ่านหินคงจะขึ้นมาเล็กน้อย (การประชุมเรื่องโลกร้อนครั้งหน้า คงถูกด่ากระจุย)
- จะมีการลงทุนด้านสาธารนูปโภคครั้งใหญ่ เพื่อปรับปรุงถนน ระบบขนส่งต่างๆ และอัดฉีดเงินให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนภายในประเทศมากขึ้น (คล้ายไทยนะ แต่มาดูเศรษฐกิจเราก่อนว่าทำแล้วได้ผลป่ะ)
3. ด้านแรงงาน
ผลักดันและกีดกันแรงงานต่างด้าว แรงงานอเมริกันต้องมาก่อน ไม่ให้มุสลิมจากประเทศก่การร้ายเข้าประเทศ(อันนี้ถูกด่ามากสุด แต่ก็ถูกคนขาวชอบมากสุดเช่นกัน) อเมริกันอาจหางานง่ายขึ้นจริงแต่ภาคแรงงานอาจมีคนน้อยลง รวมทั้งตัวเลือกที่น้อยลง นั้นขัดกับหลักการของอเมริกา ที่เติบโตด้วยการรับแรงงานที่มีฝีมือจากประเทศต่างๆมาพัฒนาอเมริกา และค้าแรงอเมริกันก็แพงมากด้วย คงจะมีหลายบริษัทยิ่งย้ายออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้นมากกว่า(แต่ก็เป็นผลดีกับเอเชียและไทยนะเพราะแถวนี้เนื้อหอมสุด)
4. ด้านการค้ากับต่างประเทศ
จะเพิ่มกำแพงภาษีและกีดกั้นการค้ากับจีนและเม็กซิโก เพราะทรัมป์คิดว่าทั้งสองประเทศนี้เล่นตุกติกกับอเมริกาโดยการลดค้าเงิน ดังนั้นจะขึ้นภาษีและมีนโยบายให้บริษัทกลับมาลงทุนในประเทศตัวเองมากขึ้น (อันนี้จะกลายเป็นสงครามการค้ามากกว่า) และยกเลิก TPP รวมทั้งทบทวนนโยบายด้านการค้าอื่นๆใหม่ ถ้าขึ้นจริง จีนกับเม็กซิโกก็คงขึ้นภาษีสินค้าจากอเมริกาเช่นกัน คราวนี้วัตถุดิบที่มาจากจีนก็คงสูงขึ้น สินค้าแพงขึ้น ส่วนการส่งออกก็น้อยลงเพราะโดนภาษีจากจีนเล่นงานคืน แรงงานในประเทศจะยิ่งเดือดร้อนเพราะบริษัทค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้น้อยลง ราคาของแพงขึ้น ...
5. ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ดูเหมือนอเมริกาคงจะกลับมาญาตดีกับประเทศขัดแย้งอย่างรัสเซียกับอิหร่านมากขึ้น ซึ้งอาจทำให้รัสเซียถูกยกเลิกคว่ำบาติ และเปิดการค้ากับยุโรปได้อีกครั้ง รวมทั้งอิหร่านเรื่องนิวเคลียอาจชัดเจนขึ้นจนเข้ามายืนบนเวทีโลกได้อีกครั้ง
- ด้านยุโรปจะค่อนข้างแย่ลง เพราะทรัมป์จะไม่จ่ายเงินให้นาโต้ ถ้าทุกประเทศไม่ร่วมลงขัน ดังนั้นนาโต้คงลดบทบาทด้านทหารลง และตุรกีคงจะมีทางเลือกไม่มากแล้ว
6. ด้านกองทัพ
ทรัมป์จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านกองทัพให้มากขึ้น เพิ่มยุทโธปกรณ์เข้าคลังเพิ่มขึ้น และจะเน้นปฎิบัติการที่เฉียบขาดกับ isis รวมทั้งเพิ่มกองเรือในเอเชียให้มากขึ้นเพื่อข่มจีน แต่ลดบทบาทในยุโรปลง
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้ลดลงและการเพิ่มรายได้ยังไม่ค่อยเห็นผล ข้อดีเราอาจได้ผลประโยชน์เพราะอาจมีการเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้น ส่วนการส่งออกอาจมีผลกระทบไม่มากเพราะทรัมป์เน้นกีดกันจีนกับเม็กซิโก ด้านการเมืองคงมีความตึงเครียดในคาบสมุทรเรามากขึ้นระหว่างจีนกับอเมริกา แต่โดยร่วมยังเป็นผลดีโดยเฉพาะยกเลิก TPP ไทยจะไม่เสียส่วนแบ่งให้เวียดนาม
#ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ #ถ้าไม่ผ่าน #สภาคองเกรส
ข้อมูลจากเพจfacebook : Investor VV