สบายดี เพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่านค่ะ
วันนี้จะมารีวิวการไปวังเวียง และ เวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2559 สดๆ ร้อนๆ
เนื่องจากมีรีวิวเกี่ยวกับการไปเที่ยวลาวเยอะมากๆ เราก็ได้อ่านรีวิวจากหลายๆท่านที่เคยไปมา
เพื่อเป็นการศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง ฮ่าๆๆ ซึ่งบางทีกาลเวลา ก็อาจจะทำให้อะไรหลายๆ อย่าง ที่วังเวียงและเวียงจันทน์เปลี่ยนไป
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะสรุปไว้รวมกันให้ดูล่างสุดนะคะ
Edit* ขอแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพอากาศนิดนึงนะคะ อากาศที่วังเวียงตอนเช้าและตอนค่ำจะเย็นๆ ค่ะ ไม่ถึงกับหนาว แต่เมื่อ
วันที่ 7-8 พฤศจิกายน ฝนตกแต่เช้าเลยค่ะ ทั้งที่วังเวียงและเวียงจันทน์ แนะนำสำหรับใครที่ไปช่วงนี้เอาเสื้อกันฝนติดไปก็ดีค่ะ

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...
Day 1
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง เวลา 12.50 น. ถึง สนามบินวัดไต (Wattay International Airport) เวลา 14.00 น.
ออกเดินทางไปกับสายการบินหางแดง พี่กัปตันรีบมากๆ ถึงเร็วเว่ออออ5555
**ขออภัย เนื่องจากไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย และขอเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อถึงสนามบินวัดไต (เวียงจันทน์) แล้วค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน เราก็ไปแลกตังก่อนเลยที่สนามบิน เลท ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 อยู่ที่ 1บาท = 234.64 กีบ
หลังจากนั้นก็มาติดต่อแท็กซี่ในสนามบินเพื่อเดินทางเข้าเมือง ไปต่อรถ เพื่อไปวังเวียงกันค่ะ ราคารถแท็กซี่เข้าเมือง จะอยู่ที่ 57000 กีบ/คัน
เราก็แจ้งพี่คนขับเรียบร้อยว่าไปตลาดเซ้า หรือตลาดเช้ามอล เนื่องจากศึกษาข้อมูลก่อนไปแล้วว่า ที่ตลาดเช้ามีรถเพื่อต่อไปยังวังเวียง
และพี่คนขับก็ถามว่าจะไปทำอะไรที่นั่น เราจึงบอกว่าจะไปต่อรถไปวังเวียง เค้าบอกว่าที่ตลาดเช้าไม่มีรถแล้ว
เนื่องจากท่ารถย้ายไปอยู่ที่สายเหนือทั้งหมด พี่เขาจึงพาไปแถวๆ ซอยน้ำพุ เพื่อสอบถามที่ท่ารถ (เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะมาต่อรถกันที่นี่)
และก็ได้คำตอบจากท่ารถมาว่า รถออกไปตอนบ่ายสอง หมดแล้ววว คุณพระ!!
แต่พี่คนขับใจดีโทรสอบถามท่ารถสายเหนือให้ เผื่อยังจะมีรถอยู่ และก็มีรถตู้ 1 คันที่บอกว่าจะวนมารับและจอดรอ เราเลยต้องเสียค่าแท็กซี่เพิ่มอีก 66000 กีบ เพื่อไปขึ้นรถตู้คันนั้น และโดนฟันค่ารถตู้เต็มๆ อีก 80000 กีบ/คน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แพง
ๆ เลย ปล.แนะนำว่าให้ไปท่ารถแถวน้ำพุให้ทันบ่ายสองค่ะ
ตัดภาพมาที่วังเวียง
หลังจากเดินทางออกจากเวียงจันทน์ประมาณ 15.30 น. ถึงวังเวียงประมาณ 19.00 น. และเดินหาที่พัก โดยใช้แอพ maps.me
แอพนี้ไม่ต้องใช้เน็ต ถือว่าดีมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แนะนำมาจากเพจ Palapilii Thailand ค่ะ ปล.ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ
เย้ ถึงที่พักสักที เหนื่อยกับการเดินทางมากๆ ซึ่งเราจะพักกันที่ Thavisouk Hotel ทั้ง 2 คืนค่ะ
นี่คือบรรยากาศจากระเบียงห้องพักค่ะ
หลังจากเก็บปลาเก๋าเรียบร้อยแล้ว เอ้ย! กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปหาอะไรกินกันก่อน ระหว่างทางก็เดินไปเจอร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์
จึงตัดสินใจเช่า 1 วันเต็ม หรือ 24 ชม. ในราคา 420 บาทไทย หาร2คน = 210 บาท/คน หากจ่ายเป็นเงินกีบ จะได้ในราคา 100,000 กีบ
ซึ่งแพงกว่าจ่ายเงินบาท555555 รถพร้อม คนพร้อม ไปกันต่อเลย
นี่คือแผนที่คร่าวๆ ในวังเวียง ได้มาจากร้านเช่ามอเตอร์ไซค์
ระหว่างทางก็แวะแลกเงินเพิ่ม ได้มาในเลทราคา 1 บาท = 234
ขับหาร้านข้าวไปเรื่อยๆ เจอร้านอาหารไทย ซอยเดียวกับร้านซากุระบาร์ วันนี้เราจะฝากท้องที่นี่กัน

ค่าเสียหาย สำหรับมื้อนี้ 68000 กีบ = 34000 กีบ/คน
ระหว่างทางกลับที่พัก ขอแวะซื้อซิมเน็ตสักหน่อย เนื่องจากติดโซเชียลมาก เสียไปในราคา 30000 กีบ พร้อมกับเน็ต 1.5 GB
วันนี้ขอพักแค่นี้ก่อนค่า เจอกันพรุ่งนี้เช้า
Day 2

หลังจากลงไปทานอาหารเช้า(ฟรี) เรียบร้อยแล้ว
วันนี้เราจะไปบลูลากูน ผาเงิน สะพานส้ม ถ้ำจัง Tubing และ Sakura bar
ก่อนออกเดินทาง ก็ไปแวะเติมน้ำมันก่อน 25000 กีบ เกือบเต็มถัง = 12500 กีบ/คน
ใช้แอพ maps.me เหมือนเดิม เพื่อไป blue lagoon ระหว่างทางก็ต้องผ่านสะพานเหล็ก
เสียค่าผ่านทาง 5000 กีบ/คน ค่ะ
ระหว่างทางไปบลูลากูน แวะถ่ายรูปเล่นกันสักหน่อย
เจอสองพี่น้องเดินจูงมือกันน่ารัก มีแอบกลัวเราสองคนเล็กน้อย ฮ่าๆ
ผู้ร่วมชะตากรรมกับเราในทริปนี้ค่ะ
ถึงแล้วบลูลากูน เสียค่าเข้าคนละ 10000 กีบนะจ๊ะ
โชคดีที่วันนี้มาเช้า เลยยังไม่ค่อยมีคน เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้ซักนิด
ประมาณ 09.00 น. ทัวร์เริ่มทยอยมาลงกันแล้ว วันนี้เจอคนไทยเต็มมมม
มีเสียงเชียร์ให้โดด แซวกันเฮฮา สนุกสนานดีค่ะ เลยขอลงไปแจมบ้างดีกว่า อิอิ
ตอนโดนชั้นอนุบาลไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย ฮ่าๆ ไม่กล้าโดดชั้นบน ขาสั่นนนน!
หลังจากอยู่บลูลากูนหลายชั่วโมง เริ่มล้า ไปกันต่อดีกว่า สถานีต่อไป ผาเงิน ขับรถกลับมาทางเดิม ใช้แอพเดิมค่ะ
ทางเข้าอาจจะไม่มีป้ายหรืออะไรบอก ลองถามคนแถวนั้นดูก็ได้ค่ะ เพื่อความชัวร์
เสียค่าขึ้นผาเงินคนละ 10000 กีบ ระยะทางขึ้นผาเงิน 650 m
ตอนแรกคิดว่า แค่ 650m เอง แต่ขึ้นไปได้นิดเดียว ทำไมมันไม่ถึงซักที ถ้าไปวังเวียงแล้วต้องไปค่ะ แนะนำ
อีก 50m เท่านั้น
ถึงแล้ววววววววววววววววววว

ข้างบนแดดแรงมาก เนื่องจากตอนที่ขึ้นไปถึงบนนั้นเที่ยงพอดีเลย
เรานั่งอยู่สักพักจนหายเหนื่อย ก็ได้เวลาลงแล้วแหละ เดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่สะพานส้ม ถ้ำจัง
ระหว่างทางเกิดหิวขึ้นมา เลยขอแวะพักในเมืองวังเวียง (ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เนื่องจากหิวมาก)
มื้อนี้หมดไปคนละ 39500 กีบ
ถึงแล้วด่านแรก เสียค่าเข้า 7000 กีบ = 3500 /คน แล้วเอารถเข้าไปจอดได้เลยค่ะ
เดินผ่านสะพานส้มเพื่อเข้าไปถ้ำจังกันค่ะ
ความจริงมีที่ให้เล่นน้ำด้วย อยู่แถวทางขึ้นไปถ้ำจัง น้ำใส น่าเล่นค่ะ แต่ว่าเราไม่ได้เล่น และไม่ได้ถ่ายรูปมา
เนื่องจากตอนที่เราไป มีพระมาเล่นน้ำกันอยู่ค่ะ เลยไม่กล้าถ่าย (ขออภัยหากใช้คำไม่ถูกต้องนะคะ)
ทางขึ้นไปบนถ้ำจัง
ก่อนขึ้นไปต้องเสียค่าเข้าถ้ำจังอีก คนละ 15000 กีบ (เมื่อก่อนคนละ 10000 กีบ) ตอนนี้ขึ้นราคาแล้วนะคะ ภายในถ้ำเย็นดีค่ะ เดินวนไปหนึ่งรอบแล้วเดินกลับทางเดิม สำหรับวันนี้หมดแรงแล้วคะ และแล้วก็ไม่ได้ไปล่องห่วงยางตามที่วางแพลนไว้ แต่เราจะไปนั่งชิวที่บาร์ริมน้ำกันแทนค่ะ
หลังจากพักผ่อนเต็มที่ เย็นนี้มาฝากท้องไว้ที่บาร์ริมน้ำกัน ในแอพ ไม่มีบอกนะคะว่าอยู่ตรงไหน
เราอาศัยถามจากคนแถวๆนั้นมาเรื่อยๆ มั่วจนถึงค่ะ บาร์ริมน้ำจะอยู่แถวที่พัก Other side ค่ะ
หลังจากนั่งชิวอยู่พักใหญ่ เราก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องคืนรถตอน 2 ทุ่ม จึงขับไปที่ร้านและขอต่อเวลาอีก 2 ชั่วโมง
และต้องจ่ายเพิ่มอีก 15000 กีบ = 7500 กีบ/คน หลังจากนั้นก็ไปแวะกินแซนวิช มานี่ต้องห้ามพลาด เค้าว่างั้น
ร้านแบบนี้มีอยู่เยอะมากๆ เลือกได้เลย ถูกใจร้านไหน เข้าร้านนั้นเลยค่ะ

ค่าเสียหาย 30000 กีบ = 15000 กีบ/คน
รอเวลา 2 ทุ่ม เพื่อออกไปตามหาโอปป้าที่ซากุระบาร์กันค่ะ ฮ่าๆ
20.00 – 21.00 น. ฟรีดริ้งค์นะคะ อันนี้หลายคนน่าจะทราบ แนะนำสำหรับคนที่มาครั้งแรก ฟรีดริ้งค์จะเป็นเหล้าเท่านั้นค่ะ
เค้าจะวางเรียงไว้ที่บาร์ แล้วเราสามารถเลือกได้ว่าจะมิกซ์กับอะไร ส่วนใหญ่น่าจะเป็นน้ำอัดลมนะ
เราไปครั้งแรก พอไปถึงหยิบไปเลยจ้า ไม่มิกซ์อะไรทั้งสิ้น ด้วยความที่ไม่รู้ ฮ่าๆ พนักงานมีมองหน้าเล็กน้อยว่าจะกินเพรียวจริงดิ (เก๊าไม่รู้55555)

พอไปจริงๆ ไม่มีโอปป้าหรอกค่ะ มีแต่ฝรั่ง ฮ่าาาาาาา
**จบทริปวันที่ 2 เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้ค่ะ**
[CR] วังเวียง-เวียงจันทน์ 5 - 8 November 2016 (Loasnovem trip)
วันนี้จะมารีวิวการไปวังเวียง และ เวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2559 สดๆ ร้อนๆ
เนื่องจากมีรีวิวเกี่ยวกับการไปเที่ยวลาวเยอะมากๆ เราก็ได้อ่านรีวิวจากหลายๆท่านที่เคยไปมา
เพื่อเป็นการศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง ฮ่าๆๆ ซึ่งบางทีกาลเวลา ก็อาจจะทำให้อะไรหลายๆ อย่าง ที่วังเวียงและเวียงจันทน์เปลี่ยนไป
วันที่ 7-8 พฤศจิกายน ฝนตกแต่เช้าเลยค่ะ ทั้งที่วังเวียงและเวียงจันทน์ แนะนำสำหรับใครที่ไปช่วงนี้เอาเสื้อกันฝนติดไปก็ดีค่ะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...
Day 1
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง เวลา 12.50 น. ถึง สนามบินวัดไต (Wattay International Airport) เวลา 14.00 น.
ออกเดินทางไปกับสายการบินหางแดง พี่กัปตันรีบมากๆ ถึงเร็วเว่ออออ5555
**ขออภัย เนื่องจากไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย และขอเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อถึงสนามบินวัดไต (เวียงจันทน์) แล้วค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน เราก็ไปแลกตังก่อนเลยที่สนามบิน เลท ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 อยู่ที่ 1บาท = 234.64 กีบ
หลังจากนั้นก็มาติดต่อแท็กซี่ในสนามบินเพื่อเดินทางเข้าเมือง ไปต่อรถ เพื่อไปวังเวียงกันค่ะ ราคารถแท็กซี่เข้าเมือง จะอยู่ที่ 57000 กีบ/คัน
เราก็แจ้งพี่คนขับเรียบร้อยว่าไปตลาดเซ้า หรือตลาดเช้ามอล เนื่องจากศึกษาข้อมูลก่อนไปแล้วว่า ที่ตลาดเช้ามีรถเพื่อต่อไปยังวังเวียง
และพี่คนขับก็ถามว่าจะไปทำอะไรที่นั่น เราจึงบอกว่าจะไปต่อรถไปวังเวียง เค้าบอกว่าที่ตลาดเช้าไม่มีรถแล้ว
เนื่องจากท่ารถย้ายไปอยู่ที่สายเหนือทั้งหมด พี่เขาจึงพาไปแถวๆ ซอยน้ำพุ เพื่อสอบถามที่ท่ารถ (เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะมาต่อรถกันที่นี่)
และก็ได้คำตอบจากท่ารถมาว่า รถออกไปตอนบ่ายสอง หมดแล้ววว คุณพระ!!
แต่พี่คนขับใจดีโทรสอบถามท่ารถสายเหนือให้ เผื่อยังจะมีรถอยู่ และก็มีรถตู้ 1 คันที่บอกว่าจะวนมารับและจอดรอ เราเลยต้องเสียค่าแท็กซี่เพิ่มอีก 66000 กีบ เพื่อไปขึ้นรถตู้คันนั้น และโดนฟันค่ารถตู้เต็มๆ อีก 80000 กีบ/คน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัดภาพมาที่วังเวียง
หลังจากเดินทางออกจากเวียงจันทน์ประมาณ 15.30 น. ถึงวังเวียงประมาณ 19.00 น. และเดินหาที่พัก โดยใช้แอพ maps.me
แอพนี้ไม่ต้องใช้เน็ต ถือว่าดีมาก
เย้ ถึงที่พักสักที เหนื่อยกับการเดินทางมากๆ ซึ่งเราจะพักกันที่ Thavisouk Hotel ทั้ง 2 คืนค่ะ
นี่คือบรรยากาศจากระเบียงห้องพักค่ะ
หลังจากเก็บปลาเก๋าเรียบร้อยแล้ว เอ้ย! กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปหาอะไรกินกันก่อน ระหว่างทางก็เดินไปเจอร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์
จึงตัดสินใจเช่า 1 วันเต็ม หรือ 24 ชม. ในราคา 420 บาทไทย หาร2คน = 210 บาท/คน หากจ่ายเป็นเงินกีบ จะได้ในราคา 100,000 กีบ
ซึ่งแพงกว่าจ่ายเงินบาท555555 รถพร้อม คนพร้อม ไปกันต่อเลย
นี่คือแผนที่คร่าวๆ ในวังเวียง ได้มาจากร้านเช่ามอเตอร์ไซค์
ระหว่างทางก็แวะแลกเงินเพิ่ม ได้มาในเลทราคา 1 บาท = 234
ขับหาร้านข้าวไปเรื่อยๆ เจอร้านอาหารไทย ซอยเดียวกับร้านซากุระบาร์ วันนี้เราจะฝากท้องที่นี่กัน
ค่าเสียหาย สำหรับมื้อนี้ 68000 กีบ = 34000 กีบ/คน
ระหว่างทางกลับที่พัก ขอแวะซื้อซิมเน็ตสักหน่อย เนื่องจากติดโซเชียลมาก เสียไปในราคา 30000 กีบ พร้อมกับเน็ต 1.5 GB
วันนี้ขอพักแค่นี้ก่อนค่า เจอกันพรุ่งนี้เช้า
Day 2
หลังจากลงไปทานอาหารเช้า(ฟรี) เรียบร้อยแล้ว
วันนี้เราจะไปบลูลากูน ผาเงิน สะพานส้ม ถ้ำจัง Tubing และ Sakura bar
ก่อนออกเดินทาง ก็ไปแวะเติมน้ำมันก่อน 25000 กีบ เกือบเต็มถัง = 12500 กีบ/คน
ใช้แอพ maps.me เหมือนเดิม เพื่อไป blue lagoon ระหว่างทางก็ต้องผ่านสะพานเหล็ก
เสียค่าผ่านทาง 5000 กีบ/คน ค่ะ
ระหว่างทางไปบลูลากูน แวะถ่ายรูปเล่นกันสักหน่อย
เจอสองพี่น้องเดินจูงมือกันน่ารัก มีแอบกลัวเราสองคนเล็กน้อย ฮ่าๆ
ผู้ร่วมชะตากรรมกับเราในทริปนี้ค่ะ
ถึงแล้วบลูลากูน เสียค่าเข้าคนละ 10000 กีบนะจ๊ะ
โชคดีที่วันนี้มาเช้า เลยยังไม่ค่อยมีคน เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้ซักนิด
ประมาณ 09.00 น. ทัวร์เริ่มทยอยมาลงกันแล้ว วันนี้เจอคนไทยเต็มมมม
มีเสียงเชียร์ให้โดด แซวกันเฮฮา สนุกสนานดีค่ะ เลยขอลงไปแจมบ้างดีกว่า อิอิ
ตอนโดนชั้นอนุบาลไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย ฮ่าๆ ไม่กล้าโดดชั้นบน ขาสั่นนนน!
หลังจากอยู่บลูลากูนหลายชั่วโมง เริ่มล้า ไปกันต่อดีกว่า สถานีต่อไป ผาเงิน ขับรถกลับมาทางเดิม ใช้แอพเดิมค่ะ
ทางเข้าอาจจะไม่มีป้ายหรืออะไรบอก ลองถามคนแถวนั้นดูก็ได้ค่ะ เพื่อความชัวร์
เสียค่าขึ้นผาเงินคนละ 10000 กีบ ระยะทางขึ้นผาเงิน 650 m
ตอนแรกคิดว่า แค่ 650m เอง แต่ขึ้นไปได้นิดเดียว ทำไมมันไม่ถึงซักที ถ้าไปวังเวียงแล้วต้องไปค่ะ แนะนำ
อีก 50m เท่านั้น
ถึงแล้ววววววววววววววววววว
ข้างบนแดดแรงมาก เนื่องจากตอนที่ขึ้นไปถึงบนนั้นเที่ยงพอดีเลย
เรานั่งอยู่สักพักจนหายเหนื่อย ก็ได้เวลาลงแล้วแหละ เดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่สะพานส้ม ถ้ำจัง
ระหว่างทางเกิดหิวขึ้นมา เลยขอแวะพักในเมืองวังเวียง (ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เนื่องจากหิวมาก)
มื้อนี้หมดไปคนละ 39500 กีบ
ถึงแล้วด่านแรก เสียค่าเข้า 7000 กีบ = 3500 /คน แล้วเอารถเข้าไปจอดได้เลยค่ะ
เดินผ่านสะพานส้มเพื่อเข้าไปถ้ำจังกันค่ะ
ความจริงมีที่ให้เล่นน้ำด้วย อยู่แถวทางขึ้นไปถ้ำจัง น้ำใส น่าเล่นค่ะ แต่ว่าเราไม่ได้เล่น และไม่ได้ถ่ายรูปมา
เนื่องจากตอนที่เราไป มีพระมาเล่นน้ำกันอยู่ค่ะ เลยไม่กล้าถ่าย (ขออภัยหากใช้คำไม่ถูกต้องนะคะ)
ทางขึ้นไปบนถ้ำจัง
ก่อนขึ้นไปต้องเสียค่าเข้าถ้ำจังอีก คนละ 15000 กีบ (เมื่อก่อนคนละ 10000 กีบ) ตอนนี้ขึ้นราคาแล้วนะคะ ภายในถ้ำเย็นดีค่ะ เดินวนไปหนึ่งรอบแล้วเดินกลับทางเดิม สำหรับวันนี้หมดแรงแล้วคะ และแล้วก็ไม่ได้ไปล่องห่วงยางตามที่วางแพลนไว้ แต่เราจะไปนั่งชิวที่บาร์ริมน้ำกันแทนค่ะ
หลังจากพักผ่อนเต็มที่ เย็นนี้มาฝากท้องไว้ที่บาร์ริมน้ำกัน ในแอพ ไม่มีบอกนะคะว่าอยู่ตรงไหน
เราอาศัยถามจากคนแถวๆนั้นมาเรื่อยๆ มั่วจนถึงค่ะ บาร์ริมน้ำจะอยู่แถวที่พัก Other side ค่ะ
หลังจากนั่งชิวอยู่พักใหญ่ เราก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องคืนรถตอน 2 ทุ่ม จึงขับไปที่ร้านและขอต่อเวลาอีก 2 ชั่วโมง
และต้องจ่ายเพิ่มอีก 15000 กีบ = 7500 กีบ/คน หลังจากนั้นก็ไปแวะกินแซนวิช มานี่ต้องห้ามพลาด เค้าว่างั้น
ร้านแบบนี้มีอยู่เยอะมากๆ เลือกได้เลย ถูกใจร้านไหน เข้าร้านนั้นเลยค่ะ
ค่าเสียหาย 30000 กีบ = 15000 กีบ/คน
รอเวลา 2 ทุ่ม เพื่อออกไปตามหาโอปป้าที่ซากุระบาร์กันค่ะ ฮ่าๆ
20.00 – 21.00 น. ฟรีดริ้งค์นะคะ อันนี้หลายคนน่าจะทราบ แนะนำสำหรับคนที่มาครั้งแรก ฟรีดริ้งค์จะเป็นเหล้าเท่านั้นค่ะ
เค้าจะวางเรียงไว้ที่บาร์ แล้วเราสามารถเลือกได้ว่าจะมิกซ์กับอะไร ส่วนใหญ่น่าจะเป็นน้ำอัดลมนะ
เราไปครั้งแรก พอไปถึงหยิบไปเลยจ้า ไม่มิกซ์อะไรทั้งสิ้น ด้วยความที่ไม่รู้ ฮ่าๆ พนักงานมีมองหน้าเล็กน้อยว่าจะกินเพรียวจริงดิ (เก๊าไม่รู้55555)
พอไปจริงๆ ไม่มีโอปป้าหรอกค่ะ มีแต่ฝรั่ง ฮ่าาาาาาา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น