ผมก็เจอ... ที่ปางอุ๋ง

กระทู้สนทนา
ประมาณสองปีก่อน ผมตัดสินใจไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันคนนึงที่ปางอุ๋งช่วงคริสต์มาส ก็ไปกันสองคนตามประสาเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยม โดยเราแวะเที่ยวปายกันก่อนสองคืน แล้วก็ไปนอนปางอุ๋งต่ออีกสองคืน

ที่ปายมันก็สนุกดีอยู่หรอก อึกกะทึก คนพรุกพร่าน ครั้งนั้นเป็นการไปเที่ยวปายครั้งที่สี่หรือห้าของผมแล้วก็ไม่ได้แปลกที่แปลกตาอะไรเท่าไหร่ แต่ผมยังไม่เคยไปปางอุ๋งเลย

พวกเราก็นั่งรถตู้ จากปาย ไปต่อรถสองแถวระหว่างทาง แล้วก็นัดรถปิ๊กอัพมารับไปปางอุ๋งอีกที ถ้าเล่าระเอียดกว่านี้ คงเป็นกระทู้บลูแพลนเน็ทแทนละมั้ง แหะๆ เข้าเรื่องดีกว่า

เพื่อนผมจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ ที่ปางอุ๋ง ที่โฮมสเตย์ต้นๆซอยทางเข้าเลย ขอไม่บอกชื่อและฝั่งซ้ายหรือขวาละกันครับ เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกิดกับผมจริง จะได้ไม่กระทบการทำมาหากินสุจริตของเจ้าของเขา เพราะเขาใจดี และเป็นกันเองมากๆเลย

คืนแรกกับคืนที่สอง เป็นห้องคนละห้องกัน เพราะคืนแรกเหลือกระต๊อบหลังแรกเพียงห้องเดียว ส่วนคืนที่สองมีหลังที่ดีกว่า ใหม่และใหญ่กว่าว่าง ก็ตั้งใจจะย้ายไปห้องนั้นกัน

กระต๊อบหรือจะเรียกบังกะโลก็คงได้ภาพลักษณ์ประมาณนั้นถ้าอยู่แถวทะเล เป็นบ้านก่ออิฐบล็อคธรรมดาๆ ที่เรียงตัวต่อๆกันเป็นวง เป็นเหมือนกระต๊อบหลังเล็กๆ มีลานนั่งเป็นแคร่ กับบริเวณให้ก่อไฟ ที่ลานตรงกลาง ช่วงหัวค่ำหลังเราก็นั่งกินหมูกระทะกันข้างกองไฟ บรรยากาศดีมากเลยทีเดียว กินกันไปสองคนก็ชวนแขกกลุ่มอื่นคนนู้นคนนี้ที่พักคุยไปเรื่อย ตามประสาพวกพูดมากแบบพวกผม

พอเริ่มตกดึก แขกคนอื่นๆก็เข้านอนกันไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าของที่อยู่ทางเค้าเตอร์ด้านหน้า ผมกับเพื่อนก็อิ่มมากแล้ว ผมเองดื่มเบียร์ไปเยอะเริ่มง่วงๆ เราสองคนก็เตรียมเข้านอน
ผมเห็นเพื่อนสวดมนต์ก่อนนอน ก็เลยทำบ้าง ใจนึงก็กลัว เดี๋ยวไม่มีอะไรคุ้มครอง นอนในป่าในเขา ห่างไกลแบบนี้ ใจนึงก็กลัวหลายคนเคยพูดว่า สวดมนต์แผ่เมตตาหรือยิ่งจัดชินบัณชรชุดใหญ่ เหมือนยิ่งเป็นการเรียกเขามาหาเราหรือท้าทาย แต่ก็สวดมนต์ชุดเล็กและแผ่เมตตาไปกันจนเสร็จ

อธิบายภายในห้องเล็กน้อยนะคับ
เตียงเราติดผนัง หัวเตียงเป็นหน้าต่าง ปลายเท้าจะติดผนังห้องน้ำพอดี เพื่อนผมนอนฝั่งติดผนัง(คือด้านขวาของผม) ผมนอนฝั่งนอกของเตียง ไม่นานเพื่อนผมก็หลับไปก่อน แต่ด้วยก่อนนอนนั่งกินหมูกระทะแกล้มเบียร์ไปเยอะกับอากาศที่เย็นประมาณ9องศา (ตามปรอทที่แปะผนังของเค้าเตอร์โฮมสเตย์) เวลาคุยนี่ควันออกปากเลย

ตกดึกก็ปวดฉี่ ก็งัวเงียๆ จะตื่นไปเข้าห้องน้ำ แต่ขยับตัวไม่ได้ ก็คิดว่าเพื่อนผมมันนอนทับผ้าห่มอยู่ แต่จะหันไปมองตั้งใจจะได้ดึงผ้าห่มได้ถ้ามันทับ แต่ผมดันขยับคอไม่ได้ ได้แต่เหลือบตา หางตาซ้าย มันก็เห็นเงาดำ ตอนแรกก็มองเหมือนเป็นเงาดำๆสามเหลี่ยม ลอยอยู่บนผนังตรงปลายเท้า
ตอนนั้นคิดแต่ปวดฉี่ กับคิดว่าน่าจะเพราะเพิ่งตื่นอาจเป็นตายังปรับไม่ดี เลยไม่หันมองฝั่งเพื่อนละ เลยนอนจ้องผนังห้องน้ำ เหนือปลายเท้าตัวเอง พยายามมองให้ชัดแทน พรางก็นึกไปด้วยว่า ตอนกลางวันบนผนังมันมีรอยหรือมีอะไรที่จะพอเกิดเป็นเงาแบบนี้หรือเปล่า ตอนนั้นเท่าที่นึกได้คือไม่มีรอยอะไรนะ เงาดำก็ไม่ยอมหายไปไหน เงาดำนี่เหมือนเป็นคนนั่งขัดสมาธิอ่ะ สามเหลี่ยมคล้ายๆแบบนั้น แต่จะลุกก็ลุกไม่ได้ จะเรียกเพื่อนเสียงก็ไม่ออก

ตอนนั้นถามว่า กลัวไหม บอกเลย ปวดฉี่มากกว่ากลัว คิดในใจว่า ไม่น่าสวดมนต์ก่อนนอนเลย เพราะอย่างที่บอก ตอนที่สวดมนต์ก็แอบคิดไปด้วยว่า มีคนเคยพูดยิ่งสวดเหมือนเป็นการเรียกเขามา เป็นไงทีนี้มาเลย จะไปฉี่ก็ไปไม่ได้
กลัวจะฉี่รดที่นอน เสียชื่ออับอายเปล่าๆ ก็อดทน ก็นอนมองเงาดำๆบนผนังต่อไปงั้นแหละ ทำตาปรือๆ นึกในใจปวดฉี่จัง เงาก็ไม่หายไปนะ เหมือนเขาก็นั่งขัดสมาธิมองผม ผมก็จ้องเขาไปงั้น จนผมหลับไป

พอตอนเช้าตื่นมา ตื่นก่อนเพื่อน แล้วรีบเข้าห้องน้ำเลย ฉี่แทบไม่ออก ออกมานอนห่มผ้ามองผนัง ไม่มีรอยอะไรจริงๆ ที่จะมองเห็นเป็นเงาดำๆ ตอนกลางคืนได้ พออาบน้ำเสร็จ ตอนกินข้าวเช้าก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า เมื่อคืนกูเจอแล้ว เขามาเลย เพราะมิงชวนสวดมนต์อ่ะแหละ เมือคืนมิงหลับสบายดีเหรอ เพื่อนผมไม่เจออะไร คงเพราะผมพอมีเซ้นต์เรื่องพวกนี้อยู่บ้างแหละ ที่ไหนมีจะพอรู้สึกได้ โดนอำบ้างตามโอกาส แล้วแต่สถานที่ ที่เห็นๆก็มีเป็นเงาซะส่วนใหญ่ ไม่เคยเจอตัวเป็นๆหรืออะไรน่ากลัวมากนัก อาจเพราะเป็นหมอด้วย เจอศพเจอคนตายมาเยอะ แต่ก็กลัวแหละนะผีเนียะ

ไว้มาเล่าเรื่องที่เคยเจอมาตอนอื่นๆนะครับ
เรื่องของผมอาจจะไม่หวือหวามากนัก เพราะไม่ได้แต่งใส่สีใส่ไข่เพิ่ม เรื่องจริงล้วนๆเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่