((มาลาริน)) ชื่นชม "ขอให้ช่วยรัฐบาล ผมจะไม่ไปโต้ตอบกับใคร ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าทำดี ตั้งใจดี บริสุทธิ์มันก็เป็นกุศล"

กระทู้คำถาม
ยามนี้รัฐบาลมีภาระหนักหลายด้าน....ทุกด้านล้วนมีความสำคัญ
ยิ่งในช่วงเวลานี้...ภาวะผู้นำของรัฐบาลจะต้องพร้อมนำพาประชาชนทั้งประเทศให้อยู่ในบรรยากาศแห่งความร่วมมือร่วมใจ
รักใคร่ สามัคคี กลมเกลียว เหนียวแน่นกันเป็นหนึ่งเดียว

ลุงตู่ได้แสดงความเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้แล้ว  จากคำพูดของท่าน..

"ขอให้ช่วยรัฐบาล ผมจะไม่ไปโต้ตอบกับใคร ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าทำดี ตั้งใจดี บริสุทธิ์ มันก็เป็นกุศล ก็แค่นั้นเอง รัฐบาลไม่ได้ไปมุ่งหวังทำอะไรให้ใครเสียหายอยู่แล้ว เรื่องที่มีเหตุการณ์นี้โน้นเกิดขึ้น ขอให้พอได้แล้ว ผมจะไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เฉยๆ สังคม ประชาชน จะดูเอง ใครทำดีก็ต้องขอบคุณ ใครทำดีได้ดี” 

การที่ท่านมีความตั้งใจแน่วแน่เพื่อทำงานให้ประชาชน  ท่านรักชาติ รักสถาบัน  ท่านทำได้ทุกอย่าง อดทน และไม่หวั่นไหวอีกแล้ว  คำพูดนี้สื่อสารให้เข้าใจท่านยิ่งขึ้นว่าท่านคิดอย่างไร
หวังว่า...คนที่รักชาติ รักสถาบัน และรักประชาชน ควรคิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไรแบบไม่เหมาะสม

งานของลุงตู่เกี่ยวกับชาวนาก็สำเร็จไปอีกเรื่องค่ะ

อ่านจากข่าวกันนะคะ

ดอกไม้นานาโอเคดอกไม้เยี่ยม

"ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะ นบข. เคาะมาตรการช่วย “ข้าวเจ้า-ข้าวหอมปทุมธานี” ตามรอย “หอมมะลิ” วงเงิน 18,000 ล้านบาท ชี้เป็นแค่การแก้ปัญหาปลายทาง ลั่นขอเวลา 5 ปี หากบูรณาการตั้งแต่ “ต้น-กลาง-ปลาย” มั่นใจชาวนา-ชาวไร่รวยขึ้นเยอะ พร้อมเลิกตอบโต้ บอกสังคมจะพิพากษาเองใครทำดี สมุนหนูไม่รู้ขู่ใช้กฎหมายปิดปาก “หมอวรงค์” อึ้ง! ยรรยงบอกข้าวแค่ระดับหมื่นตันไม่ถล่มราคา แต่ป้องกันกดราคาได้! ทุกภาคส่วนยังเดินหน้าช่วยกระดูกสันหลังของชาติ ตัวแทนชาวนาเตรียมยกพลขอบคุณลุงตู่

เมื่อวันจันทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนการประชุมว่า เป็นการประชุมเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวนาที่ปลูกข้าวเจ้า และข้าวหอมปทุมธานี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง โดยจะใช้หลักการใกล้เคียงของเดิม

โดยหลังใช้เวลาประชุม 1.30 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังประชุมว่า รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกรทั้งชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน ซึ่งทุกอย่างที่เสนอมาได้รับฟังทุกคน ทั้งชาวนา โรงสีข้าว และผู้ประกอบการค้าข้าว ไม่ใช่กำหนดเอง โดยการแก้ปัญหาราคาข้าวทั้งหมดต้องมีมาตรการรองรับที่เหมาะสม ทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย ไม่ให้กลไกตลาดเสียหาย นี่คือหลักการสำคัญ ยืนยันห่วงใยทุกคน รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าแบบนี้

“นี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายทางทั้งสิ้น และแก้กันแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งประชาชน เกษตรกรคุ้นเคย จึงทำให้วงจรการแก้ไขปัญหาทำได้ยาก แต่รัฐบาลนี้มุ่งย้อนไปที่ต้นทาง ปรับเรื่องการใช้น้ำ การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสม การลดพื้นที่การปลูก ลดต้นทุนการผลิต รัฐบาลคิดทั้งหมดและทำมาโดยตลอด แต่ปัญหาคือประชาชนและสังคมสนใจแต่เรื่องแก้ปัญหาปลายทาง จนลืมไปว่ารัฐบาลทำที่ต้นทางมีอะไรบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ ย้ำว่า ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันที่ต้นทาง สนใจแต่ปลายทาง มันแก้ไม่ได้หรอก ไม่มีใครแก้ได้ และไม่มีใครสนใจจะแก้ด้วย วันหน้าก็จะเป็นอยู่แบบนี้ เรื่องหนี้สินชาวนาจะทำอย่างไร ที่ผ่านมาให้งดดอกเบี้ยชะลอหนี้สิน พักชำระหนี้ทำกันมาตลอด แล้วจะให้มันอยู่อย่างนี้หรือ เงินก็หมดตรงกลางและปลายทางหมด ด้วยการช่วยเหลือและแก้ปัญหาแบบนี้ ทั้งหมดสำคัญอยู่ที่ต้นทาง หากจะทำแบบเดิม ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ไม่มีวันเข้มแข็ง เราต้องใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการระเบิดจากภายใน คือต้นทางทำให้ดี ขณะเดียวกันปลายทางที่มีทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และยังมีตลาดชุมชนที่สีข้าวขายกันเอง ที่ถือว่าเป็นเส้นทางเลือกทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงให้ได้ จึงจะทำให้ราคาสูงขึ้น โดยการผลิตข้าวที่มีคุณภาพและลดปริมาณการปลูกลงแต่ประชาชนอยู่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า หลักการของรัฐบาลต้องคำนึงถึงต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ของพืชทุกชนิด ถ้าทำผลผลิตออกมามากเกินไปก็ขายไม่ได้อยู่ดี และต้องอุดหนุนกันไปอีกสักเท่าไหร่ วันนี้เห็นใจทุกคน ทั้งเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน แต่ที่ผ่านมาต้องอุดหนุนปลายทางตลอด ดังนั้นต้องไปดูต้นทางเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนไม่เข้าใจตรงนี้สุดท้ายก็เดือดร้อน เงินก็หมดไปเรื่อยๆ แล้วเข้มแข็งขึ้นไหม วันนี้มาตรการต่างๆ ต้องทำควบคู่กันไป แต่ไปได้ช้า เพราะส่วนใหญ่ติดกับวัฒนธรรม หรือพฤติกรรมการปลูกข้าวแบบเดิม ขอให้เข้าใจตรงกัน ถ้ามีอะไรผิดก็ให้บอกมา แต่ไม่น่าผิด คิดมานาน คิดมา 3 ปีแล้ว แต่ทำได้แค่นี้ เพราะเจอปัญหาแบบนี้ วันนี้ต้องคิดใหม่ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะเป็นวงจรแบบเดิม
บิ๊กตู่เลิกโต้ให้สังคมตัดสิน

“ขอให้ช่วยรัฐบาล ผมจะไม่ไปโต้ตอบกับใคร ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าทำดี ตั้งใจดี บริสุทธิ์ มันก็เป็นกุศล ก็แค่นั้นเอง รัฐบาลไม่ได้ไปมุ่งหวังทำอะไรให้ใครเสียหายอยู่แล้ว เรื่องที่มีเหตุการณ์นี้โน้นเกิดขึ้น ขอให้พอได้แล้ว ผมจะไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เฉยๆ สังคม ประชาชน จะดูเอง ใครทำดีก็ต้องขอบคุณ ใครทำดีได้ดี” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องอื่นๆ กำลังแก้ สิ่งที่จะตามมา เดี๋ยวก็มีเรื่องข้าวโพดนำเข้า ขออย่าเพิ่งออกมาเรียกร้องอะไรมาก ตอนนี้รัฐบาลกำลังแก้อยู่ แต่มันแก้สิ่งที่เกิดมา 20-30 ปี คงแก้ไม่ได้ภายในวันเดียว คงต้องแก้ทั้งระบบทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง หากแก้เช่นนี้ได้รับรองไม่เกิน 5 ปี ชาวนาชาวไร่รวยขึ้นเยอะ ขอให้เข้าใจความตั้งใจของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เขาพยายามทำกันอยู่ นอนตาไม่หลับกันมาหลายอาทิตย์แล้ว ไม่ใช่มีปัญหาและมาแก้ แต่คิดมาตลอดตั้งแต่วันแรก 22 พ.ค.2557 ว่าทำอย่างไรชาวนาจะดีขึ้น ซึ่งต้องร่วมมือกัน ก็แค่นั้น

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสไปพบกับชาวนาด้วยตัวเองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีงานที่ต้องทำอยู่ แต่รัฐมนตรี กระทรวงเกษตรฯ ก็ลง นายกฯ ต้องทำทุกอย่างเลยหรือไร มีงานอีกเยอะ แต่ก็ได้สั่งงานไปแล้ว

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ แถลงผลประชุม นบข.ว่า ที่ประชุม นบข.เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 พ.ย. เพื่ออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/2560 โดยข้าวเปลือกเจ้าเกษตรกรจะได้รับเงินทั้งหมด 10,500 บาท แบ่งเป็น วงเงินสินเชื่อ 7,000 บาทต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวปทุมธานี จะได้รับเงินทั้งสิ้น 11,300 บาทต่อตัน แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อ 7,800 บาทต่อตัน ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน โดยกำหนดรายละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งจะใช้วงเงินทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อของ ธ.ก.ส. 9,000 ล้านบาท และวงเงินค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 9,000 ล้านบาท

“โครงการดังกล่าวคาดว่าจะมีเกษตรกรในพื้นที่ภาคกลางได้รับประโยชน์มากกว่า 700,000 ครัวเรือน จึงขอให้เกษตรกรได้ไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรกร ซึ่งคาดการณ์ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกเจ้าที่สีเป็นข้าวสารจะมีประมาณ 9 ล้านตัน และปริมาณข้าวปทุมธานีที่สีเป็นข้าวสารอีก 4 ล้านตัน รวมกว่า 13 ล้านตัน ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว จะขยายตลาดเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะเชิญผู้ซื้อข้าวจากทั่วโลกกว่า 100 ราย มาเจรจาซื้อขายข้าวจากไทยในวันที่ 13-16 พ.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตด้วยการรวมตัวทำโครงการนาแปลงใหญ่ ขณะนี้มีแล้วกว่า 1 ล้านไร่” นางอภิรดีกล่าว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ให้กำลังใจค่ะ  หัวใจนานาโอเคหัวใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่