ลิเวอร์พูล ก็ยังเสียประตูทุกนัดเหมือนเดิมๆ เตะมา 11 นัด มี แค่ นัด เดียว ที่ ไม่ เสย ประ ตู เซง เป็ด

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าไม้ได้หวังแชมป์ ไม่ต้องใส่ใจเกมรับมากกว่านี้ก็ได้ครับ เชื่อว่าถ้ารักษาเกมรุกที่ดีไว้ได้แบบนี้ ยังงัยก็น่าจะติด 1 ใน 4
แต่ถ้าหวังกันถึงแชมป์ ยังงัยก็ควรจะต้องใส่ใจเกมรับด้วย  คือหมายถึงมีความต้องการให้ทีมไม่เสียประตูหรือค่าเฉลี่ยเสียประตูให้น้อยลงกว่านี้

เพราะบางนัดชนะด้วยเกมรุกเพียงอย่างเดียวได้  แต่บางนัดจะชนะได้ต้องมีเกมรับรักษาประตูที่ยิงไว้ได้ด้วยนะครับ
มันถึงจะเก็บคะแนนได้แบบที่เรียกว่าไม่มาเสียดายกันทีหลัง โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายที่มันจะกดดันมากๆ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกมรุกลิเวอร์พูลเล่นกันได้น่ากลัวจนเรียกได้ว่าเป็นเกมรุกระดับแชมป์นะครับ
สมัยซัวเรสกับเจอราดด์ยังอยู่นั่น เกมรุกก็มหากาฬ ยิงกันไปเกิน 100 แต่ก็เสียเยอะ
ยิงจนเหมือนไม่ต้องใส่ใจเกมรับก็ได้ แต่พอมาเจอคริสตัลพาเลสที่เสมอ 3-3  ถามว่าเสียดายประตูที่เสียกันไปหรือป่าวในนัดนั้น
ถึงยิงได้สาม แต่ก็เสียสาม พลาดคะแนนที่สำคัญไปมากๆ เปิดโอกาสให้ซิตี้

ผมว่านัดนั้นไม่มีใครโทษกองหน้าหรือเกมรุก มีแต่บ่นกองหลังหรือเกมรับ ว่าปล่อยให้เค้ายิงจนเสียสามแต้มสำคัญไปได้ยังงัย จริงไม๊ครับ
เพราะฉะนั้นเกมรับต้องดีด้วยถ้าหวังถึงแชมป์  

สกอร์ 6-3 ,6-1 หรือ 5-2 อะไรทำนองนี้  แฟนๆอาจจะชอบ แต่คนเป็นโค้ชลึกๆไม่พอใจหรอกครับ
เพราะเค้ารู้ว่าทีมต้องสมดุล แสดงว่ายังต้องมีเรื่องที่ต้องไส่ใจอยู่
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ส่วนตัวผมมองว่าคล็อปป์เองก็คงไม่พอใจกับประตูที่เสียหรอกครับ
แต่ถ้าภาพรวมยังโอเค ประตูเสียไม่ส่งผลกระทบ ทั้งผลการแข่งขันหรือประตูได้เสียแล้วล่ะก็ คล็อปป์ก็น่าจะโอเคในระดับหนึ่งเลย

ประตูเสีย ถ้าลองพิจารณาดูจากต้นฤดูกาลจะมีจากหลายส่วนคือ
1. โดนบอลสวน
2. ลูกตั้งเตะ
3. นักเตะพลาดเอง
4. เอาไม่อยู่จริงๆ

บางเรื่องต้องใช้เวลา บางเรื่องก็ต้องจำยอม เช่นบอลสวน
เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ทีมเปิดหน้าแลก การ์ดย่อมต้องลดต่ำธรรมดา เวลาโดนบอลสวนจึงมีโอกาสถึงประตูหลายครั้ง บางครั้งก็โชคดีเกมรับต้านได้ บางครั้งก็ต้านไม่ไหว

คำถามคือจะเน้นรัดกุมกว่านี้เพื่อคลีนชีตไหม?
แน่นอนว่าคล็อปป์ให้คำตอบมานานแล้วว่า ไม่!

หลายนัดที่นำห่าง แต่คล็อปป์ก็ยังสั่งให้ลูกทีมบุกต่อไป
เพียงแต่เขาอาจผ่อนบ้าง เช่นลดการเพรสสูง เติมแต่พอประมาณ ทิ้งกลางหรือวิงแบ็กไว้ช่วยหลักบ้าง
ทำให้มีโอกาสได้ประตูอยู่ ประสิทธิภาพลดลงไปนิด แต่เกมรับก็ปึ้กขึ้น

แต่อย่างที่ว่าปัญหาบางอย่างค่อนข้างแก้ยาก เช่นลูกตั้งเตะ หรือลูกบอมบ์มา นักเตะทีมเราไม่ได้มีความสูงสมดุลนัก
คล็อปป์เลยให้รัดกุมเรื่องเกมรับบางด้านแทน เช่นพยายามอย่าเสียลูกเตะมุม ซึ่งช่วงหลังทีมเราเสียลูกเตะมุมน้อยมากครับ ไม่ถึงที่สุดจริงจะไม่เตะออกหลังเลย นัดเมื่อคืนวัตฟอร์ดมีโอกาสแค่ 3 ครั้งเอง ซึ่งเอาจริงๆหลายนัดให้หลังมานี่ฝ่ายคู่แข่งแทบไม่ได้โอกาสเปิดมุมเกิน 3 ครั้งเลยครับ

สรุปว่าตอนนี้เท่าที่สังเกตคือคล็อปป์พยายามจัดการเท่าที่จะทำได้แล้ว ถ้าจะโดนก็คือลูกที่ช่วยไม่ได้จริงๆ หรืออีกฝ่ายปล่อยของทำนองนั้น

น่าตลกอย่างคือปีนี้ลิเวอร์พูลเสียประตูมันแทบทุกนัดแต่ก็ยิงได้แทบทุกนัด แต่มีนัดเดียวที่ไม่เสียประตูเลย
นัดนั้นก็คือ นัดที่เปิดบ้านรับแมนยู

จะแซวว่าแมนยู ทำอะไรลิเวอร์พูลไม่ได้มันก็จริง
แต่ในทางกลับกันนัดนั้นก็เป็นนัดที่สองจาก 11 นัดเช่นกันที่ลิเวอร์พูลก็ยิงประตูไม่ได้

นัดที่ยิงไม่ได้นัดแรกคือแพ้เบิรนลี่ย์ แต่ไม่ขอนับรวมละกันเพราะตอนนั้นทีมยังจูนเกมรุกไม่ติด
ผิดกับช่วงหลังที่บุกเข้าตากันมาก

นัดแมนยูเหมือนว่าทีมเล่นระวังรัดกุมมาก
คือบุกจริงแต่ไม่เทหมดหน้าตัก ไม่เติมหมด ไม่ฝืนเล่นลูกเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ผลคือบุกไม่สุด แต่ก็ไม่ลอยจนเสียประตู

เพราะงั้นแล้วทีมช่วงนี้ยุคนี้ คงต้องชั่งใจเอาว่า จะบุกแหลกเพื่อชนะขาด หรือจะรับแน่นเน้นผลไม่ชนะก็อย่าแพ้ขอสักแต้มชัวร์ๆก็ยังดี
แต่ด้วยนิสัยคล็อปป์แล้ว ผมว่ายังไงก็เลือกเปิดหน้าแลก (เว้นแต่เกมศักดิ์ศรีหรือเน้นผลมากๆ)

ให้ทำใจไว้เลยว่าช่วงขวบปีนี้ยังไงเสียประตูมากแน่ๆ
แต่มาลุ้นดีกว่าว่าประตูยิงจะได้มากกว่าแค่ไหน

เพราะมันคือแนวทางการทำทีมของคล็อปป์เค้าล่ะ


ปล. แต่เอาจริงๆผมว่าทีมอื่นเขาก็รับสภาพแบบนี้ได้ โดยเฉพาะทีมหัวตารางนี่ นอกจากสเปอร์ที่เสีย 6 ลูก กับเชลซีที่เสีย 9 ลูก
ทีมอื่นๆตั้งแต่ ซิตี้ น่อล ลงมาถึงแมนยู น่อล เอฟ ที่เกาะกลุ่มกันนั้น เสียประตูอยู่ในกรอบ 10-14 ลูกกันทั้งนั้นเลยครับ  ค่าเฉลี่ยตกทีมละ 12 ลูก ลิเวอร์พูลเกินมีนมานิด

แสดงให้เห็นว่าเกมรุกในพรีเมียร์ปีนี้ทำกันได้ร้อนแรงทุกทีม และทุกทีมก็มีโอกาสเสียประตูกันหมด อยู่ที่ว่าใครจะทำเหนือกว่าหรือรัดกุมกว่ากันเท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่