ผลการแข่งพรีเมียร์ชิพเมื่อคืนวันเสาร์...เชื่อว่าทุกคนคงทราบกันแล้ว...เป็นวันที่เลวร้ายวันหนึ่งของเหล่าเอฟเวอร์โตเนียนเราเลยทีเดียว
เอฟเวอร์ตัน พ่ายแพ้ ต่อ เชลซี แบบยับเยินที่สุด นับตั้งแต่ตอนที่พ่ายแพ้นัดเปิดฤดูกาลปี 2009 6 - 1 ต่อ อาร์เซนอล
มันไม่ได้พ่ายแพ้ยับเยินแค่ในแง่ความห่างของสกอร์...มันเป็นความพ่ายแพ้ยับเยินในทุกด้าน...ตั้งแต่การวางหมากก่อนแข่ง ฟอร์มของนักเตะระหว่างแข่ง และความมุ่งมั่นของนักเตะ...เอฟเวอร์ตันแพ้เชลซีหมดทุกด้าน
ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น เอฟเวอร์ตัน แพ้ขาด...แต่ไม่เคยเห็น เอฟเวอร์ตัน แพ้ขาดแบบตอบโต้ไม่ได้ซักนิดขนาดนี้
ในวันเดียวกัน...ก่อนหน้าการค่ำคืนอันเลวร้ายของ ชาวเอฟเวอร์ตัน เราจะเริ่ม....ซันเดอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด มอยส์ อดีตบอสใหญ่ของเราสามารถเก็บชัยชนะนักแรกได้แล้ว
เชื่อว่าแฟนเอฟเวอร์ตันหลาย ๆ ท่าน ก็คงเอาใจช่วย มอยส์ อยู่เหมือนกัน...เพราะ แฟนเอฟเวอร์ตัน ต่างทราบดีว่าคำวิจารณ์ในแง่ลบและคำประนามที่มีต่อ มอยส์ ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมานี้..มันเกินความเป็นจริงไปมาก...ด้วยความทุ่มเทต่องานและตัวตนของเขา...เขาไม่ควรจะต้องโดนกระทำขนาดนี้
เอาเขาไปเทียบกับ อาเต๊า จักรพรรดิ์เกียจคร้านไร้ความสามารถในเรื่องสามก๊ก บ้างล่ะ
คนที่มาทำงานก่อนใครในสโมสรทุกวันแต่กลับคนหลังสุด...ดูแลเรื่องการซ้อมของนักกีฬาละเอียดถี่ถ้วน..เคยเอาเงินเก็บส่วนตัวบินไปฝรั่งเศสในปี 98 แต่ไม่ใช่ไปเชียร์บอล...เขาไปเพื่อขอดูการฝึกซ้อมของทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก
อาเต๊าในสามก๊กเวอร์ชั่นไหนวะ..ที่เป็นแบบนี้
ไม่รู้เป็นอะไร...ทำไมในชีวิต มอยส์ ไม่เคยเซ็นสัญญาแบบปกติที่ชาวบ้านเขาเซ็นกันซักที....เซ็นสัญญาที่มีโอกาสเจ๊งมากกว่าเจ๊าตลอด
ตั้งแต่การช่วย เพรสตัน นอร์ธเอนด์ ให้หนีตกชั้นสำเร็จ
ช่วยเอฟเวอร์ตันที่กำลังจะตกชั้นรอดตายสำเร็จจนทีมอยู่ในพรีเมียร์ชิพมาจนถึงทุกวันนี้
เซ็นสัญญาที่เสียเปรียบกับบอร์ดแมนยู
รวมถึงการเข้าไปช่วย รีล โซเซียดัด ซึ่งอยู่อันดับ 2 จากท้ายตารางให้รอดตาย
มอยส์ อาจจะไม่ใช่คนที่ฉลาดนัก...เพราะคนที่ฉลาดคงไม่เลือกเซ็นสัญญาที่มีความเสี่ยงสูงมาตลอดชีวิต...แต่ผมไม่เคยเห็นผู้จัดการทีมคนไหนทุ่มเทต่องาน กล้าหาญ และยอมเปลืองตัวขนาดนี้เลยครับ...เขาเป็นคนที่พุ่งเข้าใส่อุปสรรคตลอด...ผู้จัดการอวุโสร่วมวงการหลายคนถึงยกย่อง มอยส์ ไงครับ
มาคราวนี้..เซ็นสัญญากับ ซันเดอร์แลนด์ ที่หวิดตกชั้นอยู่ทุกปี...แถมสภาพทีมอนาถาอย่างยิ่ง...นักเตะสำคัญเจ็บกันค่อนทีมตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล
ปกติอยู่กันพร้อมหน้ายังหนีตกชั้นเลย...แล้วนี่พิการไปครึ่งทีม...แถมเข้ามารับงานก่อนเปิดฤูกาลเพียง 20 วัน..เวลาเตรียมตัวน้อยมาก ๆ
นี่ยังซวยซ้ำซวยซ้อน...เมื่อนักเตะที่ดึงเข้ามาเสริมทีมแบบเร่งด่วนกับตัวที่เหลือต่างเวียนเทียนกันเจ็บ
เท่าที่ดูฟอร์ม อีก 19 ทีม ในพรีเมียร์ชิพปีนี้...ผมพูดได้เต็มปากว่า...ทุกทีมแข็งแกร่งกว่า ซันเดอร์แลนด์ ในตอนนี้ครับ
เผือกร้อนชัด ๆ ..แต่มอยส์ก็ยิ้มกริ่มรับมันไว้..ไม่รู้ว่าเป็น มาโซ รึเปล่า
ต่อไปนี้เราจะพูดถึงสองแมตช์เมื่อคืนซักหน่อย
เริ่มจาก ซันเดอร์แลนด์ ก่อน
ฤดูกาลที่สองของ บอร์นมัธ ดูเหมือนจะก้าวไปได้อย่างมั่นคงพอดูทีเดียว
ทีมมีความลงตัว...นักเตะก็เล่นเข้าขากันดี....ซึ่ง บอร์นมัธ ก็ใช้สิ่งนั้นในการทำประตูแรกเมื่อคืน
การจ่ายตัดหลังกองหลัง ซันเดอร์แลนด์ ทั้งแผงให้แบ๊คที่เติมขึ้นมาเลี้ยงเข้ามาในเขตโทษโล่ง ๆ ...ก่อนโยนเข้ามาให้ แดน กอสลิ่ง ยิงเข้าไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แดน กอสลิ่ง คือหนึ่งในเด็กที่ มอยส์ ให้โอกาสลงมาแจ้งเกิดในฟุตบอลอาชีพสมัยอยู่เอฟเวอร์ตัน...เขาสร้างชื่อเป็นที่รู้จักครั้งแรกโดยการเป็นเด็กดาวรุ่งที่ยิงดับลิเวอร์พูลตกรอบเอฟเอคัพ 2009 ในนาทีที่ 118...แต่ตอนเขายิงประตูได้ทางโทรทัศน์เxือกตัดเข้าโฆษณารถยนตร์...ตัดกลับมาอีกทีเป็นตอนที่ผู้เล่นเอฟเวอร์ตันทั้งทีมแสดงความดีใจโดยการนอนทับไอ้หนูบี้แบนอยู่ที่พื้นไปแล้ว.....สรุปคือแฟนบอลทางโทรทัศน์รอดูประตูมากว่า 2 ชั่วโมง ( รวมเวลาพ้กครึ่งด้วย ) แต่ไม่ได้เห็นประตูเดียวของเกมวันนั้นซึ่งเป็นประตูชัย...นี่ก็เลยเป็นหนึ่งในเรื่องขำขันประจำวงการอีกเรื่องนึง
มอยส์โดนเด็กเก่าตัวเองย้อนมาทิ่มเข้าไปหนึ่งดอกแล้ว
สถานการณ์ของซันเดอร์แลนด์ไม่ดีขึ้นเลย...ดูเหมือนการที่ มอยส์ พานักเตะไปดูความเหนื่อยยากของแฟนบอลซึ่งเป็นคนงานโรงงานประกอบรถยนตร์..จะไม่กระเทือนซางผู้เล่นซันเดอร์แลนด์หลาย ๆ คน...โดยเฉพาะพวกแผงหลัง....เดินเล่นแบบหมดอาลัยตายอยาก..
มีผู้เล่นอยู่ 5 คนในทีมที่ยังไม่ตัดใจ...2 ใน 5 นั้น ดันเป็นคนแก่อายุ 35 อย่าง เดโฟว์ กับ พีนาร์...
นาน ๆ บอลจะลอยมาซักทีแต่ เดโฟว์ ก็วิ่งไปเอาทุกลูกไม่ว่าจะส่งดีหรือไม่ดี...รู้ว่าวิ่งไปไม่ได้บอลก็ยังวิ่ง
ส่วน พีนาร์ ก็วิ่งพล่านทั้งเล่นเกมรุกทั้งช่วยเกมรับ..เหมือนที่เคยทำมาตลอดตอนอยู่เอฟเวอร์ตัน.
บอร์นมัธเกือบได้ประตูหลายครั้ง...แต่ได้เทพพิทักษ์ดาวรุ่ง จอร์แดน พิคฟอร์ด ช่วยให้ทีมยังคงตามอยู่แค่ลูกเดียว
คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ...คงเหมาะกับ พิคฟอร์ด ที่สุดแล้วครับ...เขาลงแทน มาโนเน่ ประตูมือหนึ่งของทีมตั้งแต่เกมลีกเกมที่ 3 กับ เซาธ์แธมตัน...
ด้วยความอ่อนประสบการณ์..เขาทำให้ทีมพลาดการได้ 3 แต้มในแมตช์นั้นไปอย่างน่าเสียดาย...เพราะดันไปพลาดลูกขนมที่ไม่ควรพลาด
แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้โอกาสลงอย่างต่อเนื่อง...เขาโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมขึ้นเรื่อย ๆ....เซฟลูกอันตรายได้มากมาย...ถ้ากองหลังช่วยเขาได้มากกว่านี้..ทีมก็คงมีแต้มมากกว่านี้ไปแล้ว
บอร์นมัธ...เกือบจะได้แต่ทำไม่ได้ซักที...แล้วก็โดน ซันเดอร์แลนด์ กัดตอบจนได้...เมื่อ วิคเตอร์ อนิเชบี้...เด็กเก่าอีกคนนึงของ มอยส์ สมัยอยู่เอฟเวอร์ตัน ...ใช้ความแกร่งแข็งขืนครองบอลไว้ได้ก่อนซัดแสกหน้าผู้รักษาประตูบอร์นมัธเข้าไป...เสมอ 1 - 1
ประตูนี้ช่วยจุดไฟให้นักเตะ ซันเดอร์แลนด์ ที่เล่นซังกะตายให้มีชีวิตชีวาขึ้น...ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก..ซันเดอร์แลนด์สามารถทำเกมกดดัน บอร์นมัธ ได้บ้าง...หลังถูกบุกจนโงหัวไม่ขึ้นมาครึ่งชั่วโมง
เริ่มครึ่งหลัง...กระแสเกมเริ่มเทมาทาง ซันเดอร์แลนด์...ซันเดอร์แลนด์เปิดฉากจู่โจม บอร์นมัธ ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง....ดูเหมือนโอกาสของซันเดอร์แลนด์จะมาจนกระทั่ง.....
สตีเว่น พีนาร์ ซึ่งวิ่งขึ้นวิ่งลงช่วยเกมรกและรับตลอดเกมมักได้ใบเหลืองเป็นของแถมจากความพยายามทุ่มเทนี้เสมอ....ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน
พีนาร์ซึ่งโดนเหลืองแรกตั้งแต่ครึ่งแรกมาดดนเหลืองที่สองในครึ่งหลังตอน กระแสกำลังเทไปทางทีมตัวเอง...ซันเดอร์แลนด์เหลือ 10 คน
ซันเดอร์แลนด์มีแววจะไม่ชนะอีกแล้ววันนี้
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้...บอร์นมัธ ก็ตั้งกระบวนทัพ...จัดหนักบุกถล่มใส่ ซันเดอร์แลนด์ ทันที
ซันเดอร์แลนด์ 10 ได้แต่เป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว...บอลเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาหน้าประตูหลายครั้ง...ลูกอันตรายหลายลูกก็ได้ พิคฟอร์ด ช่วยทีมไว้ให้ยังยันเสมอไว้ได้
อยู่ที่เวลาเท่านั้นที่ว่า ซันเดอร์แลนด์ จะโดนประตูขึ้นนำเมื่อไหร่
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...เมื่อซันเดอร์แลนด์สามารถสวนกลับขึ้นมาได้....และ วิคเตอร์ อนิเชบี้ ถูกทำฟาลว์ในเขตโทษ...ซันเดอร์แลนด์ได้จุดโทษ
เดโฟว์ไม่ทำให้โอกาสที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้สูญเปล่า...ซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำ 2 - 1
บอร์นมัธ..บุกหนักเต็มสูบ.....แต่ตอนนี้ ผู้เล่น ซันเดอร์แลนด์ เลิกซังกะตายแล้ว....ทุกคนหันมาทำหน้าที่ที่ควรทำคือ...รักษาประตูที่นำอยู่นี้ไว้ให้ได้
นั่งลุ้นทีละนาที ๆ แทบหัวใจวาย...ทด 5 นาที !!!
โชคดีที่ช่วงทดเวลาสามารถครองบอลได้และไม่กดดันมากนัก....ปรี๊ด....ช่างไพเราะเสียนี่กระไร....ชนะซะที
ถึงจะชนะ..แต่ต้องบอกว่าสถานการณ์ของ ซันเดอร์แลนด์ยังง่อนแง่น...มอยส์ยังต้องการจิ๊กซอว์อีกหลายตัวเพื่อการอยู่รอด
อย่างไรก็ดี..ผ่านไป 11 นัด....มอยส์เริ่มเซ็ตองค์ประกอบผู้เล่นแบบที่ตัวเองต้องการออกมาได้ลาง ๆ แล้วครับ...ทรงที่ต้องการจะให้เป็นก็เหมือนสมัยคุม เอฟเวอร์ตัน นั่นล่ะครับ ( สมัยอยู่เอฟเวอร์ตันก็ยังไม่เคยเก็บจิ๊กซอว์ครบซักที....ขาดตรงนั้นตรงนี้...พอได้ไอ้ที่ขาดเข้ามา...ไอ้ที่เคยมีก็ดันไม่อยู่แล้ว )
ผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ซักคน
แบ๊ค ซ้าย - ขวา ที่เล่นเกมบุกได้น่ากลัว...ฝึกเพิ่มความอึดฟิตพอจะวัดหน้าตั้งกลับมาเล่นเกมรับได้ทั้งแมตช์
คู่เซ็นเตอร์ฮาลฟ์ที่เข้าขาประสานงานกันได้ดี...เล่นได้แข็งแกร่งและแน่นอน...ถ้ามีคนนึงถนัดซ้ายได้ยิ่งดี
มิดฟิลด์ตัวรับที่ก้มหน้าก้มตาปัดกวาดพื้นที่หน้าเขตโทษ...ไม่ต้องการความเด่นดังหรือความเท่..ไม่เสียบอลง่าย ๆ...เห็นอันตรายก็คายบอลทิ้งให้เพื่อนทันที
แผงกลางที่วิ่งสลับตำแหน่งกันได้ดี..เคลื่อนที่โจมตีได้หลายมิติ..ทั้งการโยนเข้าจากด้านข้าง...เล่นได้หลายตำแหน่ง..ทั้งซ้าย ขวา กลาง..ประกอบด้วย
มิดฟิลด์เพลย์เมคเกอร์ 1 ตัว
หน้าต่ำที่ขยันขันแข็ง...เล่นเพื่อทีม
ปีกที่เคลื่อนไหวตัวได้ดี...มีเทคนิคและความเร็วพอตัว...เป็นจอมขยันที่ช่วยเกมรับด้วย
ศูนย์หน้าตัวเป้า....ยิงประตูได้พอสมควร...รับบทบาทเป็นตัวสร้างโอกาสให้แผงกลางและแบ๊คขึ้นมายิง
เท่าที่เห็นตอนนี้..ถ้าผู้รักษาประตู พิคฟอร์ด เติบโตขึ้นมารับหน้าที่นี้ได้และเป็นตัวหลักของสโมสรไปอีกยาว ๆ ...การเจ็บของ มาโนเน่ ก็นับเป็นทุกข์ลาภของ ซันเดอร์แลนด์
ในแผงหลัง...ที่พอเข้าแก๊ปก็มี แพทริค ฟาน อันโฮลด์ ในตำแหน่งแบ๊คซ้ายคนเดียวที่พอจะเข้าเค้า...ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ๊คเป็นจุดอ่อนของทีมเลย..ทั้งประกบตัวไม่ดี..เวลาเจอลูกตั้งเตะทีไรหนาวขี้ทุกที...ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นยังปล่อยให้คู่แข่งโฉบตัดหน้ามาโหม่งได้...แถมอืดอาด..เวลาเจอลูกชลุกชลิกหน้าโกลไม่เคยเคลียร์ทัน
มิดฟิลด์ตัวรับดึง รอดเวลล์ เด็กเก่าของมอยส์อีกคนมาช่วย...แต่ รอดเวลล์ ดูขาดบุคลิกความแข็งแกร่งไป...ส่วน คัทเทอร์โมลล์ ก็ห่ามเกินไป...ถ้ามีบุคลิกลูกพี่ แบบ โจนส์โรคจิต แห่งเครซี่แก๊งค์ วิมเบิลดันในอดีตก็ว่าไปอย่าง....คือ คัทเทอร์โมลล์ มันโรคจิตแต่ไม่ปลุกใจแบบโจนส์...เลยยังดูคลุมเคลืออยู่
ไม่รู้ว่าถ้า เซบาสเตียน ลาร์สัน หายเจ็บกลับมา จะเล่นได้ดเหมือนเดิมมั๊ย..แล้วมอยส์จะยังอยู่รึเปล่า...แต่ถ้าเขาไม่เจ็บก็คงเป็นคนที่ยืนเป็นมิดฟิลด์จอมทัพตัวกลางนั่นล่ะ...ตอนนี้ ซันเดอร์แลนด์ไม่มีจอมทัพ
พีนาร์เป็นปีกที่ใช้กู้สถานการณ์ในตอนนี้..แต่ไม่อยู่ในแผนระยะยาว....หนึ่งในปีกสองข้างนั้นมีตัวเลือกแล้ว...อยู่ที่ว่า ยานาไซ จะสลัดความรู้สึกของนักเตะทีมใหญ่ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของทีมได้เมื่อไหร่...ถ้าทำได้และมอยส์ยังอยู่..มีสิทธ์ได้เซ็นอยู่กับทีมถาวร..
ดันแคน วัทมอร์...นักเตะที่ผมชอบมากขึ้นทุกครั้งที่ดู ...ช่วยไล่บี้คู่แข่งตั้งแต่ยังไม่ข้ามชายแดนและขยันลงมาช่วยเกมรับด้วย...เห็นเงาของ ทิม เคฮิลล์ ทาบขึ้นมาเลย..ถึงตอนนี้จะยังมีจังหวะโฉ่งฉ่างอยู่...แต่ถ้าให้โอกาสลงเล่นต่อเนื่องก็น่าจะกลายเป็นตัวหลักในตำแหน่งหน้าต่ำที่มอยส์ต้องการได้
แม้ เดโฟว์ จะเป็น กองหน้าที่ดีที่สุดของทีม..แต่ก็เหตุผลเดียวกับ พีนาร์ คืออายุมากแล้ว...ไม่อยู่ในแผนระยะยาว...อนิเชบี้..เหรอ
อนิเชบี้คนนี้...ต่างจาก อนิเชบี้ ที่ผมเคยรู้จักสมัยอยู่เอฟเวอร์ตันมาก
คำจำกัดความที่ผมจะพูดถึง อนิเชบี้ ที่ผมรู้จัก " ตัวใหญ่ใจเสาะกระดูกเปราะ "
สมัยก่อน...เวลามีคู่แข่งมาเบียดเขานิดนึง..เขาจะล้มตัวหวังเอาฟาลว์อย่างง่ายดาย..ซึ่งกรรมการที่ไหนก็ไม่ให้หรอก...แล้วเขาก็จะนั่งเรียกร้องความยุติธรรมอยู่บนพื้นอยู่นั่นทั้ง ๆ ที่บอลมันยังไม่ตาย
แถมเจ็บง่ายอีกต่างหาก
แต่ อนิเชบี้ ที่เห็นเมื่อวานเปลี่ยนไปมาก
ประตูแรกที่ได้ก็มาจากการที่เขาแข็งขืนฝืนเอาไว้ไม่ยอมล้มจนสามารถครองบอลและยิงประตูได้
ประตูที่สองจะไม่ได้จุดโทษเลยถ้าเขาสำออยล้มตั้งแต่จังหวะแรกที่โดนกระแซะ....
แถมแข็งขันวิ่งลงมาช่วยเกมรับด้วย
คุณสมบัติของหมอนี่...เขาตัวใหญ่พักบอลได้...เห็นบึก ๆ แบบนี้..ตอนอยู่เอฟเวอร์ตัน มอยส์เคยจับไปเล่นปีกขวาอยู่ช่วงนึง...ตอนทีมขาดแคลนปีก...ทำให้เขาสามรถรับบอลที่โยนยาวมาแล้วเลี้ยงออกข้างโยนเข้ากลางให้เพื่อนได้
นั่นทำให้ อนิเชบี้ พอมีคุณสมบัติเป็นหน้าเป้าหลัง เดโฟว์ ลงจากเวทีไปแล้วได้...ไม่ต้องยิงเป็นกอบเป็นกำก็ได้
ชัยชนะนัดแรกของ เดวิด มอยส์ อดีตผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน กับ ค่ำคืนอันเลวร้ายของ เอฟเวอร์ตัน อดีตต้นสังกัดของมอยส์...
เอฟเวอร์ตัน พ่ายแพ้ ต่อ เชลซี แบบยับเยินที่สุด นับตั้งแต่ตอนที่พ่ายแพ้นัดเปิดฤดูกาลปี 2009 6 - 1 ต่อ อาร์เซนอล
มันไม่ได้พ่ายแพ้ยับเยินแค่ในแง่ความห่างของสกอร์...มันเป็นความพ่ายแพ้ยับเยินในทุกด้าน...ตั้งแต่การวางหมากก่อนแข่ง ฟอร์มของนักเตะระหว่างแข่ง และความมุ่งมั่นของนักเตะ...เอฟเวอร์ตันแพ้เชลซีหมดทุกด้าน
ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น เอฟเวอร์ตัน แพ้ขาด...แต่ไม่เคยเห็น เอฟเวอร์ตัน แพ้ขาดแบบตอบโต้ไม่ได้ซักนิดขนาดนี้
ในวันเดียวกัน...ก่อนหน้าการค่ำคืนอันเลวร้ายของ ชาวเอฟเวอร์ตัน เราจะเริ่ม....ซันเดอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด มอยส์ อดีตบอสใหญ่ของเราสามารถเก็บชัยชนะนักแรกได้แล้ว
เชื่อว่าแฟนเอฟเวอร์ตันหลาย ๆ ท่าน ก็คงเอาใจช่วย มอยส์ อยู่เหมือนกัน...เพราะ แฟนเอฟเวอร์ตัน ต่างทราบดีว่าคำวิจารณ์ในแง่ลบและคำประนามที่มีต่อ มอยส์ ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมานี้..มันเกินความเป็นจริงไปมาก...ด้วยความทุ่มเทต่องานและตัวตนของเขา...เขาไม่ควรจะต้องโดนกระทำขนาดนี้
เอาเขาไปเทียบกับ อาเต๊า จักรพรรดิ์เกียจคร้านไร้ความสามารถในเรื่องสามก๊ก บ้างล่ะ
คนที่มาทำงานก่อนใครในสโมสรทุกวันแต่กลับคนหลังสุด...ดูแลเรื่องการซ้อมของนักกีฬาละเอียดถี่ถ้วน..เคยเอาเงินเก็บส่วนตัวบินไปฝรั่งเศสในปี 98 แต่ไม่ใช่ไปเชียร์บอล...เขาไปเพื่อขอดูการฝึกซ้อมของทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก
อาเต๊าในสามก๊กเวอร์ชั่นไหนวะ..ที่เป็นแบบนี้
ไม่รู้เป็นอะไร...ทำไมในชีวิต มอยส์ ไม่เคยเซ็นสัญญาแบบปกติที่ชาวบ้านเขาเซ็นกันซักที....เซ็นสัญญาที่มีโอกาสเจ๊งมากกว่าเจ๊าตลอด
ตั้งแต่การช่วย เพรสตัน นอร์ธเอนด์ ให้หนีตกชั้นสำเร็จ
ช่วยเอฟเวอร์ตันที่กำลังจะตกชั้นรอดตายสำเร็จจนทีมอยู่ในพรีเมียร์ชิพมาจนถึงทุกวันนี้
เซ็นสัญญาที่เสียเปรียบกับบอร์ดแมนยู
รวมถึงการเข้าไปช่วย รีล โซเซียดัด ซึ่งอยู่อันดับ 2 จากท้ายตารางให้รอดตาย
มอยส์ อาจจะไม่ใช่คนที่ฉลาดนัก...เพราะคนที่ฉลาดคงไม่เลือกเซ็นสัญญาที่มีความเสี่ยงสูงมาตลอดชีวิต...แต่ผมไม่เคยเห็นผู้จัดการทีมคนไหนทุ่มเทต่องาน กล้าหาญ และยอมเปลืองตัวขนาดนี้เลยครับ...เขาเป็นคนที่พุ่งเข้าใส่อุปสรรคตลอด...ผู้จัดการอวุโสร่วมวงการหลายคนถึงยกย่อง มอยส์ ไงครับ
มาคราวนี้..เซ็นสัญญากับ ซันเดอร์แลนด์ ที่หวิดตกชั้นอยู่ทุกปี...แถมสภาพทีมอนาถาอย่างยิ่ง...นักเตะสำคัญเจ็บกันค่อนทีมตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล
ปกติอยู่กันพร้อมหน้ายังหนีตกชั้นเลย...แล้วนี่พิการไปครึ่งทีม...แถมเข้ามารับงานก่อนเปิดฤูกาลเพียง 20 วัน..เวลาเตรียมตัวน้อยมาก ๆ
นี่ยังซวยซ้ำซวยซ้อน...เมื่อนักเตะที่ดึงเข้ามาเสริมทีมแบบเร่งด่วนกับตัวที่เหลือต่างเวียนเทียนกันเจ็บ
เท่าที่ดูฟอร์ม อีก 19 ทีม ในพรีเมียร์ชิพปีนี้...ผมพูดได้เต็มปากว่า...ทุกทีมแข็งแกร่งกว่า ซันเดอร์แลนด์ ในตอนนี้ครับ
เผือกร้อนชัด ๆ ..แต่มอยส์ก็ยิ้มกริ่มรับมันไว้..ไม่รู้ว่าเป็น มาโซ รึเปล่า
ต่อไปนี้เราจะพูดถึงสองแมตช์เมื่อคืนซักหน่อย
เริ่มจาก ซันเดอร์แลนด์ ก่อน
ฤดูกาลที่สองของ บอร์นมัธ ดูเหมือนจะก้าวไปได้อย่างมั่นคงพอดูทีเดียว
ทีมมีความลงตัว...นักเตะก็เล่นเข้าขากันดี....ซึ่ง บอร์นมัธ ก็ใช้สิ่งนั้นในการทำประตูแรกเมื่อคืน
การจ่ายตัดหลังกองหลัง ซันเดอร์แลนด์ ทั้งแผงให้แบ๊คที่เติมขึ้นมาเลี้ยงเข้ามาในเขตโทษโล่ง ๆ ...ก่อนโยนเข้ามาให้ แดน กอสลิ่ง ยิงเข้าไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มอยส์โดนเด็กเก่าตัวเองย้อนมาทิ่มเข้าไปหนึ่งดอกแล้ว
สถานการณ์ของซันเดอร์แลนด์ไม่ดีขึ้นเลย...ดูเหมือนการที่ มอยส์ พานักเตะไปดูความเหนื่อยยากของแฟนบอลซึ่งเป็นคนงานโรงงานประกอบรถยนตร์..จะไม่กระเทือนซางผู้เล่นซันเดอร์แลนด์หลาย ๆ คน...โดยเฉพาะพวกแผงหลัง....เดินเล่นแบบหมดอาลัยตายอยาก..
มีผู้เล่นอยู่ 5 คนในทีมที่ยังไม่ตัดใจ...2 ใน 5 นั้น ดันเป็นคนแก่อายุ 35 อย่าง เดโฟว์ กับ พีนาร์...
นาน ๆ บอลจะลอยมาซักทีแต่ เดโฟว์ ก็วิ่งไปเอาทุกลูกไม่ว่าจะส่งดีหรือไม่ดี...รู้ว่าวิ่งไปไม่ได้บอลก็ยังวิ่ง
ส่วน พีนาร์ ก็วิ่งพล่านทั้งเล่นเกมรุกทั้งช่วยเกมรับ..เหมือนที่เคยทำมาตลอดตอนอยู่เอฟเวอร์ตัน.
บอร์นมัธเกือบได้ประตูหลายครั้ง...แต่ได้เทพพิทักษ์ดาวรุ่ง จอร์แดน พิคฟอร์ด ช่วยให้ทีมยังคงตามอยู่แค่ลูกเดียว
คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ...คงเหมาะกับ พิคฟอร์ด ที่สุดแล้วครับ...เขาลงแทน มาโนเน่ ประตูมือหนึ่งของทีมตั้งแต่เกมลีกเกมที่ 3 กับ เซาธ์แธมตัน...
ด้วยความอ่อนประสบการณ์..เขาทำให้ทีมพลาดการได้ 3 แต้มในแมตช์นั้นไปอย่างน่าเสียดาย...เพราะดันไปพลาดลูกขนมที่ไม่ควรพลาด
แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้โอกาสลงอย่างต่อเนื่อง...เขาโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมขึ้นเรื่อย ๆ....เซฟลูกอันตรายได้มากมาย...ถ้ากองหลังช่วยเขาได้มากกว่านี้..ทีมก็คงมีแต้มมากกว่านี้ไปแล้ว
บอร์นมัธ...เกือบจะได้แต่ทำไม่ได้ซักที...แล้วก็โดน ซันเดอร์แลนด์ กัดตอบจนได้...เมื่อ วิคเตอร์ อนิเชบี้...เด็กเก่าอีกคนนึงของ มอยส์ สมัยอยู่เอฟเวอร์ตัน ...ใช้ความแกร่งแข็งขืนครองบอลไว้ได้ก่อนซัดแสกหน้าผู้รักษาประตูบอร์นมัธเข้าไป...เสมอ 1 - 1
ประตูนี้ช่วยจุดไฟให้นักเตะ ซันเดอร์แลนด์ ที่เล่นซังกะตายให้มีชีวิตชีวาขึ้น...ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก..ซันเดอร์แลนด์สามารถทำเกมกดดัน บอร์นมัธ ได้บ้าง...หลังถูกบุกจนโงหัวไม่ขึ้นมาครึ่งชั่วโมง
เริ่มครึ่งหลัง...กระแสเกมเริ่มเทมาทาง ซันเดอร์แลนด์...ซันเดอร์แลนด์เปิดฉากจู่โจม บอร์นมัธ ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง....ดูเหมือนโอกาสของซันเดอร์แลนด์จะมาจนกระทั่ง.....
สตีเว่น พีนาร์ ซึ่งวิ่งขึ้นวิ่งลงช่วยเกมรกและรับตลอดเกมมักได้ใบเหลืองเป็นของแถมจากความพยายามทุ่มเทนี้เสมอ....ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน
พีนาร์ซึ่งโดนเหลืองแรกตั้งแต่ครึ่งแรกมาดดนเหลืองที่สองในครึ่งหลังตอน กระแสกำลังเทไปทางทีมตัวเอง...ซันเดอร์แลนด์เหลือ 10 คน
ซันเดอร์แลนด์มีแววจะไม่ชนะอีกแล้ววันนี้
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้...บอร์นมัธ ก็ตั้งกระบวนทัพ...จัดหนักบุกถล่มใส่ ซันเดอร์แลนด์ ทันที
ซันเดอร์แลนด์ 10 ได้แต่เป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว...บอลเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาหน้าประตูหลายครั้ง...ลูกอันตรายหลายลูกก็ได้ พิคฟอร์ด ช่วยทีมไว้ให้ยังยันเสมอไว้ได้
อยู่ที่เวลาเท่านั้นที่ว่า ซันเดอร์แลนด์ จะโดนประตูขึ้นนำเมื่อไหร่
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...เมื่อซันเดอร์แลนด์สามารถสวนกลับขึ้นมาได้....และ วิคเตอร์ อนิเชบี้ ถูกทำฟาลว์ในเขตโทษ...ซันเดอร์แลนด์ได้จุดโทษ
เดโฟว์ไม่ทำให้โอกาสที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้สูญเปล่า...ซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำ 2 - 1
บอร์นมัธ..บุกหนักเต็มสูบ.....แต่ตอนนี้ ผู้เล่น ซันเดอร์แลนด์ เลิกซังกะตายแล้ว....ทุกคนหันมาทำหน้าที่ที่ควรทำคือ...รักษาประตูที่นำอยู่นี้ไว้ให้ได้
นั่งลุ้นทีละนาที ๆ แทบหัวใจวาย...ทด 5 นาที !!!
โชคดีที่ช่วงทดเวลาสามารถครองบอลได้และไม่กดดันมากนัก....ปรี๊ด....ช่างไพเราะเสียนี่กระไร....ชนะซะที
ถึงจะชนะ..แต่ต้องบอกว่าสถานการณ์ของ ซันเดอร์แลนด์ยังง่อนแง่น...มอยส์ยังต้องการจิ๊กซอว์อีกหลายตัวเพื่อการอยู่รอด
อย่างไรก็ดี..ผ่านไป 11 นัด....มอยส์เริ่มเซ็ตองค์ประกอบผู้เล่นแบบที่ตัวเองต้องการออกมาได้ลาง ๆ แล้วครับ...ทรงที่ต้องการจะให้เป็นก็เหมือนสมัยคุม เอฟเวอร์ตัน นั่นล่ะครับ ( สมัยอยู่เอฟเวอร์ตันก็ยังไม่เคยเก็บจิ๊กซอว์ครบซักที....ขาดตรงนั้นตรงนี้...พอได้ไอ้ที่ขาดเข้ามา...ไอ้ที่เคยมีก็ดันไม่อยู่แล้ว )
ผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ซักคน
แบ๊ค ซ้าย - ขวา ที่เล่นเกมบุกได้น่ากลัว...ฝึกเพิ่มความอึดฟิตพอจะวัดหน้าตั้งกลับมาเล่นเกมรับได้ทั้งแมตช์
คู่เซ็นเตอร์ฮาลฟ์ที่เข้าขาประสานงานกันได้ดี...เล่นได้แข็งแกร่งและแน่นอน...ถ้ามีคนนึงถนัดซ้ายได้ยิ่งดี
มิดฟิลด์ตัวรับที่ก้มหน้าก้มตาปัดกวาดพื้นที่หน้าเขตโทษ...ไม่ต้องการความเด่นดังหรือความเท่..ไม่เสียบอลง่าย ๆ...เห็นอันตรายก็คายบอลทิ้งให้เพื่อนทันที
แผงกลางที่วิ่งสลับตำแหน่งกันได้ดี..เคลื่อนที่โจมตีได้หลายมิติ..ทั้งการโยนเข้าจากด้านข้าง...เล่นได้หลายตำแหน่ง..ทั้งซ้าย ขวา กลาง..ประกอบด้วย
มิดฟิลด์เพลย์เมคเกอร์ 1 ตัว
หน้าต่ำที่ขยันขันแข็ง...เล่นเพื่อทีม
ปีกที่เคลื่อนไหวตัวได้ดี...มีเทคนิคและความเร็วพอตัว...เป็นจอมขยันที่ช่วยเกมรับด้วย
ศูนย์หน้าตัวเป้า....ยิงประตูได้พอสมควร...รับบทบาทเป็นตัวสร้างโอกาสให้แผงกลางและแบ๊คขึ้นมายิง
เท่าที่เห็นตอนนี้..ถ้าผู้รักษาประตู พิคฟอร์ด เติบโตขึ้นมารับหน้าที่นี้ได้และเป็นตัวหลักของสโมสรไปอีกยาว ๆ ...การเจ็บของ มาโนเน่ ก็นับเป็นทุกข์ลาภของ ซันเดอร์แลนด์
ในแผงหลัง...ที่พอเข้าแก๊ปก็มี แพทริค ฟาน อันโฮลด์ ในตำแหน่งแบ๊คซ้ายคนเดียวที่พอจะเข้าเค้า...ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ๊คเป็นจุดอ่อนของทีมเลย..ทั้งประกบตัวไม่ดี..เวลาเจอลูกตั้งเตะทีไรหนาวขี้ทุกที...ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นยังปล่อยให้คู่แข่งโฉบตัดหน้ามาโหม่งได้...แถมอืดอาด..เวลาเจอลูกชลุกชลิกหน้าโกลไม่เคยเคลียร์ทัน
มิดฟิลด์ตัวรับดึง รอดเวลล์ เด็กเก่าของมอยส์อีกคนมาช่วย...แต่ รอดเวลล์ ดูขาดบุคลิกความแข็งแกร่งไป...ส่วน คัทเทอร์โมลล์ ก็ห่ามเกินไป...ถ้ามีบุคลิกลูกพี่ แบบ โจนส์โรคจิต แห่งเครซี่แก๊งค์ วิมเบิลดันในอดีตก็ว่าไปอย่าง....คือ คัทเทอร์โมลล์ มันโรคจิตแต่ไม่ปลุกใจแบบโจนส์...เลยยังดูคลุมเคลืออยู่
ไม่รู้ว่าถ้า เซบาสเตียน ลาร์สัน หายเจ็บกลับมา จะเล่นได้ดเหมือนเดิมมั๊ย..แล้วมอยส์จะยังอยู่รึเปล่า...แต่ถ้าเขาไม่เจ็บก็คงเป็นคนที่ยืนเป็นมิดฟิลด์จอมทัพตัวกลางนั่นล่ะ...ตอนนี้ ซันเดอร์แลนด์ไม่มีจอมทัพ
พีนาร์เป็นปีกที่ใช้กู้สถานการณ์ในตอนนี้..แต่ไม่อยู่ในแผนระยะยาว....หนึ่งในปีกสองข้างนั้นมีตัวเลือกแล้ว...อยู่ที่ว่า ยานาไซ จะสลัดความรู้สึกของนักเตะทีมใหญ่ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของทีมได้เมื่อไหร่...ถ้าทำได้และมอยส์ยังอยู่..มีสิทธ์ได้เซ็นอยู่กับทีมถาวร..
ดันแคน วัทมอร์...นักเตะที่ผมชอบมากขึ้นทุกครั้งที่ดู ...ช่วยไล่บี้คู่แข่งตั้งแต่ยังไม่ข้ามชายแดนและขยันลงมาช่วยเกมรับด้วย...เห็นเงาของ ทิม เคฮิลล์ ทาบขึ้นมาเลย..ถึงตอนนี้จะยังมีจังหวะโฉ่งฉ่างอยู่...แต่ถ้าให้โอกาสลงเล่นต่อเนื่องก็น่าจะกลายเป็นตัวหลักในตำแหน่งหน้าต่ำที่มอยส์ต้องการได้
แม้ เดโฟว์ จะเป็น กองหน้าที่ดีที่สุดของทีม..แต่ก็เหตุผลเดียวกับ พีนาร์ คืออายุมากแล้ว...ไม่อยู่ในแผนระยะยาว...อนิเชบี้..เหรอ
อนิเชบี้คนนี้...ต่างจาก อนิเชบี้ ที่ผมเคยรู้จักสมัยอยู่เอฟเวอร์ตันมาก
คำจำกัดความที่ผมจะพูดถึง อนิเชบี้ ที่ผมรู้จัก " ตัวใหญ่ใจเสาะกระดูกเปราะ "
สมัยก่อน...เวลามีคู่แข่งมาเบียดเขานิดนึง..เขาจะล้มตัวหวังเอาฟาลว์อย่างง่ายดาย..ซึ่งกรรมการที่ไหนก็ไม่ให้หรอก...แล้วเขาก็จะนั่งเรียกร้องความยุติธรรมอยู่บนพื้นอยู่นั่นทั้ง ๆ ที่บอลมันยังไม่ตาย
แถมเจ็บง่ายอีกต่างหาก
แต่ อนิเชบี้ ที่เห็นเมื่อวานเปลี่ยนไปมาก
ประตูแรกที่ได้ก็มาจากการที่เขาแข็งขืนฝืนเอาไว้ไม่ยอมล้มจนสามารถครองบอลและยิงประตูได้
ประตูที่สองจะไม่ได้จุดโทษเลยถ้าเขาสำออยล้มตั้งแต่จังหวะแรกที่โดนกระแซะ....
แถมแข็งขันวิ่งลงมาช่วยเกมรับด้วย
คุณสมบัติของหมอนี่...เขาตัวใหญ่พักบอลได้...เห็นบึก ๆ แบบนี้..ตอนอยู่เอฟเวอร์ตัน มอยส์เคยจับไปเล่นปีกขวาอยู่ช่วงนึง...ตอนทีมขาดแคลนปีก...ทำให้เขาสามรถรับบอลที่โยนยาวมาแล้วเลี้ยงออกข้างโยนเข้ากลางให้เพื่อนได้
นั่นทำให้ อนิเชบี้ พอมีคุณสมบัติเป็นหน้าเป้าหลัง เดโฟว์ ลงจากเวทีไปแล้วได้...ไม่ต้องยิงเป็นกอบเป็นกำก็ได้