[CR] SO SEOUL - ลุยเดี่ยวเที่ยวเกาหลี



“เขาบอกว่าคนเราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยเพราะการเดินทาง และบางทีเราอาจจะค้นพบเป้าหมายของชีวิตในระหว่างการเดินทางนั้นก็ได้”  จำไมได้เหมือนกันว่าอ่านประโยคนี้จากหนังสือเล่มไหน จำได้แค่ว่าเห็นปุ๊ปก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะจองตั๋วออกเดินทางเดี๋ยวนั้นให้ได้

จุดหมายปลายทางของผมในวันนี้ไม่ใช่ที่ไหนไกล นั้นคือเกาหลี ประเทศที่รีวิวบนกระทู้ท่องเที่ยวมีมากกว่าเงินในกระเป๋าของผม (และนี่ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ลังเลอยู่นานว่าควรจะเขียนกระทู้นี่ดีหรือเปล่า) คือทุกครั้งถ้าผมไปเที่ยวแล้วบอกสถานที่ปลายทางกับคนใกล้ตัว ทุกคนก็จะแสดงอาการไปในทิศทางเดียวกัน คือ “อ่อ เออ เฮ้ยดี” แต่พอบอกว่าจะไปเกาหลี(คนเดียว) แทบทุกคนล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ห๊ะ เนี่ยนะไปเกาหลี” “เออ ทำไมหน้าอย่างกูเนี้ยไปเกาหลีไม่ได้ไง ” ยังไม่พอ ประโยคส่งท้ายที่ว่า “ถ้าจะไปตัดเสริมเติมแต่งอะไรก็เลือกคลีนิคดีๆละกัน” ถือว่าเป็นประโยคย้อนฮิตไปแล้ว เอาเข้าไป ไปกันใหญ่แล้ว!

กำหนดการออกเดินทางจากสุวรรณภูมิบนตั๋วกระดาษแข็งบอกเวลาชัดเจนที่ตี1ครึ่ง แต่กว่าจะออกจากไทยจริงๆก็ปาเข้าไปตี3ครึ่ง แผนที่วางไว้ตั้งแต่แรกพังครืน และจากกำหนดการที่คาดว่าจะถึงเกาหลีประมาณ9โมงเช้า กลับกลายเป็นว่าผมมาถึงเกาหลีตอนเที่ยงตรง และกว่าจะทำความรู้จักกับสนามบินเพื่อที่จะพาตัวเองหลุดออกมาได้ ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ผมคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นหลังแล้วไปเช็คอินที่เกสต์เฮาส์ที่จองล่วงหน้าไว้ให้เร็วที่สุด เมื่อการเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ต่อไปคือวางแผนการเที่ยว(ใหม่) จากคำแนะนำจากเจ้าของเกสต์เฮาส์ และไกด์บุ๊คฉบับฟรีก็พอจะทำให้ได้ไอเดียมาบ้าง ที่เหลือก็ไปตายเอาดาบหน้าละกัน

*ไม่แน่ใจว่าจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองสามารถใช้บริการรถอะไรได้บ้าง แต่ที่แน่นนอนคือแท๊กซี่ (ซึ่งไม่อยู่ในลิสต์การเดินทางของผม) รถเมล์ บ.KAL Limousine service : Airport Shuttle Bus Service (อันนี้ผมใช้บริการตอนขากลับ ซึ่งพบว่ามันดีมาก แต่ไม่รู้ว่ากี่วอน เพราะเพื่อนจ่ายให้ 555) และรถไฟฟ้า เวลาโดยรวมพอประมาณก็ 30-50 นาทีเห็นจะได้




ที่แรกที่พอจะไปได้คือย่าน Myeong-Dong สิ่งที่ผมสนใจกลับไม่ใช่ย่านการค้าแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว แต่มันคือโบสถ์ Myeong-Dong Cathedral  พอหลุดจากความวุ่นวายจากสถานีรถไฟและฝูงชนเต็มสองข้างทาง เราก็จะเห็นโบสถ์ตั้งตระหง่าสู้แสงอาทิตย์ตามรูป ว่ากันตามข้อมูล โบสถ์หลังนี้ตกแต่งด้วย Pure Gothic Style ทั้งหลัง และสร้างเสร็จเมื่อปี 1898 ถือว่าเป็นโบสถ์คาทอลิคแห่งแรกๆ และเก่าแก่มากที่สุดของเกาหลี  ผมมีโอกาสได้เข้าไปข้าง มีผู้คนบางตานั่งอยู่ตามมุมเก้าอี้ บ้างอ่านพระคัมภีร์ บ้างสงบนิ่งอธิฐาน บรรยากาศเงียบมาก มากจนไม่กล้ากดถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์คงดังกว่าเสียงลมหายใจ ผมค่อยๆ เดินออกมาเงียบๆ หันหลงกลับไปบอกตัวเองว่าวันหนึ่งคำอธิฐานของผมมคงเป็นจริงกับเขาบ้าง

*การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้วลงสถานี Euljiro 1(il)-ga ทางออก 6-5 หรือสายสีฟ้า Myeong-dong Station ทาง 5-6-7-8  










ที่ต่อไป คือ Ewha Womens University จากโบสถ์จำไม่ได้จริงๆว่าเดินต่อทางไหน(ซึ่งก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมไม่นั่งรถไฟ) เปิดแผนที่วนไปวนมาประมาณสิบรอบ หลงแล้วหลงอีกกว่าจะมาถึงก็เกือบเย็น แสงใกล้จะหมดเต็มที ผมรีบคว้ากล้องแล้วกดชัตเตอร์แบบไม่เกรงใจกล้อง ถ้ามันมีชีวิต  ผมคงโดนเจ้ากล้องตัวเก่งด่าไปละ “ใจเย็นเฮ้ย กูจับภาพไม่ทัน” บรรยากาศยามเย็นกับตึกสมัยใหม่แบบนี้ก็เข้ากันดีเหมือนกันนะ …อ่า หายเหนื่อย





ตกเย็น ผมเลือกไปเดินแถวย่าน Hongdae ครับ เป็นย่านมหาวิทยาลัยและนักศึกษา ซึ่งเพื่อนโฆษณาไว้ว่าอาหารอร่อยและของถูก เดินไปเดินมาสะดุดตาเข้ากับร้าน Osulloc กินชาเขียนร้อนๆ(จากเกาะเจจู)ซักแก้วสู้กับอากาศ 9 องศาหน่อยละกัน

ก่อนกลับเข้าGuest house บอกเพื่อนเกาหลีว่าอยากไป Seoul Tower เพราะอยากเห็นวิวเกาหลีตอนกลางคืน เพื่อนก็ใจดีจัดการพาขึ้นแท๊กซี่ ลุงแท๊กซี่พามาส่งตรงที่ที่เขาบอกว่าเดินขึ้นตรงนี้จะเหนื่อยน้อยที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าโดนหลอกหรือผมกันแน่ที่อ่อนแอ เพราะกว่าจะถึงยอดเขาก็เล่นเอาหอบไปเหมือนกัน



เช้าวันที่2ผมปลุกนาฬิกา7โมงเช้า (เช้ากว่าไปทำงาน เช้ากว่าตื่นในวันหยุด)หวังใจว่าจะต้องเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้

ที่แรกที่มาถึงถือ Gyeongbokgung Palance โชคเหมือนเข้าข้างในวันที่สอง เพราะพบว่าวันนี้เข้าฟรี เย้! ตามไกด์บุ๊คเขาบอกไว้ว่า พระราชหวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1395* สมัยของกษัตริย์แทจง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน  และยังถือว่าเป็น 1ใน5พระราชวังขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่จนถึงบัจจุปัน ทุกๆวันช่วงเลา 10โมงและบ่ายสอง จะมีพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามให้ได้ชมกัน (Samunjang changing of the guard ceremony) ตอนนี้เพิ่งเก้าโมง ผมยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการเก็บภาพรวมๆของพระราชวัง
* บางไกด์บุ๊คบอกว่าถูกสร้างเมื่อปี 1394









ถัดจากพระราชวัง จะเห็น National Palace Museum of Korea ซึ่งพบว่าเข้าฟรีอีกเหมือนกัน ด้านในก็จะประกอบไปด้วยความเป็นมาของพระราชวังแบบลงลึก และข้าวของเครื่องใช้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ต้องขออภัยในส่วนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาจริงๆครับ

* การเดินทาง รถไฟฟ้าสายสีส้ม(Subway line 3) ลงสถานนี Gyeongbokgung (Government Complex-Seoul) ประตูทางออกหมายเลข 5


ที่ต่อมาคือ Bukchon Hanok Village ครับ ถ้าไม่ซีเรียส จากพระราชวังสามารถเดินไป Bukchon ได้โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20-30 นาที แน่นอนครับผมเลือกเดิน แต่ถ้าไม่ไหวสามารถขึ้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม (Subway Line 3) ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 2
เสน่ห์ของ Buckchon ไม่ได้อยู่ที่ตัวอาคารบ้านเรือนทรงเก่า แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามันอยู่ที่การผสมผสานระหว่างคำว่าเก่าและใหม่เข้าด้วยกันมากกว่า









อีกที่หนึ่งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนก็คือ DDP ครับ (Dongdaemun Design Plaza – designed by Zaha Hadid) สถานที่ที่เอาไว้จัดนิรรศการต่างๆนาๆ ด้วยรูปทรงที่สะดุดตา ก็เลยถ่ายรูปเพลินจนมืดค่ำ
*การเดินทาง รถไฟฟ้าสายสีฟ้าหรือสีเขียว สถาณี Dongdaemun History & Culture Park ทางออกที่ 1 หรือ 2


วันที่สาม สถานที่ที่จะไปคือจุดพีคของทรีปนี้ นั้นคือ Haneul Park ครับ ใช้เวลาทั้งหมด 30-40 นาทีโดยนั่งรถไฟฟ้าสาย 6 สีน้ำตาล ลงสถานี World Cup Stadium ทางออกหมายเลข 1  
ทุกอย่างราบรื่นจนกระทั่ง ผมหาทางขึ้นไม่เจอ พยายามจนผอมก็ยังหาป้ายบอกทางไม่เจอ ลองนึกว่าข้างหน้าเราคือภูเขา มีทา
งให้เลือกซ้ายและขวา ผมเลือกเชื่อสัญชาตญานตัวเอง เดินตรงไปทางขวา ซึ่งแน่นอนครับ ผิด! เดินเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอทางขึ้น ผมเลยตัดสินใจถามอาจุมม่าที่กึ่งวิ่งกึ่งรำไทย ว่าHaneul Park ไปทางไหน อาจุ่มม่าชี้โบ้ชี้เบ้ใหญ่ สรุป(เอาเองว่า)ขึ้นได้ทั้งสองทาง แต่ทางที่ผมเดินมาแค่อ้อมเท่านั้นเอง หลังจากได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธจากอาจุมม่าท่านนั้นแล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปยังมณฑลหูหนานต่อไป ผิดแล้วเฮ้ย!

ผมแอบหงุดหงิดตัวเองไม่น้อยที่ไม่ยอมดูข้อมูลเส้นทางให้ดีก่อน จนกระทั้งเจอวิวที่ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมหายเหนื่อยหยุดถ่ายรูปอยู่นานสองนาน ชื่นใจดีจริงๆ  บางทีการหลงทางก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ได้นะ






ขอบคุณบุคคลที่มีส่วนในการตัดสินใจมาเกาหลีครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบัตร T-Money (ที่ไปยืมเขามา) ช่วยดูตั๋วเครื่องบิน บลาๆๆ สุดท้ายคือขอบคุณตัวเองที่ออกจากกล่องใบเดิมแล้วพบว่าอีกโลกหนึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน แล้วเจอกันใหม่ครับทุกคน ยิ้ม
สามารถดูรูป(ที่ไม่ค่อยมีสาระ)อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ IG : aopom.t

ชื่อสินค้า:   Korea trip
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่