ถ้าสนใจประเทศที่มีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสีน้ำตาลและทะเลทราย  รีบสอยตั๋วโปรราคาถูกจากแอร์เอเชียไปเที่ยวกันเลย  ก่อนที่จะถูกยุบเส้นทางบิน  เพราะช่วงที่ไปปลายเดือน ต.ค. นี้ มีผู้โดยสารน้อยมากทั้งขาไปและกลับ เที่ยวละประมาณ 80 กว่าคน  น่าสงสารจริงๆ
ขอแบ่งปันข้อมูล เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลกันอยู่  รูปภาพประกอบจากกล้องมือถือล้วนๆค่ะ

1.  ได้ตั๋วโปรฯ ไปกลับ ราคาประมาณ 6000 กว่าบาท มีเวลาเที่ยวเต็มที่ 5 วัน จากนั้นก็หาข้อมูลจากพันทิป บล็อกทั้งไทยและเทศ  ทำให้รู้ว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางแพงถ้าใช้บริการทัวร์ (เช่ารถพร้อมคนขับราคาประมาณ 120 เรียลต่อวัน)  จะใช้บริการรถบัสระหว่างเมือง ก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย  จึงตัดสินใจเช่ารถขับกันเองหลังจากที่ถามและปลอบใจพลขับสาวว่า
"ไปขับรถที่โอมานกันเถอะ  เขาว่าขับง่ายมากกกก  นี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเรานะ ที่ได้ไปขับรถในต่างประเทศ"  
จัดการจองโรงแรมจากเว็บ booking.com 5 ที่ ตกราคาคืนละ 1000 กว่าบาทต่อคน และจองรถจากเว็บ budget.com โดยตรง 5 วัน ค่าใช้จ่าย 47.6 เรียล สำหรับการเช่าแบบเบสิค เกียร์ออโต ไม่เอา GPS คนขับคนเดียว (จากเว็บอื่นมีทั้งถูกและแพงกว่า)

2. ไปทำใบขับขี่สากลที่ขนส่งฯ หมอชิต  ใช้เวลาเร็วมากดังที่คนรีวิว 15 นาทีเสร็จเสียค่าบริการรวมซองพลาสติก 535 บาท  มีคนรีวิวว่าใช้ใบขับขี่ไทยได้  แต่ทำไปก็สบายใจกว่า

3. แลกเงินโอมานเรียลที่ super rich ณ วันที่แลก 1 OMR = 91.80 บาท  ราคาขึ้นลงเร็วกว่าดอลลาร์มาก (มาขายคืนเหลือ 90.60 บาท)

4. เมื่อถึงวันเดินทาง  ไปโหลดกระเป๋าที่ counter 4 airasia X กันเลย  เจอคำถาม 3 ข้อ คือ  มีเงินไปเที่ยวมากกว่าสองหมื่นต่อคนไหม, ที่พักในโอมาน
และขอดูตั๋วขากลับ  ถ้าทำเว็บเช็คอินมาและไม่โหลดกระเป๋า  ก็จะไปเจอคำถามนี้ที่ boarding gate

5. ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. 40 นาที บินถึงมัสกัต เดือน ต.ค. เข้าหน้าหนาวแล้ว หกโมงเย็นก็มืดแล้ว  มองไม่เห็นทิวทัศน์ใดๆ ลงจากเครื่องนั่งรถอีกเล็กน้อย ก็เข้าสู่ตัวอาคาร  เดินตรงไปจุดที่ต้องซื้อตั๋ววีซ่า Visa on arrival  ช่วงที่ไปมีนักท่องเที่ยวไทยค่อนข้างเยอะ  เสียเวลาต่อคิวเอาการ  เสร็จจากจ่ายเงินค่าวีซ่า 5 omr สำหรับเที่ยว 10 วัน  มีทางบังคับให้ต่อคิวต่อไปยังลงนามตรวจคนเข้าเมือง  ซึ่งรอนานมากกกกก  เพราะ จนท.ตม.เค้าชิวๆมากจริงๆ ดูอารมณ์ดี คุยกัน นึกอยากจะฮัมเพลงก็ทำ เรียกคนต่างแถว หรือมี นทท.จีนและฝรั่ง ไม่ได้ซื้อวีซ่า ก็จัดการพามาซื้อแล้วก็ไปดำเนินการต่อ  ใจดีจริงๆ(มีงี้ด้วยอ้ะ!!!)  ถ้าคิดว่า ไม่อยากต่อคิวนาน  อาจทำวีซ่าออนไลน์มาก่อน แล้วเข้าช่อง all passport ก็น่าจะเร็วขึ้น  กว่าจะผ่านไปได้ใช้เวลา 1 ชม.

6.  รีบไปเอากระเป๋า  มีคนยกออกมาวางให้แล้ว  รวมพลแล้วออกไปรับรถกัน  เคาน์เตอร์อื่นว่าง มีแต่ budget ที่มีคนต่อคิวรับรถ รอการจัดการอีก 20 กว่านาที ช้าอีกแล้ว.... จอง toyoto yaris auto ไว้ ได้เป็น Nissan sunny  ให้พลขับลองขับวนไปมา 2 - 3 รอบก่อนออกถนนจริง  ด้วยความตื่นเต้น ลืมดูเรื่องน้ำมัน ไปซะได้ เกือบพากันซวยซะแล้ว   ดังนั้น เพื่อนๆอย่าลืมดูให้ครบอย่างพวกเรานะคะ  

7.  ประมาณ 2 ทุ่ม  เราขับออกจากสนามบิน ดูป้าย Muttrah + Ruwi ไปเรื่อยๆ เพราะจอง ร.ร. Nuzha ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Muttrah (จองไว้ก่อนที่จะคิดขับรถเอง และเพราะชอบของถูก เลยจองแบบการันตี เก็บเงินก่อน)  พวกเราใช้วิธีโบราณ ปริ๊นท์แผนที่จากกูเกิลแมพ ดูเป็นจุดๆกันไป  ถ้าไม่มั่นใจ เข้าปั๊ม หรือจอดถามทาง ทำให้รู้ว่า คนในโอมานใจดีมากๆ  วันนี้ เราหลงทางกันเล็กน้อย แล้วเราก็มาถึงโรงแรมได้ในที่สุด ประมาณ 3 ทุ่มนิดๆ แต่ที่ทำให้เตื่นเต้นกันก็คือ มีไฟกระพริบเตือนว่า น้ำมันจะหมดนี่สิ  โอ๊ย..เรางี้โมโหบัดเจ็ทมาก ไหนบรรยาว่า น้ำมันเต็มถัง เวลาคืนก็ต้องเต็มถัง  ดีที่ตอนหลงทาง มีปั๊มน้ำมันอยู่ ถึงรอดไปจนถึงที่พักกันได้  

8.  ในโอมานเล่นไลน์ไม่ได้  ต้องดาวน์โหลด free vpn เลือกอันใดอันหนึ่ง แล้ว install จนมีสัญญาณ vpn โชว์ด้านบบนจอ ก็เล่นไลน์ได้ตามปกติ  แต่ฟรีไวไฟแต่ละโรงแรม ไม่ค่อยดี เน็ทช้าเอาการ คุยวิดิโอแชท ขาดๆหายๆ