อดทนจนแทบจะจุกอกตาย
เรามีสามีแล้ว อยู่กันมาแบบลำบากลำบนเพราะความใจใหญ่ของสามีและความมโน
สามีซื้อบ้านก่อนแต่งงานเป็นราคา 4.5ล้าน(ราคาบ้านใน ตจว) เราว่าราคาแพงเกินไป
ถ้าวันข้างหน้าไม่มีรายได้เราจะลำบากกัน แต่พี่เขายืนยันว่า ให้เชื่อใจเขา เขาสามารถตัดบ้านหมดไปก่อน5ปี
และบ้านหลังนี้เขาก็ชอบมาก วันโอนบ้าน เขาสามารถกู้ธนาคารได้ 4.2ล้าน แต่ต้องมีค่าโอน ค่าภาษี จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่
แต่โทรมายืมเงินเราบอกว่าเงินไม่พอโอน 7หมื่นบาท (บ้านของเรานะ ไม่เป็นไร)
**จบเรื่องซื้อบ้าน ยกมาเรื่องอื่นก่อน
เมื่องานแต่งงานมาถึง สินสอดที่คุยกันสองคนไว้ อยู่ที่480k แต่พอวันก่อนวันจริง1วัน
เราดูสีหน้าพี่เขาดูเป็นกังวลและเครียดมาก พอพูดคุยคาดคั้นถึงขั้นทะเลาะถึงได้รู้ว่า
ไม่มีเงินสักบาทมาเป็นค่าสินสอด โดยเขาอ้างว่าแม่ใช้เงินใน บช เขาหมดเพราะเอาไปปล่อยเงินกู้
ซึ่งก่อนหน้าซื้อบ้านก็มีรู้ๆมาบ้างเงินนี้ ว่าแม่เขาเอาเงินไปให้คนยืม แต่เราไม่ได้สนใจ
ไม่คิดว่าจะมาทำให้เป็นเรื่องจนได้ เราจับมือกันกอดคอกันร้องไห้ หาทางออกว่างั้นเดี๋ยวไปหายืม
มีเท่าไหร่เอาเท่านั้น ไม่เป็นไรแต่ในใจโคตรเสียใจเลย แล้วเราก็ไปคุยกับแม่เราว่า "เงินสินสอดหนูขอเอาไปตั้งตัวนะแม่"
แม่เราไม่ได้ว่าอะไร แม่ไม่ได้คิดจะเอาเงินสินสอดอยู่แล้ว จากนั้น ที่พี่เขาหามาได้รวมกับของเราที่มี
เป็นเงิน 222,222 ถึงวันงานตอนเช้าผ่านไป มียกน้ำชาช่วงเที่ยงบ้านเจ้าบ่าว (ซองรับไหว้ฝากไว้กับทางบ้านเจ้าบ่าว)
งานแต่งเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก แต่เราสองคนก็มีความสุขมาก และดีใจที่มันผ่านมาได้
เช้ามานั่งนับซองใช้หนี้งานหมดเกลี้ยง (เงินสินสอดยังไม่กล้าเอาออก เลยเอาเงินซองไปคืนที่ยืมมา1แสน)
อีก1แสนกว่าเป็นเงินของเราสองคนรวมกัน จากนั้นครบ3วัน ก็แกะเงินสินสอดมาเพื่อนจะมาใช้ค่าโต๊ะ
ค่างานต่างๆ ..แม่เจ้า!!! มีแค่190k หาไปไหน นับเองกับมือใส่ซองน้ำตาลปิดกาวอย่างดี
เลยให้พี่เขาไปถามหาจากที่บ้าน พร้อมเอาเงินรับไหว้มาด้วย
เวลาผ่านไป พี่เขากลับมาพร้อมเงิน2หมื่นถ้วน แล้วบอกเราว่าได้มาแค่นี้ (เฮ้ยจะเป็นไปได้ไงวะ!!)
ถ้าไม่ได้เงินรับไหว้มามันต้อง 32,222 ดิ เวลานั้นเราโกรธมาก พุ่งสุดๆ จนพี่เขาร้องไห้ขอโทษแทนที่บ้านเขา
เราเลยกอดคอกันร้องไห้ใหม่เหมือนเดิม จุกมาก
**ผ่านไปได้1อาทิตย์หลังแต่งงาน
เราไปเจอใบแจ้งหนี้ในรถพี่เขา ประมาน 1แสน ช็อคมาก!!! พากลับบ้านมาก็นั่งคุยถามยังไงก็ไม่ยอมรับ
จนต้องโยนใบแจ้งหนี้ใส่ (ลืมบอกว่ามี2ฉบับ 1.บัตรเคดิต 2.รถเข้าไฟแนนท์)
เขาแจ้งว่า 1.หนี้บัตรเคดิตเกิดจากงานแต่ง พวกค่าเหล้าเบียร์ (ซึ่งก่อนจัดงานเราได้ขอร้องว่าห้ามมีของมึนเมา)
เพราะคนมากันไกลๆเยอะ กลัวอุบัติภัย แต่พาเจอในงานก็แบบเออผ่านๆไป ไม่อยากวีน
2.รถเข้าแนนท์ เขาแจ้งว่าตอนซื้อบ้าน เงินไม่พอ เลยต้องเอารถเข้าแนนท์เพื่อมาจ่ายส่วนที่กู้ไม่ได้
จุกสิค่ะ เราจึงตัดสินใจขายกระเป๋าแบนด์เนมได้เงินมา 4หมื่นตัดบัตรไปได้แค่4หมื่น
เดี๋ยวมาต่อนะคะ เรื่องเยอะมาก. จนวันนี้เราเป็นบุคคลที่เป็นโรคกลัวคน พยายามฆ่าตัวตายจนทำให้แม่ต้องเสียใจ
ความรักมันจุกอก จนอยากตาย ทางออกมีมั๊ย??
เรามีสามีแล้ว อยู่กันมาแบบลำบากลำบนเพราะความใจใหญ่ของสามีและความมโน
สามีซื้อบ้านก่อนแต่งงานเป็นราคา 4.5ล้าน(ราคาบ้านใน ตจว) เราว่าราคาแพงเกินไป
ถ้าวันข้างหน้าไม่มีรายได้เราจะลำบากกัน แต่พี่เขายืนยันว่า ให้เชื่อใจเขา เขาสามารถตัดบ้านหมดไปก่อน5ปี
และบ้านหลังนี้เขาก็ชอบมาก วันโอนบ้าน เขาสามารถกู้ธนาคารได้ 4.2ล้าน แต่ต้องมีค่าโอน ค่าภาษี จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่
แต่โทรมายืมเงินเราบอกว่าเงินไม่พอโอน 7หมื่นบาท (บ้านของเรานะ ไม่เป็นไร)
**จบเรื่องซื้อบ้าน ยกมาเรื่องอื่นก่อน
เมื่องานแต่งงานมาถึง สินสอดที่คุยกันสองคนไว้ อยู่ที่480k แต่พอวันก่อนวันจริง1วัน
เราดูสีหน้าพี่เขาดูเป็นกังวลและเครียดมาก พอพูดคุยคาดคั้นถึงขั้นทะเลาะถึงได้รู้ว่า
ไม่มีเงินสักบาทมาเป็นค่าสินสอด โดยเขาอ้างว่าแม่ใช้เงินใน บช เขาหมดเพราะเอาไปปล่อยเงินกู้
ซึ่งก่อนหน้าซื้อบ้านก็มีรู้ๆมาบ้างเงินนี้ ว่าแม่เขาเอาเงินไปให้คนยืม แต่เราไม่ได้สนใจ
ไม่คิดว่าจะมาทำให้เป็นเรื่องจนได้ เราจับมือกันกอดคอกันร้องไห้ หาทางออกว่างั้นเดี๋ยวไปหายืม
มีเท่าไหร่เอาเท่านั้น ไม่เป็นไรแต่ในใจโคตรเสียใจเลย แล้วเราก็ไปคุยกับแม่เราว่า "เงินสินสอดหนูขอเอาไปตั้งตัวนะแม่"
แม่เราไม่ได้ว่าอะไร แม่ไม่ได้คิดจะเอาเงินสินสอดอยู่แล้ว จากนั้น ที่พี่เขาหามาได้รวมกับของเราที่มี
เป็นเงิน 222,222 ถึงวันงานตอนเช้าผ่านไป มียกน้ำชาช่วงเที่ยงบ้านเจ้าบ่าว (ซองรับไหว้ฝากไว้กับทางบ้านเจ้าบ่าว)
งานแต่งเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก แต่เราสองคนก็มีความสุขมาก และดีใจที่มันผ่านมาได้
เช้ามานั่งนับซองใช้หนี้งานหมดเกลี้ยง (เงินสินสอดยังไม่กล้าเอาออก เลยเอาเงินซองไปคืนที่ยืมมา1แสน)
อีก1แสนกว่าเป็นเงินของเราสองคนรวมกัน จากนั้นครบ3วัน ก็แกะเงินสินสอดมาเพื่อนจะมาใช้ค่าโต๊ะ
ค่างานต่างๆ ..แม่เจ้า!!! มีแค่190k หาไปไหน นับเองกับมือใส่ซองน้ำตาลปิดกาวอย่างดี
เลยให้พี่เขาไปถามหาจากที่บ้าน พร้อมเอาเงินรับไหว้มาด้วย
เวลาผ่านไป พี่เขากลับมาพร้อมเงิน2หมื่นถ้วน แล้วบอกเราว่าได้มาแค่นี้ (เฮ้ยจะเป็นไปได้ไงวะ!!)
ถ้าไม่ได้เงินรับไหว้มามันต้อง 32,222 ดิ เวลานั้นเราโกรธมาก พุ่งสุดๆ จนพี่เขาร้องไห้ขอโทษแทนที่บ้านเขา
เราเลยกอดคอกันร้องไห้ใหม่เหมือนเดิม จุกมาก
**ผ่านไปได้1อาทิตย์หลังแต่งงาน
เราไปเจอใบแจ้งหนี้ในรถพี่เขา ประมาน 1แสน ช็อคมาก!!! พากลับบ้านมาก็นั่งคุยถามยังไงก็ไม่ยอมรับ
จนต้องโยนใบแจ้งหนี้ใส่ (ลืมบอกว่ามี2ฉบับ 1.บัตรเคดิต 2.รถเข้าไฟแนนท์)
เขาแจ้งว่า 1.หนี้บัตรเคดิตเกิดจากงานแต่ง พวกค่าเหล้าเบียร์ (ซึ่งก่อนจัดงานเราได้ขอร้องว่าห้ามมีของมึนเมา)
เพราะคนมากันไกลๆเยอะ กลัวอุบัติภัย แต่พาเจอในงานก็แบบเออผ่านๆไป ไม่อยากวีน
2.รถเข้าแนนท์ เขาแจ้งว่าตอนซื้อบ้าน เงินไม่พอ เลยต้องเอารถเข้าแนนท์เพื่อมาจ่ายส่วนที่กู้ไม่ได้
จุกสิค่ะ เราจึงตัดสินใจขายกระเป๋าแบนด์เนมได้เงินมา 4หมื่นตัดบัตรไปได้แค่4หมื่น
เดี๋ยวมาต่อนะคะ เรื่องเยอะมาก. จนวันนี้เราเป็นบุคคลที่เป็นโรคกลัวคน พยายามฆ่าตัวตายจนทำให้แม่ต้องเสียใจ