ขอตามกระแสครับ ต้องโทษที่ชาวนาครับ ?

สมัยก่อน ชาวนาทำนาพอกินเลี้ยงปากท้อง ประเทศเราเป็นกสิกรรม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นการเกษตร สมัยอยุธยาถึงกรุงเทพฯ พื้นที่โดยรอบเป็นทุ่งนา ชาวบ้านทำนาใว้กินเอง เหลือใว้แลกเปลี่ยน และส่งสวยให้รัฐ รัฐสมัยก่อนมีหน้าที่เก็บส่วนอากรใว้ส่งต่อขึ้นไปยังยอดปิรามิด ใว้จ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางข้าวยังใว้ใช้เป็นเสบียงในการศึกสงคราม ต้องเก็บใว้ในฉางหลวง
       สมัยปัจุบัน ชาวนาทำข้าวใว้กินเอง และเหลือขาย บ้างก็ทำเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริมเพิ่มเติมจากการทำไร่อื่นๆ นาข้าวไม่ได้ทำได้ปลุกได้ทุกที่ภาคใต้ภาคตะวันออกส่วนน้อยที่ทำนา คนภาคเหล่านี้ต้องซื้อข้าวกินหรือแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรอื่นๆผ่านเงินตรา เมื่อมีการซื้อชาวนาก็ต้องผลิตเพิ่มเพื่อการขาย
       บ้านผมสมัยก่อนก็ทำนา(แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว) ทำกินบ้างเหลือขายบ้าง เงินที่ได้ใว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว มันไม่พอหรอก เราก็ต้องทำไร่
เสริม ทำสวนเพิ่ม ก็ว่ากันไป บ้านไหนที่มีน้ำคลอง อยู่ใต้เขื่อน เขาก็ทำนาเป็นอาชีพ เพราะทำนาได้ปีละ 2ครั้ง
มาเข้าประเด็นกันเลย ร่ายใว้ยาวมาก
1. ไอ้ที่มาดราม่ากัน บอกว่าชาวนาต้องปรับตัว ต้องเอาตัวรอด อย่ารอความช่วยเหลืออย่างเดียว..
- ครับเราชาวนาปรับตัว แล้วถึงทำนาขายข้าวส่งลูกเรียนสูงๆ เพื่อให้หลุดพ้นจากชาวนาที่ยากจนไง จะได้เป็นเจ้าคนนายคน แล้วหันมามองกำพืดตัวเองด้วยสายทำซึ้งคลอด้วยน้ำตา ทำท่าทีสงสาร แต่ปนได้ด้วยความเย้ยหยันประชดประชัน
-ผมถามหน่อยสิ ตั้งแต่ผมเกิดมาที่บ้านผมไม่ได้เห็นเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ พัฒนากร พัฒนาการเลย และอื่นๆที่เกี่ยวข้องเลย ผมเคยอ่านแต่ในนิยาย "ปุลากง" ของโสภาค สุวรรณ เท่านั้น ที่ทำให้ผมเคยมีแรงบัลดาลใจเล็กๆ อยากเป็นพัฒนาชุมชนเมื่อสมัยยังละอ่อน
ผมไม่เคยเห็นเครื่องมือของรัฐต่างๆ ทั้งๆที่ค้างจ้างเบี้ยหวัดที่มาจากส่วยอากรของประชาชนทุกภาคส่วนเลย เคยมีไหม เครื่องมือเหล่านี้จะกลับมาส่งเสริม
และให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมตลาด เข้าถึงเงินทุน มีระบบการจัดการ  มีระบบบัญชี ที่ถูกต้อง แบบจริงจัง เป็นรูปธรรม
-งบประมาณประจำปี ของหน่วยงานเหล่านี้หายไปไหนหมด  อย่าโทษเกษตรกร  เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีเครื่องมือ ไม่มีทุน ไม่มีโอกาส ไม่มีพรรคพวก ต่อให้เป็นคุณผู้มีบุญญา เกิดมาวาสนาดีในตระกูลร่ำรวย ได้รับการศึกษาสูงมีปัญญา ลองไปอยู่แบบนั้นสิ เจอปัญหาและสภาวะเหล่านั้นสิ คุณค่อยมาพูด
2.ถ้ามันขาดทุนก็เลิกทำนา แล้วไปทำอย่างอื่น
-พูดง่ายๆ พูดแบบคนโง่คนเขลาพูด การจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะให้ไปทำอะไร คุณช่วยเขาไหม จะให้ไปปลูกมะนาว ปลูกหมามุ้ย ปลูกมะพร้าว ปลูกแก้วมังกร ปลูกข้าวโพด หรืออื่นๆ ดินแต่ละที่ไม่เหมือนกัน มีการวิจัยดิน วิเคราะห์สายพันธ์ ความเหมาะสมให้ชาวนาเขายัง มีเครื่องไม้เครื่องมือ มีการสนับสนุนให้เขายัง และที่สำคัญมีตลาดรองรับให้เขายัง ว่าปลูกแล้วขายได้ หรือต้องไปขายกันถึงดาวอังคาร
3.ทำไมต้องแบมือขอรัฐอย่างเดียว
-ไม่ขอให้รัฐช่วย และจะไปขอแมวที่ไหน เพราะรัฐคือผู้บริหารบ้านเมือง รัฐต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ความเป็นอยู่ของประชาชนทุกส่วน รัฐต้องทำจริงจัง งบประมาณที่ลงมาต้องให้จับต้องได้ ถ้ามาในรูปแบบเครื่องมือต้องเป็นเครื่องมือที่ดี ปฏิบัติได้จริง เพราะระบบราชการ มันแค่เครื่องมือกระดาษ  เอาใว้เขียนตั้งงบ ของบ เบิกงบเท่านั้นเอง
.....
ไม่ต้องโทษชาวนา ต้องโทษที่รัฐ ชาวนาคือคนของรัฐคือประชาชน ประชาชนจนรัฐจน ประชาชนทุกข์รัฐก็ทุกข์ ประชาชนเจริญรัฐเจริญ ไชโย..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่