ตะเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่าน ตอนที่ 2







                          ทิ้งช่วงไปนานนะครับกว่าจะมีเวลามีเขียนกระทู้เล่าเรื่องทริปตระเวนเดี่ยวเที่ยวเมืองแพร่ต่อเมืองน่านในตอนที่  2   ก็หวังว่าข้อมูลจากการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองเพียงลำพังของผมจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ ชาวพันทิปที่กำลังสนใจอยากไปเที่ยวเมืองแพร่กับเมืองน่านบ้างนะครับ  หรือเพื่อน ๆ จะอ่านหรือดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวจากกระทูที่ผมเขียนคร่าว ๆ ก่อนก็ได้นะครับเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้อยากตามรอยไปเที่ยวเหมือนผมในภายหลังก็ได้   แต่ต้องออกตัวไว้ก่อนว่ารูปภาพที่ผมถ่ายนี้อาจไม่ได้สวยอะไร  เพราะผมใช้กล้องจากโทรศัพท์ถ่ายเอา    ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจเข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ   มีข้อมูลสิ่งใดต้องการสอบถามที่ใช้ในการเที่ยวก็หลังไมค์เข้ามาได้นะครับ  ยินดีให้ความช่วยเหลือกับทุกท่าน



                          สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ใช้เวลา  5  วัน   มีดังนี้
                          วันที่  1   :   เดินทางถึงเมืองแพร่   ขี่รถเที่ยวย่านดอยผากลอง และในตัวเมือง
                          วันที่  2   :   ขี่รถเที่ยวย่านช่อแฮ
                          วันที่  3   :   ขี่รถเที่ยวย่านเด่นชัย - สูงเม่น  และเดินทางต่อไปเมืองน่าน
                          วันที่  4   :   ขี่รถเที่ยวย่านเวียงสา - นาน้อย
                          วันที่  5   :   ขี่รถเที่ยวในเมืองน่าน  และเดินทางกลับ


วันที่  2   :  ขี่รถเที่ยวย่านช่อแฮ              

                          วันนี้ผมออกเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมืองแพร่ในกลุ่มย่านช่อแฮ   ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากโรงแรมที่พักราว  8.30  น.  ไปยังสถานที่แห่งแรกที่อยู่บนเส้นทางผ่านไปยังพระธาตุช่อแฮก็คือ   วัดสระบ่อแก้ว   ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปทางเหนือของเมืองราว  2  ก.ม.  ใช้เวลาขี่รถราว  10  นาทีก็ถึงแล้วครับ



                           วัดสระบ่อแก้ว   เป็นวัดที่มีศิลปะการก่อสร้างแบบพม่าคล้าย ๆ กับวัดจอมสวรรค์   ตามประวัติบอกว่าสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2419  โดยชาวพม่าได้เข้ามาเป็นแรงงานในการทำงานตัดไม้และขุดพลอยที่เมืองแพร่เพราะชาวอังกฤษได้รับสัมปทานที่นี่   ชาวพม่าก็เหมือนคนไทยนับถือพระพุทธศาสนาจึงได้ร่วมใจกันสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพวกเขาที่เมืองนี้  





                           ผมขี่รถเข้าไปจอดหน้าวิหารของวัด   เดินชมบริเวณรอบ ๆ ของวัดรู้สึกว่าวัดนี้เงียบสงบเหลือเกินไม่พบพระสงฆ์เลยในตอนแรก  พลางคิดในใจว่าไปเที่ยวมาหลายวัดที่เมืองแพร่แต่ไม่ค่อยเจอพระเลย  หรือว่าไปตอนสาย ๆ กับบ่าย ๆ ท่านจะจำวัดเลยไม่เจอ   วันที่ผมไปเที่ยวที่วัดนี้ไม่พบนักท่องเที่ยวเข้ามาชมเลย   เห็นแต่ผู้หญิงคนเดียวเดินขึ้นไปทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์กับพระสงฆ์อยู่บนวิหารไม้  




                            วิหารไม้ของวัดสร้างเป็นอาคารแบบพญาธาตุคือ  อาคารที่มีหลังคาซ้อนชั้นขึ้นไปทรงแหลมสูงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวิหารในศิลปะพม่า   ภายในวิหารไม้สร้างเป็นทั้งศาลา โบสถ์ และกุฏิสงฆ์อยู่ด้วยกัน   ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทำจากหินอ่อนสีขาวก้อนเดียวที่อัญเชิญมาจากเมืองมัณฑะเลย์ของประเทศพม่า  




                            นอกจากนี้บริเวณวัด   ข้าง ๆ วิหารไม้ก็มีเจดีย์จำลองสีทองขนาดไม่สูงมากนักที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองไว้ด้วย  



                            เสร็จจากการเที่ยวชมวัดสระบ่อแก้วแล้ว   ผมก็ขี่รถไปเที่ยววัดที่อยู่ใกล้ ๆ กันต่อก็คือ  วัดจอมสวรรค์     วัดนี้ผมเคยมาเที่ยวชมแล้วเมื่อ  15  ปีก่อนเมื่อครั้งมาดูศึกษานอกสถานที่ตอนเรียนวิชาประวัติศาสตร์ล้านนาโดยอาจารย์ผู้สอนในมหาวิทยาลัยจัดพามา   แต่มาดูวัดนี้อีกครั้งก็ให้ความรู้สึกแตกต่างจากไปจากเดิม   เดี๋ยวนี้วัดนี้ดูคึกคักมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากขึ้น ไหนจะคนเมืองแพร่เองก็ใช้วิหารไม้ของวัดจอมสวรรค์เป็นสถานที่จัดแสดงการเล่นดนตรีพื้นเมืองของภาคเหนือ จึงมีเสียงดนตรีดังขับขานอยู่ตลอดเวลา  อีกทั้งยังมีนักเรียนที่มาทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์น้อยคอยอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้แก่แขกผู้มาเยี่ยมเยือนด้วย    





                             ตามประวัติบอกว่า  วัดจอมสวรรค์สร้างขึ้นโดยชาวไทใหญ่ที่เดินทางเข้ามาค้าขายในเมืองแพร่เมื่อ  100  ปีที่แล้ว   โดยสร้างเป็นอาคารทรงพญาธาตุในศิลปะพม่าคือ  อาคารที่มีหลังคาซ้อนชั้นลดหลั่นกันเป็นทรงสูง  ลักษณะจะคล้าย ๆ กับที่วัดสระบ่อแก้วที่ไปชมมา  
                            


                             บนเพดานของวิหารไม้ประดับกระจกสีทำลวดลายต่าง ๆ ที่สวยงาม   และภายในวิหารก็จัดแสดงพระพุทธรูปงาช้าง  และคัมภีร์โบราณที่ทำมาจากงาช้าง  เรียกว่า  "คัมภีร์ปาติโมกข์   ซึ่งลงรักปิดทองและจารึกข้อความเป็นภาษาพม่า    



                             เสร็จจากการเที่ยวชมวัดจอมสวรรค์แล้ว    ผมก็ขี่รถเที่ยวต่อไปที่  บ้านทุ่งโฮ้ง  เพื่อไปซื้อเสื้อม่อฮ้อม  ไหน ๆ ก็จะต้องผ่านทางนี้อยู่แล้วก่อนไปพระธาตุช่อแฮ   ก็แวะซื้อของฝากให้กับตนเองและญาติที่บ้านซะเลย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงเมืองแพร่    




                             บ้านทุ่งโฮ้งอยู่ห่างจากวัดจอมสวรรค์ไปเพียง  3  ก.ม.  ใช้เวลาขี่รถประมาณ  10  นาทีก็ถึงแล้วครับ   เป็นหมู่บ้านที่ผลิตและจำหน่ายเสื้อม่อฮ้อมทั้งขายส่งและขายปลีก   ตัวร้านค้าจำหน่ายตามเรียงรายตามสองฝั่งของถนนเลยครับ  ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหาร้านไม่เจอ  เพราะร้านที่จำหน่ายเสื้อม่อฮ้อมเหล่านี้น่าจะมีราว ๆ   50  ร้านขึ้นไป  




                             เสื้อม่อฮ้อมที่บ้านทุ่งโฮ้งจำหน่ายนี้มาจากโรงงานผลิตหลายเจ้าจึงทำให้เสื้อม่อฮ้อมแต่ละร้านมีลวดลายและดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างกัน   เรียกว่าต้องเดินดูทีละร้านกันเลยถ้าจะซื้อหาไปใส่กัน  เพราะดีไซน์และลวดลายที่ไม่ซ้ำกันทำให้เราสามารถเดินดูของได้ไม่เบื่อเลย   ผมเดินดูร้านโน้นข้างถนนไปอีกฟากดูร้านนี้ใช้เวลานานกว่าจะตัดสินใจซื้อเสื้อม่อฮ้อมได้   ซื้อมา  4  ตัวจาก  3  ร้าน  รวมเป็นราคาทั้งหมด  1,220  บาท  ดูแล้วราคาก็ย่อมเยาไม่แพงเกินไปนะครับ   ยังไงถ้าใครผ่านมาแถว ๆ ทุ่งโฮ้งก็อย่าลืมซื้อหาม่อฮ้อมสักตัวเป็นของฝากนะครับ  ช่วยเหลือชาวบ้านเขาสินค้า  OTOP  ของเขาจะได้อยู่ได้     ต่อจากนั้นผมก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำบุญไหว้พระที่วัดพระธาตุช่อแฮต่อครับ  




                             วัดพระธาตุช่อแฮ   เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองแพร่   แต่ตัววัดไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านตัวเมืองแพร่  แต่อยู่นอกเมืองนะครับ  ต้องขี่รถไปราว  12  ก.ม.  ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาที่ไม่สูงมาก  จะมีบันไดทางขึ้นวัดตามภาพข้างบน   รถทุกคันต้องจอดบริเวณเชิงบันไดนะครับแล้วเดินขึ้นบันไดไป    

ถนนหน้าวัดพระธาตุช่อแฮ   ถ่ายจากบริเวณเชิงบันไดทางขึ้นวัด



                              พระธาตุช่อแฮ  เป็นพระธาตุรูปแบบสี่เหลี่ยมย่อมุมสร้างตามแบบศิลปะล้านนา  หุ้มทองจังโกตลอดทั้งองค์  ภายในองค์พระธาตุเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุและพระข้อศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า     และที่ประตูทางเข้าวัดทำเป็นซุ้มประตูโขงรูปทรงปราสาทสีขาวแบบล้านนาดูสวยงามดี     พระธาตุช่อแฮจัดว่าเป็นพระธาตุประจำของผู้ที่เกิดปีขาล  (ปีเสือ) และนับเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่อีกด้วย   ดังนั้น  ใครมาเที่ยวเมืองแพร่จึงไม่ควรพลาดในการเข้ามาชมนะครับ  






                              ผมเดินชมองค์พระธาตุเสร็จแล้วก็เข้าไปทำบุญเขียนชื่อตนเองและครอบครัวบนผ้าจีวรห่มองค์พระธาตุ   ซื้อตุงถวายองค์พระธาตุ  แล้วไปสักการะบูชาพระพุทธรูปประธานภายในพระวิหารของวัดครับ   วัดนี้มีนักท่องเที่ยวและชาวเมืองแพร่มาเยี่ยมชมกันหนาตา  ทำให้ที่จอดรถข้างล่างดูแน่นไปถนัดตา  บริเวณด้านล่างของวัดก็มีร้านค้าขายของทั้งอาหารการกิน  ขนมขบเคี้ยว และของฝากของที่ระลึกวางขายกันหลายร้านนะครับ



                              เสร็จจากการเยี่ยมชมพระธาตุช่อแฮแล้ว  ผมก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำบุญที่วัดพระธาตุดอยเล็ง  มองเห็นได้จากวัดพระธาตุช่อแฮเลย   พระธาตุดอยเล็งตั้งอยู่บนภูเขาที่อยู่ด้านหลังของวัดพระธาตุช่อแฮ   ห่างออกไปน่าจะ  3  ก.ม.   แต่ผมใช้เวลาขี่รถนานกว่าจะถึงที่วัด  เพราะหลงทางขนาดใช้  google  map  นำทางยังหลง  เพราะตรอกทางเข้าเป็นถนนเล็ก ๆ ถ้าไม่สังเกตก็จะขับรถเลยหรือไม่รู้ว่าเป็นทางเข้า    ขี่รถเลี้ยวเข้าตรอกดังกล่าวได้ถนนก็จะตัดผ่านทุ่งนาและขึ้นสู่ยอดเขาที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยเล็ง   ถนนที่วิ่งมาดีนะครับขี่รถสบาย
  


ทุ่งนาริมถนนที่วิ่งขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยเล็ง   มองเห็นวัดพระธาตุช่อแฮที่ไปเที่ยวมาอยู่ไม่ไกลกัน



ถนนขึ้นเขาเป็นทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยเล็ง   ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์สามารถขี่ได้สุดทางถึงหน้าวิหารของวัดเลยนะครับ  ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดเหมือนคนที่ขับรถยนต์มา


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่