ภูเขาไฟโบรโม (อินโดนีเซีย: Gunung Bromo) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโมเทงเกอร์เซเมรู เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเทงเกอร์มาสซีฟ บนเกาะชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ยอดภูเขาไฟนี้มีความสูง 2,329 เมตร ซึ่งไม่ได้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากความสูงไม่มากนัก และเดินทางถึงยอดเขาได้โดยง่าย
ชื่อ โบรโม มาจากตัวสะกดในภาษาชวาของคำว่า "พรหม" ซึ่งเป็นพระนามของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีเทศกาล Yadnya Kasada ชนชาวพื้นเมืองจะเดินเท้าขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟ และประกอบพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าโดยการโยนอาหาร ดอกไม้ และสัตว์บูชายัญลงในแอ่งภูเขาไฟ  ภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ การปะทุครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2547 และตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2553 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
สามารถติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่ เพจ:
https://web.facebook.com/JuckKajarn/
https://web.facebook.com/paitiewkanfanpage/

      เดินทางเมื่อวันที่ 20-24 ตุลาคม 2559 เริ่มต้นด้วยเจ้าปีกแดง จาก ดอนเมือง-กัวลาลัมเปอร์-สุราบายา  แล้วก็เที่ยวด้วยรถยนต์จนถึง Bali
ขากลับก็ บาหลี-สุราบายา-กัวลาลัมเปอร์-ดอนเมือง รวมๆแล้ว นั่งเครื่องทั้งหมดประมาน หมื่นบาท ทั้งไปและกลับ

ถึงมาเลเชีย รอต่อเครื่อง โชคดีหน่อยเรามีพี่และเพื่อนๆทำงานที่มาเลย เลยได้แวะพักผ่อน

นั่งรอเครื่อง แล้วก็นอนรอเครื่อง ...

พอถึง สุราบายา เราก็ต่อด้วยรถตู้เหมาที่เราติดต่อไว้ ชื่อ Hari Shinjo Cahyadi บริการดีมากขอบอก เอาชื่อนี้ไปหาใน Facebook ได้เลยครัช

บรรยากาศระหว่างเดินทางไป ภูเขาไฟโบรโม่ วิวสวยงามมาก




คืนแรกเราพักที่ cemara indah โรงแรมใกล้ภูเขาไฟมาก แล้วก็มองเห็นวิวภูเขาไฟด้วย





และแล้วก็มีข่าวร้าย เหตุเกิดจากภูเขาไฟเริ่มมีการ ประทุแรงขึ้น ควันที่ปล่องภูเขาไฟแรงขึ้นเยอะขึ้นกว่าเดิม เจ้าหน้าที่เลยไม่ให้เราขึ้นไป
เราเลยอด แต่ไม่เป็นไร เรายังมีจุดชมวิวอีกจุดที่เราไม่พลาด เราตื่นกันตั้งแต่ตี3 เดินทางขึ้นจุดชมวิวภูเขาไฟ ด้วยรถจิ๊ป
ตอนขึ้นมันมืดเลยไม่ได้ถ่าย ถ่ายตอนสว่างมาให้ชมครับ


บนจุดชมวิวมีร้านค้าด้วย ขอบอกว่า ราคาเท่าๆบ้านเราเลยครับ


เดินขึ้นไปหาจุดตั้งกล้องถ่ายรูปกันอีกหน่อย เนื้องจากคนเยอะ เดินผ่านไปผ่านมาบังวิว ได้ที่แล้ว จัดไปชุดใหญ่สวยงามตามท้องเรื่อง
ภาพช่วงใกล้จะสว่าง






ไหนๆก็ไหนๆละรวมแก๊งค์ซะหน่อย ภาพนี้หล่อสวยทุกคนเท่ากัน แฮ่ๆ

พระอาทิตย์เริ่มแรงได้เวลากลับลงไปข้างล่าง แต่พอดูตอนลง นึกในใจเราขึ้นมาได้ไง555

มีบริการ ขี่ม้าด้วยนะครับ ขาลงก็จัดไป แสน รูเปียห์ ต่อเหลือ 50,000 รูเปียห์

จากนั้นเตรียมตัว แว๊นกันต่อ ไป ทุ่งหญ้าสะวันนา ลุยๆ  ทุ่งหญ้า ทางไปฝุ่นเยอะ ควรหาผ้าปิดจมูกไปด้วย
และควรไปแต่เช้าเพราะถ้าสาย ลมจะมาจะทำให้มีพายุฝุ่นมองไม่เห็นครับ






จากนั้นค่อยกลับมาทานข้าวเช้าที่โรงแรม ช่วง10โมง ทางโรงแรมจัดแบบบุฟเพ่ เราใช้พลังงานมาพอดีเลย ฮ่าๆๆ
..............................

จากนั้นเก็บของเดินทาง จาก โบรโม่ ไปน้ำตก Madakaripura Waterfall ห่างจากโบรโม่ไม่ไกลนัก ไปถึงที่ทำการ ก็เดินเข้าไปอีก 1-2กิโลเมตร ระหว่างทางเดินก็จะมีรูปปั้นเทพอะไรสักอย่าง เทพทางน้ำ ฮ่าๆ



ถึงแล้ว Madakaripura Waterfall สวยงามตามท้องเรื่องอีกเช่นเคย




ต่อจากนี้ก็เดินทางยาวๆ ไป Kawah Ijen อีก 4-5 ชั่วโมง ถึงจะถึงที่พักแถวนั้น เราน่าจะถึงกันประมาณ 2 ทุ่ม ไหนๆจะเดินทางกันยาวๆ
ก็แวะเติมพลังกันหน่อยแล้วกัน ร้านนี้ดูดีมาก คนขับรถพามาเลยวิวดี


เราจัดเมนูที่คล้ายบ้านเราที่สุดแล้วก็ อร่อยจริงด้วย


ออกจากที่พักเดินทางขึ้น Kawah Ijen เที่ยงคืน  ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 4ชั่วโมง เราเดินขึ้นไปถึงประมาณตี4 เป็นเวลาที่มองเห็นแสงสีฟ้า
ของเปลวไฟ ในปล่องภูเขาไฟ เรามีเวลาดูแสงเหล่านี้ประมาณ30-40นาที เพราะถ้ามีแสงมันจะมองไม่เห็น





เพราะถ้าสว่างจะเห็นเป็นควัญแบบนี้ ที่เห็นเหลืองๆทองๆมันคือแร่กำมะถันจากภูเขาไฟนั่นเอง



พูดง่ายๆแถวนี้มันก็คือเหมืองแร่ดีๆนี้เอง คนงานก็ขุดขึ้นไปขาย


เมื่อสว่างเราก็ ปีนกลับขึ้นมาบนยอดปล่องภูเขาไฟ Kawah Ijen ขางบ้นนี้วิวสวยมาก เรากดชัดเตอร์กันมันส์เลย











ลืมบอกอีกเรื่องครับ ทางขึ้นเป็นทางขึ้นลงที่ชันพอสมควร ที่นี้มีบริการรถแท็กซี่ด้วยนะครับ ฮ่าๆ


ช่วงครึ่งทางจะมีร้านค้า แค่ร้านเดียวเท่านั้น บนยอดจะไม่มีอะไร แม้แต่น้ำสักหยด ควรเตียมไปด้วยนะครับ

ระหว่างเดินทางกลับลงมา ชาวบ้านเอากำมะถันมาปั้นหารายได้เสริม แต่กำมะถันเราไม่น่าจะเอาขึ้นเครื่องได้ เพราะติดไฟได้ง่าย


เราเหนื่อยกันมาก ต่อจากจุดนี้เลยตัดสินใจ ให้ รถไปส่งเราที่ท่าเรือ เพื่อข้ามไปพักผ่อนที่เกาะบาหลี

ต้องกรอกแบบฟรอมที่ท่าเรือ เพื่อซื้อตั๋ว

แล้วก็ยื่นซื้อตั๋วได้ที่นี้เลย เราจะเข้าไปในตัวเมือง แถวๆสนามบินบาหลี

ทันไดนั้นก็มี คนมาแนะนำให้เราขึ้นรถบัส เขาบอกว่ารถบัสจะเข้าในเมือง รถบัสที่ว่าคือ รถบัสที่ข้ามเรือลำเดียวกันนี้แหละ
พอถึงฝั่งรถบัสก็จะวิ่งต่อ เข้าในเมือง ตรงนี้ผมแนะนำเลยนะครับ อย่าขึ้นรถบัส ผมตกเป็นเหยื่อมาแล้ว