อุปราชกะนอง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในกลุ่มของนักประวัติศาสตร์ว่า ในยุคของพระเจ้าเมงดงนั้น เป็นยุคปฏิรูปของเมียนมาร์ โดยนำเอาเทคโนโลยียุคใหม่ (ในขณะนั้น) เข้ามาใช้ในเมียนมาร์ และการเปลี่ยนแปลงการปกครองบางส่วน เช่น การยกเลิกการกินเมือง โดยในส่วนของการปฏิรูปครั้งนั้น องค์ผู้ผลักดัน คือ เจ้าฟ้าชายกะนอง หรือต้องเรียกว่า มหาอุปราชกะนอง เนื่องจากพระองค์อยู่ในฐานะของพระมหาอุปราช นั้นเอง
+
พระมหาอุปราชา (กะนอง) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าธราวดีและเป็นพระราชอนุชาของพระเจ้าเมงดง โดยพระองค์เป็นผู้นำการปฎิรูปในเมียนมาร์หลายๆด้าน พระองค์เป็นผู้นำของสภา Hluttaw เป็นผู้นำปฏิรูปการปกครองบ้านเมือง เช่น การรวมอำนาจเข้าไว้ที่ศูนย์กลาง (คล้ายๆการปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5) การนำใช้ระบบเงินเดือนในข้าราชการ การปฏิรูปการเก็บภาษี การนำใช้อาวุธแบบใหม่ให้กับกองทัพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพยายามผลักดันให้ทหารอังกฤษออกไปจากเมียนมาร์โดยพยายามให้ไปตั้งมั่นที่แม่น้ำอิรวดี แต่ถูกต่อต้านโดยสมเด็จพระสังฆราช เพราะเห็นว่าชาวบ้านริมแม่น้ำจะเดือดร้อน
+
สภา Hluttaw ในอดีต ที่เกิดเหตุอันน่าเศร้าสลดใจ
ไม่แน่ใจว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะส่งผลต่อเจ้าฟ้าพระองค์ใด หรือ เป็นความขัดแย้งเพิ่มเติมใดๆหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1866 พระราชโอรสของพระเจ้าเมงดง หรือจะกล่าวได้ว่า เป็นพระภาติยะของพระองค์เอง คือ เจ้าฟ้าชายเมงกุน และ เจ้าฟ้าชายเมงกุนแดง ได้พยายามก่อกบฎโดยการบุกเข้าตำหนักที่เป็นของสภา Hluttaw พระมหาอุปราชา สิ้นพระชนม์พร้อมกับพระราชโอรส 3 พระองค์ หลังจากนั้นเจ้าฟ้าชาย 2 พระองค์พยายามก่อกบฏต่อพระราชชนก คือ พระเจ้าเมงดง ที่กำลังประทับอยู่นอกพระราชวังอยู่ แต่เมื่อมือสังหารพยายามลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าเมงดง ได้รับสั่งให้ทิ้งอาวุธ การพยายามก่อกบฎจึงไม่สำเร็จ
+
เจ้าฟ้าเมงกุน และ เจ้าฟ้าชายเมงกุนแดง ได้หลบหนีไปทางตอนใต้ ซึ่งเวลานั้นเป็นของอังกฤษแล้ว ทางอังกฤษไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงนำเจ้าฟ้า 2 พระองค์ ไปกักกันอยู่ที่อินเดีย แต่ปรากฎว่ามีเจ้าฟ้าองค์หนึ่ง สิ้นพระชนม์เสียก่อนระหว่างทาง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว พระเจ้าเมงดง จึงไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นพระมหาอุปราชาผู้สืบทอดราชบัลลังก์เลย เป็นเวลากว่า 12 ปี จนกระทั่งเมื่อทรงพระประชวร จึงได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งเจ้าชายหม่องปู ขึ้นเป็นพระมหาอุปราชา
+
อย่างไรก็ตามแล้ว หากสมมติว่า พระมหาอุปราชา ยังสามารถเอาพระชนม์ชีพไปได้ถึงปี 1878 แล้วผลจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงเป็นไปได้ว่า อำนาจของอังกฤษ อาจจะไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ก็ไม่วายอาจจะพบกับปัญหาการแย่งชิงราชบัลลังก์กันอีก หรือ ปัญหาอื่นๆใดๆอีก ก็เป็นได้
++ใครคือมหาอุปราชกะนอง? ที่เกือบจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เมียนมาร์++
อุปราชกะนอง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในกลุ่มของนักประวัติศาสตร์ว่า ในยุคของพระเจ้าเมงดงนั้น เป็นยุคปฏิรูปของเมียนมาร์ โดยนำเอาเทคโนโลยียุคใหม่ (ในขณะนั้น) เข้ามาใช้ในเมียนมาร์ และการเปลี่ยนแปลงการปกครองบางส่วน เช่น การยกเลิกการกินเมือง โดยในส่วนของการปฏิรูปครั้งนั้น องค์ผู้ผลักดัน คือ เจ้าฟ้าชายกะนอง หรือต้องเรียกว่า มหาอุปราชกะนอง เนื่องจากพระองค์อยู่ในฐานะของพระมหาอุปราช นั้นเอง
+
พระมหาอุปราชา (กะนอง) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าธราวดีและเป็นพระราชอนุชาของพระเจ้าเมงดง โดยพระองค์เป็นผู้นำการปฎิรูปในเมียนมาร์หลายๆด้าน พระองค์เป็นผู้นำของสภา Hluttaw เป็นผู้นำปฏิรูปการปกครองบ้านเมือง เช่น การรวมอำนาจเข้าไว้ที่ศูนย์กลาง (คล้ายๆการปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5) การนำใช้ระบบเงินเดือนในข้าราชการ การปฏิรูปการเก็บภาษี การนำใช้อาวุธแบบใหม่ให้กับกองทัพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพยายามผลักดันให้ทหารอังกฤษออกไปจากเมียนมาร์โดยพยายามให้ไปตั้งมั่นที่แม่น้ำอิรวดี แต่ถูกต่อต้านโดยสมเด็จพระสังฆราช เพราะเห็นว่าชาวบ้านริมแม่น้ำจะเดือดร้อน
+
สภา Hluttaw ในอดีต ที่เกิดเหตุอันน่าเศร้าสลดใจ
ไม่แน่ใจว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะส่งผลต่อเจ้าฟ้าพระองค์ใด หรือ เป็นความขัดแย้งเพิ่มเติมใดๆหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1866 พระราชโอรสของพระเจ้าเมงดง หรือจะกล่าวได้ว่า เป็นพระภาติยะของพระองค์เอง คือ เจ้าฟ้าชายเมงกุน และ เจ้าฟ้าชายเมงกุนแดง ได้พยายามก่อกบฎโดยการบุกเข้าตำหนักที่เป็นของสภา Hluttaw พระมหาอุปราชา สิ้นพระชนม์พร้อมกับพระราชโอรส 3 พระองค์ หลังจากนั้นเจ้าฟ้าชาย 2 พระองค์พยายามก่อกบฏต่อพระราชชนก คือ พระเจ้าเมงดง ที่กำลังประทับอยู่นอกพระราชวังอยู่ แต่เมื่อมือสังหารพยายามลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าเมงดง ได้รับสั่งให้ทิ้งอาวุธ การพยายามก่อกบฎจึงไม่สำเร็จ
+
เจ้าฟ้าเมงกุน และ เจ้าฟ้าชายเมงกุนแดง ได้หลบหนีไปทางตอนใต้ ซึ่งเวลานั้นเป็นของอังกฤษแล้ว ทางอังกฤษไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงนำเจ้าฟ้า 2 พระองค์ ไปกักกันอยู่ที่อินเดีย แต่ปรากฎว่ามีเจ้าฟ้าองค์หนึ่ง สิ้นพระชนม์เสียก่อนระหว่างทาง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว พระเจ้าเมงดง จึงไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นพระมหาอุปราชาผู้สืบทอดราชบัลลังก์เลย เป็นเวลากว่า 12 ปี จนกระทั่งเมื่อทรงพระประชวร จึงได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งเจ้าชายหม่องปู ขึ้นเป็นพระมหาอุปราชา
+
อย่างไรก็ตามแล้ว หากสมมติว่า พระมหาอุปราชา ยังสามารถเอาพระชนม์ชีพไปได้ถึงปี 1878 แล้วผลจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงเป็นไปได้ว่า อำนาจของอังกฤษ อาจจะไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ก็ไม่วายอาจจะพบกับปัญหาการแย่งชิงราชบัลลังก์กันอีก หรือ ปัญหาอื่นๆใดๆอีก ก็เป็นได้