ผมเป็นคนนึง ที่ชื่นชอบการดูมวย และบัวขาวคือหนึ่งในยอดนักมวยในดวงใจของผม อันดับ1ในใจเลยก็ว่าได้

แต่วันนี้ ผมได้ดูบัวขาวชกกับอี้หลง ซึ่งผมรอมาหลายเดือนเพื่อจะดูคู่นี้วันนี้ ระหว่างที่กำลังคิดว่าชนะแน่นอนเพราะอีกฝ่ายสู้เราไม่ได้เลย ไม่มีความเป็นทรงมวย สู้แบบไม่มีหลัก โดนบัวขาวทุ่มล้มตลอดเป็นสิบครั้งก็ว่าได้ พอแข่งจบ ก็มีการตัดโฆษณาไประยะนึง พอตัดภาพกลับมา ก็มีการประกาศว่าอี้หลงชนะซะแล้ว ซึ่งค้านสายตาผมมากๆ และอาจรวมถึงคนที่ดูส่วนใหญ่ด้วย ทุกคนคงคิดเหมือนกัน ว่ามันชนะได้ไง?

ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่า ยังไงๆบัวขาวก็หัวเสียแน่นอน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งก็เข้าใจว่าอาจจะอยากรักษาหน้าของคนจีน จะได้มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันนานๆ
แล้วก็มีหลายคนที่แสดงความเห็นประมาณว่า " มันเป็นธุรกิจ อย่าไปคิดมากๆๆ ดูเอามันส์ก็พอ ยังไงบัวขาวก็ชนะในสายตาคนดูอยู่แล้ว " แต่ผมกลับไม่ได้คิดแบบนั้น
และมีการไปเปรียบเทียบกับ WWE ว่า ที่บัวขาวไปต่อยมันก็คล้ายๆแบบนั้นแหละ เป็นธุรกิจ บลาๆๆๆ เอ่อ คือถ้าเทียบกับมวยปล้ำฝรั่ง WWE ซึ่งมันเป็นธุรกิจอยู่แล้ว และมีสคริปต์ มีบท มีการแสดงที่สมจริงให้เหมือนสู้กันเอาเป็นเอาตายจริงๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่า "นั่นคือการแสดง"

แต่นี่ มันคนละอย่างกัน การจัดแข่งขันแบบนี้ ใครๆก็ต้องคิดว่าต่อยกันจริงทั้งนั้น ถ้าจะบอกว่ามีการล็อคผลกันเป็นเรื่องธรรมดา มันใช่เรื่องปกติเหรอครับ สำหรับเรื่องแบบนี้ ผมก็ไม่รู้นะว่าสำหรับคอมวยต่างๆอาจจะคิดว่านี่คือเรื่องปกติก็ได้ แต่สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย ผมยอมรับไม่ได้อ่ะครับ ถ้ามันมีเรื่องแบบนี้จริง

ผมไม่ได้ดูมวยปาหี่นะครับ ที่จะมีการล็อคผล ล้มมวย กันเป็นปกติน่ะ

ผมนึกว่าผมจะได้ดู สองสุดยอดนักสู้ สู้กับแบบจริงๆจังๆ กรรมการตัดสินกันแบบไม่ลำเอียง เสียอีก... กลับกลายเป็นว่า เหมือนสุดยอดนักสู้จะรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ผมรู้นะว่ามันคือเงิน มันคือธุรกิจ แต่ผมไม่คิดว่าบัวขาวจะยอมให้ธุรกิจเหนือกว่าศักดิ์ศรีของนักมวย ถ้าพี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นผมก็ขอโทษด้วยนะครับ แต่ที่ผ่านมาผมนึกว่าพี่สู้โดยไม่มีธุรกิจมาตลอด ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ ตรงไปตรงมา ไม่ใช่แบบตอนนี้ที่ชนะเห็นๆแล้วดันมายอมให้อีกฝ่ายชนะแทน เพราะเห็นว่ามันคือธุรกิจ ฯลฯ

รวมถึงพวกการแข่งขัน โอลิมปิค , เอเชี่ยนเกมส์ ที่มีข่าวการโกงแบบค้านสายตาสุดๆของประเทศต่างๆ(ซึ่งส่วนมากเป็นประเทศเจ้าภาพ) ขึ้นแทบทุกปี เมื่อก่อนผมก็เคยคิดว่า มันเป็นเจ้าภาพ คงจะอยากชนะมากๆ ให้ๆมันไป
แต่ตอนนี้ผมกลับมาคิดว่า แล้วความภาคภูมิใจของคนที่ชนะ(โดยโกงเขามา) กับคนที่แพ้(ถ้ารู้แล้วยอมโดนให้เขาโกงโดยมีคำว่าธุรกิจค้ำคอ) มันอยู่ตรงไหนกัน?

ถ้าหลายๆคนคิดว่าการโกงนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องของธุรกิจ แล้วแบบนี้ ที่เรานั่งดูกันตามทีวี ไฟท์ใหญ่ๆต่างๆ ไม่ปาหี่กันหมดเลยเหรอ เราจะรู้ได้ไงว่าที่ชนะๆกันนั้น เก่งกันจริง ผมเริ่มสับสนละ ผมดูมวยเพื่ออยากดูคนที่เก่งๆมาสู้กันแล้วใครชนะก็เป็นแชมป์หรือเข้ารอบต่อไป คนอ่อนกว่าก็ตกรอบไป อะไรทำนองนี้ ไม่ใช่ธุรกิจที่ล็อคผลกันหน้าด้านๆแบบนี้ เพื่อธุรกิจต่างๆนาๆ

แล้วพวกมวยรายการระดับโลกอย่าง MMA(UFC) , มวยสากลอาชีพระดับโลกต่างๆ นี่มันมีแบบนี้ด้วยรึเปล่า? (ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าจะมี)

คือถ้าเราอยากจะก้าวสู่ระดับโลกให้มากกว่านี้จริงๆ ควรตัดคำว่าธุรกิจ(โดยการล็อคผล)ออกไปนะครับ

เน้นคำว่าล็อคผล และรายการใหญ่ๆ นะครับ ผมเข้าใจว่าสำหรับรายการระดับเล็กๆ ย่อมมีล็อคผลบ้างธรรมดา หรือนักมวยมีชื่อเสียงอย่างไฟท์บัวขาวกับอี้หลงนั้นมาต่อยกันก็เป็นธุรกิจดีลใหญ่อย่างนึง แต่จากที่ดู พอประกาศผลปุ้บชูรูปพ่อหลวงแล้วลงเวทีไปเลย ไม่เหมือนไฟท์แรก ซึ่งบัวขาวก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร คหสต.นะครับเหมือนยอมรับว่ารู้อยู่แล้ว ซึ่ง ถ้า เป็นแบบนั้นจริงก็ต้องมีคำว่าธุรกิจมาเกี่ยวข้องแน่นอน และการทำแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะมันคือธุรกิจ แต่สำหรับแฟนมวย สาวกบัวขาวอย่างผม ก็เสียความรู้สึกและผิดหวังอย่างสุดๆๆๆครับ ถ้ามีการตกลงกันอยู่แล้วจริง

แค่นี้หล่ะครับ แค่ระบาย แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคอมวยพี่ๆน้องๆทั้งหลายในนี้คิดยังไงกันกับสิ่งที่ผมคิด ผมอยากรู้ว่าผมคิดถูกหรือไม่ว่าการล็อคผลไม่ใช่เรื่องปกติ หรือว่าผมคิดผิดมาตลอด ว่าถ้าชกรายการใหญ่ๆ หรือนักมวยมีชื่อเสียงโด่งดังพอตัวมาชกเพื่อวัดกับอีกคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกันว่าใครจะเก่งกว่า แล้วจะไม่มีการล็อคผล จะไม่มีธุรกิจมาเกี่ยวข้อง



น่าเกลียดมาก ชนะเอกฉันท์แบบ 3-0 เนี่ย
หรือว่าผมคิดมากไปครับ