ภรรยาชาวนาผูกคอตาย โต้ ไก่อู สามีทั้งชีวิตมีอาชีพทำนา เป็นช่างแอร์ แค่อาชีพเสริมเลิกมานานแล้ว สาเหตุการตายเพราะเครียด กลัวขายข้าวไม่พอใช้หนี้ เนื่องจากราคาข้าวตกต่ำ พี่สาวผู้ตายเผย ขอให้เป็นชาวนารายสุดท้ายที่ผูกคอตาย หน่วยงานราชการเข้าช่วยเหลือครอบครัวชาวนาผูกคอตายเบื้องต้นแล้ว
จากกรณีที่นายศุภกิจ ปั้นแปลก อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวนา หมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก ผูกคอตายใต้ต้นฉำฉา กลางทุ่งนาของตัวเอง สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องหนี้สินรุงรังมานานหลายปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวคืบหน้า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พิจิตร ว่า นางอรนุช ชัยชาญ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย น.ส.กมลวรรณ กำแหง หัวหน้าศูนย์บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตร ได้เดินทางไปที่วัดวังสำโรง หมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวของนายศุภกิจ ปั้นแปลก เกษตรกรชาวนาอำเภอบางมูลนาก ที่ผูกคอตายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทางพัฒนาสังคมฯได้ช่วยเหลือเงินจำนวน 5 พันบาท และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตรช่วยเหลือเป็นเงินสดจำนวน 1 พันบาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับครอบครัวของนายศุภกิจ เนื่องจากมีลูกถึง 4 คน ที่ต้องรับภาระเลี้ยงดู
นางอุบล ปั้นแปลก ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าหมดเปลือกว่า อยู่กินกับนายศุภกิจมานานกว่า 20 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน อีก 2 คน เป็นลูกติดจากภรรยาเก่าของนายศุภกิจ ครอบครัวมีรายได้จากการทำนาเป็นหลัก ที่ผ่านมา สามีเคยเป็นช่างไฟฟ้าและช่างแอร์ ซึ่งเป็นเพียงงานอดิเรก เป็นอาชีพเสริมเท่านั้น งานหลักจริงๆ ของครอบครัวนั้นทำนามาโดยตลอดทั้งชีวิต
นางอุบลเผยอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองและสามีทำนาทั้งหมด 90 ไร่ ที่นาจริงๆ เป็นของนายระทม พ่อสามี ซึ่งมีที่นาเป็นของตัวเองทั้งหมด 55 ไร่ เช่านาทำอีก 35 ไร่ รวมแล้ว 90 ไร่ ที่ผ่านมาครอบครัวเราจ้างเขาทำนาบ้าง ทำเองบ้าง ส่วนเงินก็กู้จากสหกรณ์การเกษตรอำเภอบางมูลนาก มาลงทุนในการทำนาประมาณ 8 แสนกว่าบาท รวมดอกและต้นก็ตกประมาณเกือบล้านบาท
นางอุบลเผยอีกว่า ปัญหาเรื่องหนี้สิน เท่าที่ทราบ สามีได้ให้พ่อไปจำนองที่ดิน 2 โฉนด 17 ไร่ กับ 24 ไร่ รวม 54 ไร่ กับสหกรณ์ฯบางมูลนาก ซึ่งในปีนี้ก็ครบกำหนดที่จะต้องชำระเงินให้กับทางสหกรณ์การเกษตร นอกจากนี้ยังมีหนี้สินกับเงินกองทุนหมู่บ้านอีก 5 หมื่นบาท ปัญหาเรื่องหนี้สินเป็นปัญหาหลักของครอบครัว พอรู้ว่าราคาข้าวตกต่ำ สามีได้พูดว่า ตอนนี้หนี้สินของเราเยอะนะ เราจะอยู่กันอย่างไร เงินค่าข้าวปีนี้ตกต่ำ เราจะทำอย่างไรดีกับปัญหาหนี้สิน ซึ่งตนเองก็ให้กำลังใจว่าให้สู้กันต่อไป ที่ผ่านมาสามีตนเองเป็นคนร่าเริง ชอบช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน หลังจากนี้ก็ต้องอยู่ดูแลลูกต่อไป ที่กังวลที่สุดคือปัญหาเรื่องหนี้สิน
นางอุบลกล่าวเสริมอีกว่า ที่มีข่าวออกมาว่าสามีตนเป็นช่างแอร์ ไม่ได้เป็นชาวนานั้น ถามจริงๆ ไปเอาข่าวมาจากไหน สามีเคยทำแอร์จริง แต่เลิกทำนานแล้ว เคยลงมาดูชาวนาบ้างหรือเปล่าว่าเขาอยู่กันอย่างไร ให้มาถามคนที่วังสำโรงดูว่าสามีตนทำนาหรือเปล่า อย่าไปพูดแบบนั้น เพราะไม่เป็นความจริง
นายราชัน เขียวงาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เผยว่า ครอบครัวของนายศุภกิจนั้น จริงๆ แล้วทำนาเป็นอาชีพหลัก ที่ข่าวลงว่าเป็นช่างแอร์นั้น อดีตนายศุภกิจเคยเป็นช่างแอร์จริง แต่เลิกมานานแล้ว และทำนามาโดยตลอด คนที่วังสำโรงเขารู้กันทั้งนั้น ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องหนี้สินของนายศุภกิจ เท่าที่ทราบคือหนี้จากสหกรณ์การเกษตร 8 แสนแล้ว รวมดอกและต้นก็ตกเกือบล้าน พอรู้ว่าปีนี้ข้าวตกเกวียนละไม่ถึง 6 พันบาท ก็เกิดความเครียด แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะช่วยเหลือเพิ่มมาอีก 800 ก็ตาม
http://www.matichon.co.th/news/348840
<<< ภรรยาชาวนาผูกคอตาย โต้ ไก่อู สามีทั้งชีวิตมีอาชีพทำนา >>>
จากกรณีที่นายศุภกิจ ปั้นแปลก อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวนา หมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก ผูกคอตายใต้ต้นฉำฉา กลางทุ่งนาของตัวเอง สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องหนี้สินรุงรังมานานหลายปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวคืบหน้า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พิจิตร ว่า นางอรนุช ชัยชาญ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย น.ส.กมลวรรณ กำแหง หัวหน้าศูนย์บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตร ได้เดินทางไปที่วัดวังสำโรง หมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวของนายศุภกิจ ปั้นแปลก เกษตรกรชาวนาอำเภอบางมูลนาก ที่ผูกคอตายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทางพัฒนาสังคมฯได้ช่วยเหลือเงินจำนวน 5 พันบาท และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตรช่วยเหลือเป็นเงินสดจำนวน 1 พันบาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับครอบครัวของนายศุภกิจ เนื่องจากมีลูกถึง 4 คน ที่ต้องรับภาระเลี้ยงดู
นางอุบล ปั้นแปลก ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าหมดเปลือกว่า อยู่กินกับนายศุภกิจมานานกว่า 20 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน อีก 2 คน เป็นลูกติดจากภรรยาเก่าของนายศุภกิจ ครอบครัวมีรายได้จากการทำนาเป็นหลัก ที่ผ่านมา สามีเคยเป็นช่างไฟฟ้าและช่างแอร์ ซึ่งเป็นเพียงงานอดิเรก เป็นอาชีพเสริมเท่านั้น งานหลักจริงๆ ของครอบครัวนั้นทำนามาโดยตลอดทั้งชีวิต
นางอุบลเผยอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองและสามีทำนาทั้งหมด 90 ไร่ ที่นาจริงๆ เป็นของนายระทม พ่อสามี ซึ่งมีที่นาเป็นของตัวเองทั้งหมด 55 ไร่ เช่านาทำอีก 35 ไร่ รวมแล้ว 90 ไร่ ที่ผ่านมาครอบครัวเราจ้างเขาทำนาบ้าง ทำเองบ้าง ส่วนเงินก็กู้จากสหกรณ์การเกษตรอำเภอบางมูลนาก มาลงทุนในการทำนาประมาณ 8 แสนกว่าบาท รวมดอกและต้นก็ตกประมาณเกือบล้านบาท
นางอุบลเผยอีกว่า ปัญหาเรื่องหนี้สิน เท่าที่ทราบ สามีได้ให้พ่อไปจำนองที่ดิน 2 โฉนด 17 ไร่ กับ 24 ไร่ รวม 54 ไร่ กับสหกรณ์ฯบางมูลนาก ซึ่งในปีนี้ก็ครบกำหนดที่จะต้องชำระเงินให้กับทางสหกรณ์การเกษตร นอกจากนี้ยังมีหนี้สินกับเงินกองทุนหมู่บ้านอีก 5 หมื่นบาท ปัญหาเรื่องหนี้สินเป็นปัญหาหลักของครอบครัว พอรู้ว่าราคาข้าวตกต่ำ สามีได้พูดว่า ตอนนี้หนี้สินของเราเยอะนะ เราจะอยู่กันอย่างไร เงินค่าข้าวปีนี้ตกต่ำ เราจะทำอย่างไรดีกับปัญหาหนี้สิน ซึ่งตนเองก็ให้กำลังใจว่าให้สู้กันต่อไป ที่ผ่านมาสามีตนเองเป็นคนร่าเริง ชอบช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน หลังจากนี้ก็ต้องอยู่ดูแลลูกต่อไป ที่กังวลที่สุดคือปัญหาเรื่องหนี้สิน
นางอุบลกล่าวเสริมอีกว่า ที่มีข่าวออกมาว่าสามีตนเป็นช่างแอร์ ไม่ได้เป็นชาวนานั้น ถามจริงๆ ไปเอาข่าวมาจากไหน สามีเคยทำแอร์จริง แต่เลิกทำนานแล้ว เคยลงมาดูชาวนาบ้างหรือเปล่าว่าเขาอยู่กันอย่างไร ให้มาถามคนที่วังสำโรงดูว่าสามีตนทำนาหรือเปล่า อย่าไปพูดแบบนั้น เพราะไม่เป็นความจริง
นายราชัน เขียวงาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เผยว่า ครอบครัวของนายศุภกิจนั้น จริงๆ แล้วทำนาเป็นอาชีพหลัก ที่ข่าวลงว่าเป็นช่างแอร์นั้น อดีตนายศุภกิจเคยเป็นช่างแอร์จริง แต่เลิกมานานแล้ว และทำนามาโดยตลอด คนที่วังสำโรงเขารู้กันทั้งนั้น ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องหนี้สินของนายศุภกิจ เท่าที่ทราบคือหนี้จากสหกรณ์การเกษตร 8 แสนแล้ว รวมดอกและต้นก็ตกเกือบล้าน พอรู้ว่าปีนี้ข้าวตกเกวียนละไม่ถึง 6 พันบาท ก็เกิดความเครียด แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะช่วยเหลือเพิ่มมาอีก 800 ก็ตาม
http://www.matichon.co.th/news/348840