ไอ้บ่าว ไอ้บ่าว.. เสียงหลัมเรียกพ้มมาแต่ไกล
น้ามานั่งรอตั้งแต่หัวเช้าแหล้ว ไปไหนมา หลัมถามพ้มแบบรัว ๆ ไม่ให้พ้มได้ทันตั้งตัว ซื้อหนังสือพิมพ์มาหม้าย
อ่านออกอือ ถึงได้ถามหาหนังสือพิมพ์ สะหม้อที่เดินออกมาจากในครัว พร้อมกาน้ำร้อน ร้องแซวเพื่อนหลัม
ถึงกูอ่านไม่ออกแต่อ่านออกกูถามหาอีเอาไปให้อ่านให้ฟัง สะหม้อ หน้าสลดลงเล็กน้อย เพราะตัวเองก็อ่านภาษาไทยไม่แข็งแรง
เหมือนกัน
น้าสองคนอยากรูเรื่องไหร พ้มถามกลับไปก่อนที่สองน้าจะทะเลาะกันไปใหญ่
น้าไปน้าวัดมาแรกเช้า ได้ข่าวว่า เทพไทถูกตัดสินทางการเมืองแหล้วอือ.. หลัมพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียงรัว ๆ ด้วยเป็นกองขาเชียร์เทพไท อยู่กัน
ยังไม่ถูกตัดสิน แค่อัยการสั่งฟ้อง พ้มบอก
กูว่ามันไม่น่าอีรอด แจ็กจ้อง สอดขึ้นมา กูได้ยินครู แแหลงที่ร้านค้าแรกเดียว
พันปรือจึงไม่รอด หลัมถามกลับ
จำเรื่อง ไอ้แขล็กเก็บจอ ที่ชอบยกมาเล่าให้พวกกูสองคนฟังประจำ ล่าสุดกะเรื่องจตุพร ยังยกเรื่องของไอ้แขล็กมาเปรียบเทียบ ให้กูสองคน
ได้คิดเหลย ทำใจได้เหลยเพื่อนเอ๋ย...เจ็กจ้องยกไม้ยกมือทำท่าปลอบเพื่อน
ทำไหรไอ้สะหม้อ เอาดินมาถมทำไหร
แผ่นดินจะได้สูงขึ้น...สะหม้อตอบยิ้ม ๆ แต่เดินหนีจากวงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวหลัมทุบเอาด้วยด้ามจอบ..
........................
อาจสิ้นยุค “เสนพงศ์” ที่นครฯ! อัยการฟ้องอาญาต่อจากคดีเลือกตั้งนายก อบจ.กราวรูดไม่เว้น “เทพไท-มาโนช”
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000110411
...........................................................
เรื่อง ไอ้แขร็กเก็บจอ เป็นเรื่องราวของคนฉายหนังเร่ หรือฉายหนังกลางแปลง
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ไอ้บ่าวเอียดๆ มากหว่า ๓๐ ปี แหล้ว ตอนฮั้นมีการฉายหนังกลางแปลงที่หน้าวัด
ซึ่งหนังสมัยนั้นหากเป็นหนังจีน ยังไม่มีเสียงในฟิล์ม คนฉายหนังจะต้องมีคนพากย์หนังพากย์ กันสด ๆ หน้ากล้องฉายหนังนั้นแหละ
เรื่องการพากย์หนังนี้แหละที่เป็นที่มาของเรื่องราว “ไอ้แขร็กเก็บจอ” เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
ครั้งหนึ่งของการฉายหนัง ผู้พากย์หนังและหนังที่ฉายอยู่บนจอ ช่วงแรก ๆ หรือการเริ่มต้นนั้นก็จะขยับปากพูด ขยับแขน เสียงฟันดาบ
ก็จะพร้อมเพรียงกันตามการนัดหมาย แต่เมื่อการฉายหนังเดินทางเข้ามาสู่ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม และ กรอปกับ เวลาก็ดึกเข้าไปทุกขณะ
ซึ่งคนพากย์หนังอาจกินเหล้าเข้าไปกัน ที่นี้ ปากนากเอกปากพระเอกขยับก่อนเสียงพากย์ผ่านลำโพง เสียงมีดบิน เสียงดาบ เริ่มมั่ว
หว่างอีดังมาโหม่โจรกะตายไปเหม็ดแหล้ว ยิ่งช่วงคนร้ายฉีกเสื้อนางเอกขาด บางทีมากับพร้อม ๆ กับหนังขาด พอดี อารมณ์คนแลตอนนั้นไม่ต้องพูดถึง สะหม้อเห้อ..
พอต่อหนังใหม่เสร็จสรรพ หนังเร่ิมฉายใหม่ อ้าว! ฉากนางเอกถูกปล้ำหายไปแหล้ว เมื่อมาเริ่มบทพากย์ใหม่ต่อโพยพากย์ใหม่
คนพากย์ลืมตัดบทหนังที่ต้องพากย์ช่วงหนังขาดนั้นออกไปเมื่อหนังเริ่มฉายก็พากย์ต่อบทเดิมทันที แต่ก็อาศัยความชำนาญทางวาจา
พลิ้วแซวคนมาแลหนังฉาย พอได้เสียงเฮ พาผ่านไปได้อย่างฉิวเฉียด หนทางการดูหนังหลังจากหนังขาดครานั้นก็ดูจะราบรื่นไปได้ดี
ผู้ชมที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ฟังเสียงลีลาการพากย์หนังแล้วชักจะติดใจทยอยเสียเงินค่าตูก้าวขาผ่านประตูผ้าใบเข้ามา
กันเกือบหมดแล้ว ยังจะมีก็เด็กวัดบางคนที่ไม่กล้าเข้า เพราะกลัวสมภารเอ็ดหรือลงหวายเอา แต่สวนใหญ่จะเป็นขาแลฟรีมากหวา
จนได้รับสันญานให้เลิกเก็บตู เด็กเก็บประตู ปลดผ้ากั้นวิก เมื่อนั้นทั้งเด็กวัดและแม่ค้า และขี้เมา ต่างก็รีบวิ่ง กรูเข้าไป จับจองเป็นเจ้าของที่นั่งและนอน
"ขี้เมาหลับหน้าวิกรอเมียปลุกเลับบ้าน"
กันหม้ายตอนนั้น สะหม้อแทรก ถามหลัมขึ้นมา..
อีฟังต่อหม้าย สะหม้อขึ้นเสียงสูงที่ถูกขัดคอ..
ฟัง....ฟัง... แหล่ะ
หนังฉายก็ยังฉายไปตามปรกติเสียงพากย์เพลงดาบพลิ้วจนได้อารมณ์ เสียงนางเอกถูกปล้ำ ร้องอย่า ๆ มันช่างได้อารมณ์คนแลเหลือเกิด
เสียงนางโลมยั่วพระเอกก็ซีดซาด อย่างได้อารมณ์ พระเดชพระคุณท่าน..หนังกำลังมัน สะหม้อ เห้อ..
แคว็กๆๆ ซึ่งเป็นเสียงหนังขาดยาวๆ ดังขึ้น พร้อม ๆ กับภาพบนจอหนังหายไป แสงสปอร์ตไลน์ ถูกเปิดให้แสงสว่างทันทีอย่างรู้งาน
เพราะเจ้าของหนังกลัวถูกมือดีโยนลูกแมวใส่จอหนัง
ตอนช่วงนี้แหละสะหม้อเห้อหนุกกันใหญ่ เด็กบ่าว ๆ สาว ๆ ที่นัดกันมาแลหนังนั่งเป็นคู่ ๆ บางคู่กอดกันกลมช่วงหนังฉาย พอหนังขาด แยกจากกัน
ไม่ทัน ได้บัดสีกันทั้งหมู่บ้าน วันนั้นทั้งตัด ทั้งตอ กันอยู่พักเติบ..
หลังจากนั้นเสียงโห่ เสียงด่าแบบขุดพ่อ ขุดแม่มาเล่น กะตามมาอย่างขนานใหญ่ด้วยคนแลหนังทั้งขาใหญ่ดูฟรี ขาประจำและขาจร
รวมถึงคนดูฟรีหลังเลิกวิก พร้อมใจกันโห่อย่างสาดเสียเทเสียที่ทำให้อารมณ์ค้าง บางก็บ่นว่าทำไมขาดช่วงนี้วะ
ความโกลาหนกำลังเข้ามา เพราะถ้าหนังเลิกฉาย กลางดึกกลับบ้านกันลำบาก บางคนไม่ได้เตรียมเกียงมา
เสียงประกาศผ่านลำโพงงอนที่คืนนี้ยังไม่โดนลักตูด ออกมาดัง ๆ ว่า “ไอ้แขร็กเก็บจอ” เจ้าของหนังเร่ประกาศอย่างองอาจทุกอย่างพบรับผิดชอบเอง..
(คนปักจอหนัง มีชือเล่นว่า "แขร็ก" มีที่มาของชื่อคือเป็นคนขี้โรคสมัยเด็ก ๆ ผอมบาง เป็นชื่อเรียกเฉพาะบุคลคลตามบุคลิค การเรียกเก็บจอหนังหมายถึงเลิกฉายหนัง)
คราวนี้เสียงโห่ยิ่งดังหนักเข้าไปเหลย เพราะเหมือนกันการเอาเปรียบกันซึ่ง ๆ หน้า จนคนใหญ่คนโตต้องออกมาเจรจาพร้อมประกาศปากเปล่า
(ตูดลำโพงถูกลักเสียแล้ว) ว่า งานวัดปีนี้จะมาฉายให้ดูฟรี ๒ เรื่องควบ
เสียงโห่จึงได้เงียบและแยกย้ายกันกับบ้าน..
...................................................................
เพื่อนซี้ อภิสิทธื์ เทพไท เสนพงษ์ โดนดีที่นคร อัยการฟ้องอาญาต่อเนื่องจากคดีเลือกตั้งนายก อบจ. ที่น้องชายโดนสอย
น้ามานั่งรอตั้งแต่หัวเช้าแหล้ว ไปไหนมา หลัมถามพ้มแบบรัว ๆ ไม่ให้พ้มได้ทันตั้งตัว ซื้อหนังสือพิมพ์มาหม้าย
อ่านออกอือ ถึงได้ถามหาหนังสือพิมพ์ สะหม้อที่เดินออกมาจากในครัว พร้อมกาน้ำร้อน ร้องแซวเพื่อนหลัม
ถึงกูอ่านไม่ออกแต่อ่านออกกูถามหาอีเอาไปให้อ่านให้ฟัง สะหม้อ หน้าสลดลงเล็กน้อย เพราะตัวเองก็อ่านภาษาไทยไม่แข็งแรง
เหมือนกัน
น้าสองคนอยากรูเรื่องไหร พ้มถามกลับไปก่อนที่สองน้าจะทะเลาะกันไปใหญ่
น้าไปน้าวัดมาแรกเช้า ได้ข่าวว่า เทพไทถูกตัดสินทางการเมืองแหล้วอือ.. หลัมพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียงรัว ๆ ด้วยเป็นกองขาเชียร์เทพไท อยู่กัน
ยังไม่ถูกตัดสิน แค่อัยการสั่งฟ้อง พ้มบอก
กูว่ามันไม่น่าอีรอด แจ็กจ้อง สอดขึ้นมา กูได้ยินครู แแหลงที่ร้านค้าแรกเดียว
พันปรือจึงไม่รอด หลัมถามกลับ
จำเรื่อง ไอ้แขล็กเก็บจอ ที่ชอบยกมาเล่าให้พวกกูสองคนฟังประจำ ล่าสุดกะเรื่องจตุพร ยังยกเรื่องของไอ้แขล็กมาเปรียบเทียบ ให้กูสองคน
ได้คิดเหลย ทำใจได้เหลยเพื่อนเอ๋ย...เจ็กจ้องยกไม้ยกมือทำท่าปลอบเพื่อน
ทำไหรไอ้สะหม้อ เอาดินมาถมทำไหร
แผ่นดินจะได้สูงขึ้น...สะหม้อตอบยิ้ม ๆ แต่เดินหนีจากวงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวหลัมทุบเอาด้วยด้ามจอบ..
........................
อาจสิ้นยุค “เสนพงศ์” ที่นครฯ! อัยการฟ้องอาญาต่อจากคดีเลือกตั้งนายก อบจ.กราวรูดไม่เว้น “เทพไท-มาโนช”
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000110411
...........................................................
เรื่อง ไอ้แขร็กเก็บจอ เป็นเรื่องราวของคนฉายหนังเร่ หรือฉายหนังกลางแปลง
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ไอ้บ่าวเอียดๆ มากหว่า ๓๐ ปี แหล้ว ตอนฮั้นมีการฉายหนังกลางแปลงที่หน้าวัด
ซึ่งหนังสมัยนั้นหากเป็นหนังจีน ยังไม่มีเสียงในฟิล์ม คนฉายหนังจะต้องมีคนพากย์หนังพากย์ กันสด ๆ หน้ากล้องฉายหนังนั้นแหละ
เรื่องการพากย์หนังนี้แหละที่เป็นที่มาของเรื่องราว “ไอ้แขร็กเก็บจอ” เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
ครั้งหนึ่งของการฉายหนัง ผู้พากย์หนังและหนังที่ฉายอยู่บนจอ ช่วงแรก ๆ หรือการเริ่มต้นนั้นก็จะขยับปากพูด ขยับแขน เสียงฟันดาบ
ก็จะพร้อมเพรียงกันตามการนัดหมาย แต่เมื่อการฉายหนังเดินทางเข้ามาสู่ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม และ กรอปกับ เวลาก็ดึกเข้าไปทุกขณะ
ซึ่งคนพากย์หนังอาจกินเหล้าเข้าไปกัน ที่นี้ ปากนากเอกปากพระเอกขยับก่อนเสียงพากย์ผ่านลำโพง เสียงมีดบิน เสียงดาบ เริ่มมั่ว
หว่างอีดังมาโหม่โจรกะตายไปเหม็ดแหล้ว ยิ่งช่วงคนร้ายฉีกเสื้อนางเอกขาด บางทีมากับพร้อม ๆ กับหนังขาด พอดี อารมณ์คนแลตอนนั้นไม่ต้องพูดถึง สะหม้อเห้อ..
พอต่อหนังใหม่เสร็จสรรพ หนังเร่ิมฉายใหม่ อ้าว! ฉากนางเอกถูกปล้ำหายไปแหล้ว เมื่อมาเริ่มบทพากย์ใหม่ต่อโพยพากย์ใหม่
คนพากย์ลืมตัดบทหนังที่ต้องพากย์ช่วงหนังขาดนั้นออกไปเมื่อหนังเริ่มฉายก็พากย์ต่อบทเดิมทันที แต่ก็อาศัยความชำนาญทางวาจา
พลิ้วแซวคนมาแลหนังฉาย พอได้เสียงเฮ พาผ่านไปได้อย่างฉิวเฉียด หนทางการดูหนังหลังจากหนังขาดครานั้นก็ดูจะราบรื่นไปได้ดี
ผู้ชมที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ฟังเสียงลีลาการพากย์หนังแล้วชักจะติดใจทยอยเสียเงินค่าตูก้าวขาผ่านประตูผ้าใบเข้ามา
กันเกือบหมดแล้ว ยังจะมีก็เด็กวัดบางคนที่ไม่กล้าเข้า เพราะกลัวสมภารเอ็ดหรือลงหวายเอา แต่สวนใหญ่จะเป็นขาแลฟรีมากหวา
จนได้รับสันญานให้เลิกเก็บตู เด็กเก็บประตู ปลดผ้ากั้นวิก เมื่อนั้นทั้งเด็กวัดและแม่ค้า และขี้เมา ต่างก็รีบวิ่ง กรูเข้าไป จับจองเป็นเจ้าของที่นั่งและนอน
"ขี้เมาหลับหน้าวิกรอเมียปลุกเลับบ้าน"
กันหม้ายตอนนั้น สะหม้อแทรก ถามหลัมขึ้นมา..
อีฟังต่อหม้าย สะหม้อขึ้นเสียงสูงที่ถูกขัดคอ..
ฟัง....ฟัง... แหล่ะ
หนังฉายก็ยังฉายไปตามปรกติเสียงพากย์เพลงดาบพลิ้วจนได้อารมณ์ เสียงนางเอกถูกปล้ำ ร้องอย่า ๆ มันช่างได้อารมณ์คนแลเหลือเกิด
เสียงนางโลมยั่วพระเอกก็ซีดซาด อย่างได้อารมณ์ พระเดชพระคุณท่าน..หนังกำลังมัน สะหม้อ เห้อ..
แคว็กๆๆ ซึ่งเป็นเสียงหนังขาดยาวๆ ดังขึ้น พร้อม ๆ กับภาพบนจอหนังหายไป แสงสปอร์ตไลน์ ถูกเปิดให้แสงสว่างทันทีอย่างรู้งาน
เพราะเจ้าของหนังกลัวถูกมือดีโยนลูกแมวใส่จอหนัง
ตอนช่วงนี้แหละสะหม้อเห้อหนุกกันใหญ่ เด็กบ่าว ๆ สาว ๆ ที่นัดกันมาแลหนังนั่งเป็นคู่ ๆ บางคู่กอดกันกลมช่วงหนังฉาย พอหนังขาด แยกจากกัน
ไม่ทัน ได้บัดสีกันทั้งหมู่บ้าน วันนั้นทั้งตัด ทั้งตอ กันอยู่พักเติบ..
หลังจากนั้นเสียงโห่ เสียงด่าแบบขุดพ่อ ขุดแม่มาเล่น กะตามมาอย่างขนานใหญ่ด้วยคนแลหนังทั้งขาใหญ่ดูฟรี ขาประจำและขาจร
รวมถึงคนดูฟรีหลังเลิกวิก พร้อมใจกันโห่อย่างสาดเสียเทเสียที่ทำให้อารมณ์ค้าง บางก็บ่นว่าทำไมขาดช่วงนี้วะ
ความโกลาหนกำลังเข้ามา เพราะถ้าหนังเลิกฉาย กลางดึกกลับบ้านกันลำบาก บางคนไม่ได้เตรียมเกียงมา
เสียงประกาศผ่านลำโพงงอนที่คืนนี้ยังไม่โดนลักตูด ออกมาดัง ๆ ว่า “ไอ้แขร็กเก็บจอ” เจ้าของหนังเร่ประกาศอย่างองอาจทุกอย่างพบรับผิดชอบเอง..
(คนปักจอหนัง มีชือเล่นว่า "แขร็ก" มีที่มาของชื่อคือเป็นคนขี้โรคสมัยเด็ก ๆ ผอมบาง เป็นชื่อเรียกเฉพาะบุคลคลตามบุคลิค การเรียกเก็บจอหนังหมายถึงเลิกฉายหนัง)
คราวนี้เสียงโห่ยิ่งดังหนักเข้าไปเหลย เพราะเหมือนกันการเอาเปรียบกันซึ่ง ๆ หน้า จนคนใหญ่คนโตต้องออกมาเจรจาพร้อมประกาศปากเปล่า
(ตูดลำโพงถูกลักเสียแล้ว) ว่า งานวัดปีนี้จะมาฉายให้ดูฟรี ๒ เรื่องควบ
เสียงโห่จึงได้เงียบและแยกย้ายกันกับบ้าน..
...................................................................