สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆทุกคน
ต้องบอกก่อนว่าผมได้นั่งคิดกับตัวเองหลายครั้ง ทบทวนเรื่องที่ผ่านๆมา ผมว่าชีวิตมัธยมเป็นช่วงนึงที่มีสันมากๆ เรียนๆ เล่นๆ อยู่กับเพื่อน เป็นชีวิตง่ายๆที่มีความสุขดี แต่พอขึ้นม.6 มาแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างจะค่อยๆบีบให้เราอยู่ในกรอบแห่งความกดดัน เรื่องใหญ่ๆก็คงเรื่องจะเรียนต่อไหน จะติดไหม ชีวิตอยู่กับหนังสือ สอบๆๆๆๆๆ ผมแค่อยากจะบันทึกและแชร์ช่วงเวลานี้ไว้ เผื่อวันนึงในอนาคตได้กลับมาอ่าน จะได้มีเรื่องให้นึกถึง
เครียด
แน่นอนครับเด็กม.6 หรืออาจจะม.ปลายทั้งหมดเลยก็ได้ ต้องตกอยู่ในภาวะเครียด จนเครียด เรียนหนังสือ555555 โดยเฉพาะเรื่องมหาลัยเมื่อไรจะติดวะ อยากติดเร็วๆแล้ว ชีวิตผมนี่เห็นเพื่อนทีละคนสองคนติดโควต้า รับตรงของมหาลัยโน้นนี่นั่นยิ่งเครียด ไหนจะสอบสารพัดร้อยแปดพันเก้า ชีวิตวันๆนึงไม่เป็นอันทำอะไร ไปเรียน กลับมาอ่านหนังสือ ทำการบ้านที่กองเท่าภูเขา เตรียมสอบ และเพิ่งสอบไปสดๆร้อนๆ Gat/Pat รอบที่ 1 ไม่อยากเห็นคะแนนเลย จะร้องไห้ ไหนจะกิจกรรมใน รร ที่ต้องรับผิดชอบ ยกตัวอย่างกิจกรรมตีกันแย่งขนมปิ๊ป กีฬาสีนี่ไงจะใครล่ะ ผมในฐานะเด็กม.6ก็ต้องจัดกิจกรรมนี้ เอาล่ะใครจะไปยอมกัน เห็นสีอื่นดี เราต้องดีกว่า หลีดสีอื่นเต้นสวยเราต้องสวยกว่า แสตนด์อื่นอลัง เราต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์เข้าไว้ ไหนจะต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก ตามประสาครับ คนทำงานร่วมกันก็ย่อมมีปัญหากันบ้างพอหอมปากหอมคอ(หรออออออออ) สะสมความเครียดเพิ่มเข้าไปอีก ไม่ต้องพูดถึงเด็กกิจกรรมของ รร ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ต้องทำงานให้ รร เดี๋ยวครูคนโน้นเรียก คนนี้ให้ไปช่วยนั่น ผมนี่มึนเลยครับ
เศร้าๆ
เวลาทำไมมันเดินเร็วจังวะ เผลอแปปเดียวกลายมาเป็นเด็กโข่งโตที่สุดในโรงเรียนแล้ว ผมอยู่กับเพื่อนๆมาหกปีเต็มมันเป็นเวลาที่ไม่นานมาก แต่โคตรผูกพันกันเลยครับ เห็นหลายคนบอกว่าเพื่อนตอนมัธยมดีที่สุดแล้ว เก็บไว้ให้เยอะๆ ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆครับ การที่เราค่อยๆโตมาด้วยกัน เห็นพัฒนาการชีวิตของแต่ละคน มันยิ่งทำให้ความผูกพันของพวกเราแน่นแฟ้นกันมาก ความรู้สึกที่มอบให้กันมันเป็นของจริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเสียดายนะกับเพื่อนหลายคนที่ผิดใจกัน เลิกคบกันไปเลยก็มี เสียดายมิตรภาพที่มอบให้กัน แต่นั่นแหละครับเราเลือกไม่ได้หรอกว่าชีวิตเราในอนาคตจะมีใครยืนอยู่เคียงข้างเราต่อไปบ้าง ขอให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
ช่วงวัยรุ่นแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะมีความรักครับ ผมก็มีความรักครับ มันเป็นความรักเล็กๆที่ผมมีกับรุ่นน้องคนนึง ผมตกหลุมรักเขาเพราะรอยยิ้มนั้น พูดแล้วเขิน55555555 เขาไม่รู้หรอกครับเรื่องนี้ เราสองคนก็เป็นพี่น้องกัน เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่าความรักไม่ใช่การครอบครอง ความรักก็คือความรัก ขอแค่ได้รักแค่นี้ก็พอใจแล้ว หนึ่งปีที่ผมรู้จักกับเขา ผมไม่เสียดายเลย ถามว่าจบไปไม่เจอหน้ากัน ผมจะเลิกรู้สึกอะไรกับเขามั้ย ผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน ผมกับเขามันเหมือนมีความผูกพักค่อยๆก่อขึ้นมา ยิ่งคิดว่าเหลืออีกไม่กี่เดือน เราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วนะ ยิ่งใจหาย ผมเคยขอเขาไว้ว่าเราจะคงความสัมพันธ์ในฐานะคนรู้จักกันแบบนี้ไปตลอดนะ อีก10ปีถ้าเดินสวนกัน ขอให้เรายังยิ้มทักทายกัน พูดคุยกันเหมือนเดิม เหมือนที่มันเป็นอยู่ตอนนี้
สุข
มาเจออะไรดีๆกันบ้างครับ ม.6ก็มีข้อดีนะครับ การที่เวลาเราเหลือน้อยลงไปทุกทีในชีวิตมอปลาย มันเป็นส่วนนึงที่ส่งให้เราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนๆ เราพูดคุยกันมากขึ้น (ปกติก็คุยกันมากจนครูบ่นแล้ว55555) เล่นด้วยกัน หัวเราะกัน ทุกคนรู้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันอีกไม่นาน ก่อนจะต้องแยกย้ายกันไป ผมสัมผัสได้ว่าเพื่อนๆทุกคนคิดเหมือนกัน คือพยายามเก็บความสุขช่วงนี้ไว้ให้มากที่สุด และผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับรุ่นน้องๆที่เราคุ้นเคย ผมจะพยายามจดจำความรู้สึกช่วงนี้ไปให้มากที่สุด เพราะมันคือช่วงชีวิตที่ดีมากสำหรับผมเลย
อีกอย่างนึงก็คือม.6 ทำให้ผมรักโรงเรียนมากขึ้น โรงเรียนก็เหมือนบ้านอีกหลังของผม เราใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนมากพอสมควรเลยในแต่ละวัน ผูกพันกับที่นี่
เติบโตมากับที่นี่ เห้ออ โรงเรียนจ๋าอย่าลืมกันนะ จำไว้นะว่าเคยมีนักเรียนหล่อๆคนนึงเรียนที่นี่5555555
ผมหวังว่าทุกคนที่อ่านกระทู้นี้แล้วจะได้หวนนึกไปตอนตัวเองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้บ้าง น้องๆที่ยังไม่ขึ้นม.6ก็ขอให้ใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด ถ้าเราผ่านมันไปแล้ว มันไม่มีวันจะหวนกลับมาอีก ส่วนเพื่อนๆม.6ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ และถ้ามีโอกาสผมก็อยากอ่านชีวิตของเพื่อนๆ หรือพี่ๆคนอื่นๆบ้าง มาแชร์กันนะครับ
เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่แทนความรู้สึกหลายอย่างได้ดีครับ
แชร์ความรู้สึกชีวิตของเด็กม.6 อีกไม่กี่เดือนก่อนเรียนจบ
ต้องบอกก่อนว่าผมได้นั่งคิดกับตัวเองหลายครั้ง ทบทวนเรื่องที่ผ่านๆมา ผมว่าชีวิตมัธยมเป็นช่วงนึงที่มีสันมากๆ เรียนๆ เล่นๆ อยู่กับเพื่อน เป็นชีวิตง่ายๆที่มีความสุขดี แต่พอขึ้นม.6 มาแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างจะค่อยๆบีบให้เราอยู่ในกรอบแห่งความกดดัน เรื่องใหญ่ๆก็คงเรื่องจะเรียนต่อไหน จะติดไหม ชีวิตอยู่กับหนังสือ สอบๆๆๆๆๆ ผมแค่อยากจะบันทึกและแชร์ช่วงเวลานี้ไว้ เผื่อวันนึงในอนาคตได้กลับมาอ่าน จะได้มีเรื่องให้นึกถึง
เครียด
แน่นอนครับเด็กม.6 หรืออาจจะม.ปลายทั้งหมดเลยก็ได้ ต้องตกอยู่ในภาวะเครียด จนเครียด เรียนหนังสือ555555 โดยเฉพาะเรื่องมหาลัยเมื่อไรจะติดวะ อยากติดเร็วๆแล้ว ชีวิตผมนี่เห็นเพื่อนทีละคนสองคนติดโควต้า รับตรงของมหาลัยโน้นนี่นั่นยิ่งเครียด ไหนจะสอบสารพัดร้อยแปดพันเก้า ชีวิตวันๆนึงไม่เป็นอันทำอะไร ไปเรียน กลับมาอ่านหนังสือ ทำการบ้านที่กองเท่าภูเขา เตรียมสอบ และเพิ่งสอบไปสดๆร้อนๆ Gat/Pat รอบที่ 1 ไม่อยากเห็นคะแนนเลย จะร้องไห้ ไหนจะกิจกรรมใน รร ที่ต้องรับผิดชอบ ยกตัวอย่างกิจกรรมตีกันแย่งขนมปิ๊ป กีฬาสีนี่ไงจะใครล่ะ ผมในฐานะเด็กม.6ก็ต้องจัดกิจกรรมนี้ เอาล่ะใครจะไปยอมกัน เห็นสีอื่นดี เราต้องดีกว่า หลีดสีอื่นเต้นสวยเราต้องสวยกว่า แสตนด์อื่นอลัง เราต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์เข้าไว้ ไหนจะต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก ตามประสาครับ คนทำงานร่วมกันก็ย่อมมีปัญหากันบ้างพอหอมปากหอมคอ(หรออออออออ) สะสมความเครียดเพิ่มเข้าไปอีก ไม่ต้องพูดถึงเด็กกิจกรรมของ รร ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ต้องทำงานให้ รร เดี๋ยวครูคนโน้นเรียก คนนี้ให้ไปช่วยนั่น ผมนี่มึนเลยครับ
เศร้าๆ
เวลาทำไมมันเดินเร็วจังวะ เผลอแปปเดียวกลายมาเป็นเด็กโข่งโตที่สุดในโรงเรียนแล้ว ผมอยู่กับเพื่อนๆมาหกปีเต็มมันเป็นเวลาที่ไม่นานมาก แต่โคตรผูกพันกันเลยครับ เห็นหลายคนบอกว่าเพื่อนตอนมัธยมดีที่สุดแล้ว เก็บไว้ให้เยอะๆ ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆครับ การที่เราค่อยๆโตมาด้วยกัน เห็นพัฒนาการชีวิตของแต่ละคน มันยิ่งทำให้ความผูกพันของพวกเราแน่นแฟ้นกันมาก ความรู้สึกที่มอบให้กันมันเป็นของจริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเสียดายนะกับเพื่อนหลายคนที่ผิดใจกัน เลิกคบกันไปเลยก็มี เสียดายมิตรภาพที่มอบให้กัน แต่นั่นแหละครับเราเลือกไม่ได้หรอกว่าชีวิตเราในอนาคตจะมีใครยืนอยู่เคียงข้างเราต่อไปบ้าง ขอให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
ช่วงวัยรุ่นแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะมีความรักครับ ผมก็มีความรักครับ มันเป็นความรักเล็กๆที่ผมมีกับรุ่นน้องคนนึง ผมตกหลุมรักเขาเพราะรอยยิ้มนั้น พูดแล้วเขิน55555555 เขาไม่รู้หรอกครับเรื่องนี้ เราสองคนก็เป็นพี่น้องกัน เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่าความรักไม่ใช่การครอบครอง ความรักก็คือความรัก ขอแค่ได้รักแค่นี้ก็พอใจแล้ว หนึ่งปีที่ผมรู้จักกับเขา ผมไม่เสียดายเลย ถามว่าจบไปไม่เจอหน้ากัน ผมจะเลิกรู้สึกอะไรกับเขามั้ย ผมก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน ผมกับเขามันเหมือนมีความผูกพักค่อยๆก่อขึ้นมา ยิ่งคิดว่าเหลืออีกไม่กี่เดือน เราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วนะ ยิ่งใจหาย ผมเคยขอเขาไว้ว่าเราจะคงความสัมพันธ์ในฐานะคนรู้จักกันแบบนี้ไปตลอดนะ อีก10ปีถ้าเดินสวนกัน ขอให้เรายังยิ้มทักทายกัน พูดคุยกันเหมือนเดิม เหมือนที่มันเป็นอยู่ตอนนี้
สุข
มาเจออะไรดีๆกันบ้างครับ ม.6ก็มีข้อดีนะครับ การที่เวลาเราเหลือน้อยลงไปทุกทีในชีวิตมอปลาย มันเป็นส่วนนึงที่ส่งให้เราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนๆ เราพูดคุยกันมากขึ้น (ปกติก็คุยกันมากจนครูบ่นแล้ว55555) เล่นด้วยกัน หัวเราะกัน ทุกคนรู้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันอีกไม่นาน ก่อนจะต้องแยกย้ายกันไป ผมสัมผัสได้ว่าเพื่อนๆทุกคนคิดเหมือนกัน คือพยายามเก็บความสุขช่วงนี้ไว้ให้มากที่สุด และผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับรุ่นน้องๆที่เราคุ้นเคย ผมจะพยายามจดจำความรู้สึกช่วงนี้ไปให้มากที่สุด เพราะมันคือช่วงชีวิตที่ดีมากสำหรับผมเลย
อีกอย่างนึงก็คือม.6 ทำให้ผมรักโรงเรียนมากขึ้น โรงเรียนก็เหมือนบ้านอีกหลังของผม เราใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนมากพอสมควรเลยในแต่ละวัน ผูกพันกับที่นี่
เติบโตมากับที่นี่ เห้ออ โรงเรียนจ๋าอย่าลืมกันนะ จำไว้นะว่าเคยมีนักเรียนหล่อๆคนนึงเรียนที่นี่5555555
ผมหวังว่าทุกคนที่อ่านกระทู้นี้แล้วจะได้หวนนึกไปตอนตัวเองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้บ้าง น้องๆที่ยังไม่ขึ้นม.6ก็ขอให้ใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด ถ้าเราผ่านมันไปแล้ว มันไม่มีวันจะหวนกลับมาอีก ส่วนเพื่อนๆม.6ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ และถ้ามีโอกาสผมก็อยากอ่านชีวิตของเพื่อนๆ หรือพี่ๆคนอื่นๆบ้าง มาแชร์กันนะครับ
เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่แทนความรู้สึกหลายอย่างได้ดีครับ