ว่าด้วยเรื่องนกเขาแต้ว

กระทู้คำถาม
ในอดีตกาล   นกแขกเค้าหลายพันตัว    อยู่ในป่าไม้มะเดื่อแห่งหนึ่ง
ใกล้ผงแม่น้ำคงคาในป่าหิมพานต์   บรรดานกแขกเต้าเหล่านั้น พระยานก
แขกเต้าตัว หนึ่ง     เมื่อผลแห่งต้นไม้ที่ตนอาศัยอยู่สิ้นแล้ว      จิกกิน
หน่อใบหรือเปลือกซึ่งยังเหลืออยู่     ดื่มน้ำในแม่น้ำคงคา      เป็นสัตว์ที่มี
ความปรารถนาน้อยอย่างยิ่ง   สันโดษ   ไม่ไปในที่อื่น   ด้วยคุณคือความ
ปรารถนาน้อยและสันโดษของพระยานกแขกเต้านั้น      ภพของท้าวสักกะ
ไหวแล้ว.
ท้าวสักกะทรงทดลองพระยานกแขกเต้า      
          ท้าวสักกะทรงรำพึงอยู่    ทรงเห็นเหตุนั้นแล้ว  ทรง   (บันดาล)
ให้ต้นไม้นั้นเหี่ยวแห้งด้วยอานุภาพของตน     เพื่อจะทดลองพระยานก
แขกเต้านั้น     ต้นไม้หักแล้ว      เหลืออยู่สักว่าตอเท่านั้น     เป็นช่องน้อย
และช่องใหญ่    (ปรุหมด).    เมื่อลมโกรกมา    ( กระทบ )    ได้เปล่ง
เสียงดุจถูกบุคคลเคาะ    ตั้งอยู่แล้ว    ขุยทั้งหลายปลิวออกจากช่องของ
ต้นไม้นั้น.   พระยานกแขกเต้าจิกกินขุยเหล่านั้น   แล้วดื่มน้ำในแม่น้ำคงคา
ไม่ไปในที่อื่น   ไม่พรั่นพรึงลมและแดด   จับอยู่ที่ปลายตอมะเดื่อ.    ท้าว
สักกะทรงทราบความที่พระยานกแขกเต้านั้น  มีความปรารถนาน้อยอย่างยิ่ง
ทรงดำริว่า      " เราจักให้พระยานกแขกเต้านั้น     กล่าวคุณแห่งมิตรธรรม
แล้วให้พรแก่นกนั้น    ทำ    ( บันดาล)    ต้นมะเดื่อให้มีผลไม่วายแล้ว"   
ดังนี้แล้ว  (นิรมิต )  พระองค์เป็นพระยาหงส์ตัวหนึ่ง  นำนางอสุรกัญญา
นามว่าสุชาดาไว้ข้างหน้า  เสด็จไปป่ามะเดื่อนั้น  จับที่กิ่งแห่งต้นไม้ต้นหนึ่ง
ในที่ไม่ไกล  เมื่อจะตรัสสนทนากับพระยานกแขกเต้านั้น  ตรัสคาถานี้ว่า
            " พฤกษามีใบสดเขียวมีอยู่,  หมู่ไม้มีผลหลาก
    หลาย   ก็มีมาก,   เหตุไรหนอ  ?   ใจของนกแขกเต้า
    จึงยินดีแล้วในไม้แห้งที่ผุ."
          สุวชาดกทั้งหมด   บัณฑิตพึงให้พิสดาร   ตามนัยที่มาแล้วในนวกนิบาต๑
นั่นและ;   แต่ความเกิดขึ้นแห่งเรื่องเท่านั้น ในนวกนิบาตและในที่นี้ต่างกัน
ที่เหลือเหมือนกันทั้งนั้น.

๑.  ขุ.  ชา.  นวก.  ๒๗/๒๕๗.  อรรถกถา.  ๕/๓๕๕.  จุลลสุวกราชชาดก.

ภิกษุควรปรารถนาน้อยและสันโดษ
        พระศาสดา       ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว        ตรัสว่า
"ท้าวสักกะ    ในกาลนั้น    ได้เป็นอานนท์,    พระยานกแขกเต้าได้เป็น
เราเอง"   ดังนี้แล้ว    ตรัสว่า   " อย่างนี้    ภิกษุทั้งหลาย   ชื่อว่า   ความ
เป็นผู้มีความปรารถนาน้อยนี่  เป็นแบบแผน  เป็นประเพณีของเรา  ข้อที่
ติสสะผู้มีปกติอยู่ในนิคม  บุตรของเรา ได้อาจารย์เช่นเราแล้วเป็นผู้มีความ
ปรารถนาน้อย    ไม่น่าอัศจรรย์;   ธรรมดาภิกษุ   พึงเป็นผู้มีความมักน้อย  
เหมือนติสสะผู้มีปกติอยู่ในนิคม;  เพราะว่า  ภิกษุเห็นปานนั้น   เป็นผู้ไม่
ควรเสื่อมจากมรรคและผล,        ย่อมอยู่ในที่ใกล้แห่งพระนิพพานโดยแท้
ทีเดียว"   ดังนี้แล้ว   ตรัสพระคาถานี้ว่า
         ๙.   อปฺปนาทรโต  ภิกฺขุ          ปนาเท  ภยทสฺสิ    วา
             อภพฺโพ  ปริหานาย           นิพฺพานสฺเสว  สนฺติเก.
             "ภิกษุยินดีแล้วในความไม่ประมาท  มีปกติ
             เห็นภัยในความประมาท  ไม่ควรเพื่ออันเสื่อม  (จาก
             มรรคและผล )           ตั้งอยู่แล้วในที่ใกล้แห่งพระ-
             นิพพานทีเดียว."

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่