▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวภูเขา
เที่ยวญี่ปุ่น
Japan Rail Pass (JR Pass)
[CR] เดินเล่นบนเขาชมความงามใบไม้เปลี่ยนสีที่ Hakkoda Ropeway
ขอเล่าถึงการเดินทางของเราจากเมืองไทยสักนิดนึงเป็นการบินที่อยากแนะนำ เป็นครั้งแรกของเราเหมือนกันกับ Malaysia airline ซึ่งเราเสิร์ชหาใน Skyscanner เป็น App ซึ่งเวลาเราจะจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวที่ไหนก็แล้วแต่ก็จะเสิร์ชดูราคาตั๋วถูกที่นี่ เราก็จะเข้าไปดูว่ามีเอเย่นท์ไหนขายตั๋วราคาประมาณที่เราเลือกบ้าง อย่างเราใช้ของ Expedia ซึ่งเวลาจ่ายเงินจะไม่เสียค่าตัดบัตรเครดิต ที่รู้เพราะมันมีเอเย่นอื่นที่เราเข้าไปดูจะต้องเสียค่าตัดบัตรเครดิตร เลยได้มาในราคา หนึ่งหมื่นหนึ่งร้อยบาทนิดๆ จำราคาแน่นอนไม่ได้ สำหรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-นาริตะ แบบ Full Service เลือกที่นั่งได้ฟรี น้ำหนักกระเป๋า 30 กิโล มีอาหารเสิร์ฟตลอดทริป ซึ่งเราคิดว่าตั๋วไปญี่ปุ่นราคาประมาณนี้โอเคนะ แต่ก็ต้องแลกกับการที่เราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์รอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 1-2 ชม. แล้วแต่ไฟท์ที่เราเลือก อย่างเราเลือกบินไฟท์เย็นจากเมืองไทย 6 โมงเย็นไปถึงนาริตะ 7 โมงครึ่งตอนเช้า ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่โอเค เผื่อเป็นทางเลือกให้หลายๆ คน แล้วบางทีทาง Malaysia airline จะมีแบบบินร่วมกับ Japan Airline ให้ดูตอนจอง เราก็จะได้บินสายการบินนั้น อย่างตอนขากลับเราได้บินกลับจากนาริตะถึงกัวลาลัมเปอร์กับ Japan Airline ดีมาก
สนามบินกัวลาลัมเปอร์สวยงามเหมือนกันนะ
อะมาเล่าถึงการมาเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีต่อ การที่จะไปเที่ยวแถบ Tohoku ซึ่งห่างไกลจากโตเกียวที่เราลงเครื่องยิ่งนัก JR Pass แบบ 7 วัน คือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการไปเที่ยวที่ ลำธาร Oirase ของเรา ที่เราเลือกใช้ JR Pass เพราะตั๋วใบนี้สามารถขึ้นรถบัสที่จะไปยังทะเลสาบ Towada ได้ด้วย ซึ่งคำนวนจากค่ารถจากเมือง Aomori - Towada แล้วประมาณไป-กลับประมาณ 6 พันเยน ก็ประมาณ 2 พันบาทละ ไหนจะค่ารถไฟจากสนามบินไป-กลับ Aomori อีก เลยใช้ Pass นี้แหละคุ้มสุดแล้วสำหรับคนที่เดินทางเอง แต่ถ้าใครที่กะว่าไปถึงที่ Aomori แล้วเช่ารถขับเที่ยวแถวนั้นแนะนำให้ซื้อ Jr East จะดีกว่า เพราะไม่ต้องใช้ติดต่อกันทุกวัน แต่ Jr pass ต้องใช้ติดต่อกันทุกวัน เผื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวแถวนั้น
และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างสำหรับการเดินทางที่จำเป็นต้องมีนอกจากเงินแล้วคือ Pocket Wifi อันนี้สำคัญไว้เสิร์ชหาข้อมมูลการท่องเที่ยวแถบที่เราจะไปเที่ยว ช่วยได้เยอะจริงๆ เราเลือกใช้บริการของ TRIPIZEE เครื่องเล็กพกสะดวก พอเอาไปใช้แบตอึดมากอยู่ได้ทั้งวันเลย เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.tripizee.com เผื่อเป็นทางเลือกหา Pocket Wifi ดีๆ ไปใช้กันจ้า
ฟูจิซังมาทักทายยามเช้า
มาๆ ได้เวลาไปเที่ยวกันซะทีเกริ่นยาวมากกกก
ถึงแล้ว Aomori วิวหน้าสถานีรถไฟเลย
นี่ที่นอนของเราได้บรรยากาศนอนบ้านคนญี่ปุ่นมากๆ
ข้าวเช้าง่ายๆ แต่อิ่มอร่อย ตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลอาโอโมริหวานอร่อยมาก
อันนี้แถมเป็นอาหารที่กินที่ร้านข้างๆ สถานีรถไฟ หันหน้าเข้าสถานีอยู่ขวามือ Hotate อร่อยมากอันนี้ของโปรด
เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้น JR Bus Tohoku Aomori Station - Lake Towada เที่ยวแรกเวลา 7.50 น. เราเดินออกจากที่พักตอน 7 โมงครึ่งโอ้พอมาถึงแถวยาวเลยไปหน้าสถานีรถไฟ ตอนนั้นคิดจะได้ไปไหม แต่คงเป็นเพราะช่วงฤดูการท่องเที่ยวพอดีทาง Jr Bus ก็เตรียมรถสำรองไว้ คือนี่ได้ขึ้นบัสคันที่ 3 ระหว่างทางเราได้เจอกับน้องใบไม้น้องคนไทยที่มาเที่ยวกับครอบครัวแต่โดนนั่งแยกกันเค้าก็เลยได้มานั่งกับเรา ซึ่งตอนนั้นเราไปคนเดียว เลยได้คุยกันตอนแรกเราจะนั่งยาวไปถึงที่ Towada เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บเลย แต่พอได้คุยกับน้องใบไม้บอกว่าจะไปพักที่ Towada เหมือนกัน เราเลยคิดว่าน้องก็ต้องมีกระเป๋าใหญ่เหมือนเรา เลยขอแปะไปเที่ยวกับเขาด้วย ขอบคุณด้วยนะค้า ไม่งั้นเราคงไม่ได้เจอทั้งหิมะและใบไม้แดงพร้อมกัน
ระหว่างทางบัสก็จอดแวะให้เข้าห้องน้ำ วิวระหว่างทางใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เราสังเกตว่าป่าแถบนี้จะเป็นสีเหลืองๆ สีส้มๆ เป็นส่วนใหญ่
รถวิ่งมาชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงป้ายสถานี Hakkoda Ropeway Station ที่นี่จะมีบริการฝากกระเป๋า 200 เยน ค่าขึ้น Ropeway ไป-กลับ 1850 เยน
ตอนขึ้นกระเช้าไปตอนแรกจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีเหลืองส้มเต็มพื้นที่ พอขึ้นไปสูงอีกหน่อยเราก็เห็นต้นไม้เขียวๆ มีสีขาวเกาะก็ถามกับน้องว่านั่นเป็นชนิดของต้นไม้หรือหิมะ พอขึ้นไปใกล้จะถึงหายสงสัยละหิมะล้วนๆ หนาวเชียว แต่มันสวยมาก ต้นไม้เปลี่ยนสีกับหิมะเข้ากันมาก
เราเคยเห็นรูปที่มีกระเช้าลอยอยู่ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีด้านล่างมันสวยมาก อยากเห็นแบบนี้บ้างจัง จนวันนี้ฝันเป็นจริงได้มาเห็นอย่างที่อยากเห็น
ข้างบนจะมีทางให้เดินรอบเขาเป็นวงกลมไปยังจุดต่างๆ ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง- 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเดินไปทางไหน ด้วยความที่หิมะตก ลมแรงอากาศเย็นไม่ค่อยมีใครไปเดิน แต่เราไปจ้า ไหนก็มาละ
พอช่วงเวลาที่ฟ้าเปิดจะเห็นวิวแบบนี้
แปะไว้เท่านี้ก่อนเดี๋ยวมาเล่าต่อน้า
มาทำความรู้จักกับ ภูเขาฮักโกดะ(Mount Hakkoda) กัน เทือกเขา Hakkoda มีความสูง 1585 เมตร เป็นเทือกเขาภูเขาไฟซึ่งอยู่บริเวณตอนใต้ของจังหวัดอาโอโมริ และตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Towada Hachimantai ซึ่งอุทยานแห่งชาตินี้กินพื้นที่ในสามจังหวัดคือจังหวัดอาโอโมริ จังหวัดอะคิตะ และจังหวัดอิวาเตะ ถือเป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจะนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณปลายเดือนกันยายน-กลางตุลาคม และในช่วงฤดูหนาวหิมะจะตกในบริเวณภูเขาเป็นปริมาณมากต้นไม้ก็จะถูกปกคลุมด้วยหิมะกลายเป็น Snow Monster สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ช่วงที่เราไปคือ 21 ตุลา 59 ที่ผ่านมา จริงๆ ใบไม้แดงจะต้องร่วงหมดแล้ว แต่ปีนี้ใบไม้แดงช้ากว่าปีที่แล้วด้วยอากาศที่แปรปรวน เราเลยโชคดีที่ยังได้เห็นใบไม้แดงทั้งภูเขาแบบนี้ แต่ก็มีบางส่วนที่ร่วงหมดแล้ว ถ้าใครวางแผนไปเที่ยวชมใบไม้แดงในแถบนี้ในปีหน้าก็ลองดูพยากรณ์ใบไม้แดงกันดูนะที่ www.japan-guide.com ก็ได้จ้า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น