เราควรจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง

เกริ่นก่อนนะคะ ครอบครัวของจขกท เคยจัดว่าฐานะดีมาก่อน จนจขกทโตขึ้นมันก็แย่ลงๆๆ

เรามีความรู้สึกน้อยใจพ่อแม่จนเป็นปม ไม่สามารถออกจากความรู้สึกนี้ได้ ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหน

สมัยเด็กเราไม่เคยรู้สึกขาดอะไรเลยในชีวิต รายได้ครอบครัวตอนนั้นจัดว่าดีมาก พ่อแม่เรารับช่วงต่อกิจการของปู่ค่ะ แต่พ่อก็ไม่ค่อยสนใจปล่อยให้ลูกน้ปู่ทำจนกิจการแย่ลงเรื่อยๆ จนเป็นหนี้ ฝั่งครอบครัวแม่ขายที่ดินของตามาช่วยบ้านเรา และฝากจำนวนหนึ่งไว้เก็บให้เราเรียน
วันนั้น แม่บอกเราว่า "จะส่งให้เราเรียนสูงที่สุด อยากไปเรียนเมืองนอกก็ไปได้เลย"
เราฝันมาตลอดว่าจะได้ไปเรียนเมืองนอก แบบที่ครอบครัวพ่อแม่ทุกคนได้ไป  สมัยพ่อแม่ยังเด็กปู่และตาเราส่งไปเมืองนอกทุกปิดเทอม แต่เราไม่เคยได้ไป..ซักครั้ง ตอนนั้นเรายังเด็กก็ไม่รู้สึกอะไร ตั้งใจเรียนของเราไป

จนช่วงวัยรุ่น กิจการที่บ้านดิ่งลง รายได้ลดลงเกินครึ่ง ลูกน้องเก่าของปู่โดนไล่ออกเพราะโกงเงิน แม่เราเริ่มเชื่อหมอดู ร่างทรง เริ่มรู้จักพวกแม่ค้าพ่อค้าของเก่า ซื้อทีแทบเหมาทั้งร้าน กองเต็มบ้านไปหมด หมดเงินกะคนทรงเจ้าอละของเก่าหลายล้าน
ส่วนพ่อก็ติดการประมูลของทางอินเตอร์เนต ซื้อนาฬิกา โทรศัพท์ กล้อง โอนเงินแทบทุกวัน ซึ่งเงินที่ใช้ก็คือรายได้กิจการส่วนนึงแต่ส่วนใหญ่คือเงินขายที่ก้อนนั้น

หลังจากไม่กี่ปีนั้นครอบครัวเราก็เจอวิกฤติหนัก กิจการที่บ้านขาดทุนอย่างมาก รายได้จากกิจการไม่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ต่อไป ช่วงนี้เราเข้ามหาลัยแล้วค่ะ เราเริ่มไม่ได้ค่าขนม เพราะรายได้ที่บ้านแย่มาก แต่พ่อก็ยังประมูลของ แม่ก็ยังติดหมอดู แก้กรรม เหมือนเดิม

'และเงินเรียนของเราก็หมด'

ชีวิตของเราพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เงินไม่พอจ่ายค่าเทอม  ต้องยืมเงินจากบ้านแม่มาใช้ กิจการพ่อก็ต้องยืมจากพี่น้องพ่อมาช่วย เราโกรธ น้อยใจ จนไม่กลับบ้านอีก เราเริ่มทำงานหาเงินใช้เอง เข้ากิจกรรมมหาลัยให้ได้มากที่สุด เป็นกรรมการนักศึกษา และเรียนๆๆๆๆๆ เพื่อไม่ต้องคิดเรื่องที่บ้าน เราเริ่มซึมเศร้า แต่พยายามแก้ด้วยการทำไม่ให้ตัวเองว่างเลย เลิกเรียน ทำกิจกรรมคณะ ประชุมคณะเสร็จไปทำงาน กลับหอสี่ทุ่ม ทำการบ้าน นอน เช้าเรียน เสาร์อาทิตย์ทำงาน พยายามสอบทุนให้ได้ทุกเทอมเพราะไม่อยากกวนใคร เรียกได้ว่าช่วงนั้นไม่เคยมีวันหยุดเลย เราหยุดไม่ได้ ว่างเมื่อไหร่เราจะร้องไห้ เครียด ทันที

อาการซึมเศร้าตอนนั้นเรียกว่าหนักมากค่ะ เราจะคิดถึงเรื่องที่บ้าน และร้องไห้ เครียด กรี๊ด ทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเอง ความคิดพวกนี้จะเข้ามาทุกครั้งที่มีเวลาว่างแม้จะแค่ไม่กี่นาที เราพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ยังยึดเราไว้คือเรายังอยากอยู่กับเพื่อน  ช่วงเวลาที่เกลียดที่สุดคือปิดเทอม เพราะเพื่อนกลับบ้าน ส่วนบ้านเราไม่กลับไปอีก เราไม่รู้สึกว่านั่นคือบ้านเราอีกต่อไป เจอหน้าพ่อแม่ทุกครั้งจะรู้สึกน้อยใจ โกรธ

เราเกลียดการใช้เงิน แม้จะแค่สิบบาทยี่สิบบาทก็ไม่อยากใช้ ประหยัดสุดขีด จนเกินพอดี เครียดทุกครั้งที่ต้องเสียเงิน ไม่ยอมไปหาจิตแพทย์ก็เพราะเงิน เกลียดหมอดูร่างทรงแบบสุดขีด พาลเกลียดทุกความเชื่อจนเลิกนับถือศาสนา

ช่วงฝึกงานก่อนเรียนจบ ร่างกายเราเริ่มทรุด ขาแขนเริ่มไม่มีแรง ตัวชาจากโรคกระดูกทับเส้นที่เป็นมาหลายปี เราเริ่มต้องกายภาพ หมอสั่งให้เราหยุดงาน และให้พักทันที อาการซึมเศร้าก็ยิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ

จนเราเรียนจบ เราได้เกียรตินิยม แต่เราไม่ได้ดีใจอะไรเลย เรากลับกลัว เกือบสี่ปีมานี้เรายึดเป้าหมายเดียวคือเราจะเอาเกียรตินิยม  รั้วมหาลัยที่กั้นเราจากโลกความเป็นจริงมันหายไปแล้ว เราจะไม่ได้เจอเพื่อนทุกวันแล้ว เป้าหมายชีวิตเราหมดแล้ว

หลังเรียนจบ เรากลับมาอยู่บ้านเฉยๆ เพราะไม่มีแรง เดินแทบไม่ไหวตัวชาขาชา ไม่สามารถทำงานได้ ขับรถ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ไม่มีสมาธิเพราะอาการซึมเศร้า ทำร้ายตัวเอง วิตกกังวลจนในที่สุดแม่ก็พาไปหาหมอ

เรากินยาจนเริ่มดีขึ้น ก็กลับไปทำงาน พอไม่อยู่บ้านเราก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกกับพ่อแม่เหมือนตอนเด็ก เริ่มใช้เงินแบบปกติได้ ที่บ้านก็เริ่มดีขึ้นคือไม่ลำบากมาก แต่ปมในใจก็ยังผุดมาเรื่อยๆทุกครั้งที่เครียด เรายังกลัวทุกครั้งที่จะกลับบ้านทั้งที่คิดถึงบ้าน  เวลาที่บ้านมีปัญหาการเงิน เราก็ยังมีอาการวิตกกังวล น้อยใจทุกครั้งที่เห็นใครได้ไปเมืองนอก มีเรื่องหนักๆจะสติหลุด อยากเป็นบ้า อยากหายไป

เหมือนลึกๆแล้วเราไม่ได้หายเป็นปกติเลย เป้าหมายของเรามันว่างเปล่า ไม่ได้อยากได้อะไร ไม่รู้จะดีใจกับอะไร ต่อให้บ้านจะกลับมามีกินมีใช้เหมือนเดิมหรือได้เรียนต่อก็เฉยๆไปแล้ว ไม่อยากได้แล้ว ไม่เห็นภาพตัวเองในอนาคต เหมือนแค่อยู่เพราะยังไม่ตาย ถึงต้องตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้สึกอะไร เราอยากลบปมในใจ อยากมีชีวิตปกติ อยากมีเป้าหมาย อยากดีใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ความรู้สึกนั้นมันหายจากเราไปนานจนไม่รู้จะมีอีกมั้ย เราควรทำยังไงความรู้สึกดีๆถึงจะกลับมาหาเราอีกครั้ง

ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์อ่านเรื่องราวของเราจนจบนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่