รัฐบาลได้ประกาศนำ แนวคิด “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาใช้ในการพัฒนาประเทศ เป็นเรื่องที่น่ายินดีและสนับสนุนอย่างยิ่งค่ะ เรากำลังก้าวไปตามรอยเท้าพ่ออย่างพอเพียง ยั่งยืน
โดยรัฐบาลได้อัญเชิญ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP)” มาเป็นปรัชญานำทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (20 ปี) รวมทั้ง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560 ถึง 2564
เกษตรกรสนใจติดตามดูนะคะ...
..ตามข่าวนี้ค่ะ
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ 70,000 แห่งทั่วประเทศให้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ภายในปี 2560 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ขณะนี้ได้มีการวางแผนเตรียมการเป็นลำดับ มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการเปิดโครงการได้ในต้นปีหน้า หรือปี 2560 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน รวมทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่จะเข้ามาสนับสนุนเรื่องปัจจัยการผลิตในกิจกรรมนี้ด้วย นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้จะมีการพูดคุยหารือร่วมกัน โดยจะใช้แผนงานโครงการเดิมที่มีอยู่แล้วของกระทรวงเกษตรฯ เป็นหลัก ส่วนสภาหอการค้าฯ จะเข้ามาช่วยเสริมในส่วนที่ยังขาดอยู่
นายสุรพงษ์ เจียสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญ และเน้นย้ำทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทำงานในเชิงบูรณาการ โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรได้ลดรายจ่ายในครัวเรือน ตลอดจนต้องการให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนั้น จึงมีการเตรียมพร้อมในการคัดเลือกเกษตรกร โดยสำรวจพื้นที่ที่เกษตรกรมีความพร้อมและมีศักยภาพ ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว โดยใช้ข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดินที่ไปสนับสนุนสระน้ำในไร่นาในอดีตที่ผ่านมา ประมาณ 100,000 ราย ขณะเดียวกัน กรมชลประทานได้ไปตรวจสอบพื้นที่ที่กรมชลประทานรับผิดชอบ ที่มีเกษตรกรมีความพร้อมในเรื่องแหล่งน้ำในไร่นาตัวเองประมาณ 4,000 ราย
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้สนับสนุนเรื่องแหล่งน้ำในไร่นาในพื้นที่ที่รับผิดอยู่ ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นรายงานว่า มีเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมแล้วกว่า 16,000 ราย อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่เข้าร่วมจะต้องสมัครและไม่มีการบังคับ ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อมูลเกษตรกรทั้งหมดภายในวันที่ 5 พ.ย.นี้จากนั้นจะนำมาตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งไปให้จังหวัดต่างๆ ตามยอดที่ตรวจสอบรับรองเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันจะส่งรายชื่อดังกล่าวให้กับส่วนราชการเพื่อจัดเตรียมการสนับสนุนและดำเนินการในระยะต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนปัจจัยด้านการผลิตเบื้องต้นให้แก่เกษตรกรนั้น ประกอบด้วย พืช ประมง และปศุสัตว์ โดยจะดำเนินการช่วง พ.ย.-ธ.ค. ดังนี้ 1.ด้านพืช ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตร รับผิดชอบร่วมกับภาคเอกชนบางส่วน 2.ด้านประมง เตรียมพันธุ์ปลา โดยขอสนับสนุนอาหารปลา/ลูกปลา จากภาคเอกชนบางส่วน และ 3.ด้านปศุสัตว์ ได้จัดเตรียมสัตว์ปีก ไก่ เป็ด ทั้งแบบเนื้อและไข่ ซึ่งขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้เตรียมการไว้แล้วพร้อมประสานสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อขอรับการสนับสนุนได้แล้วบางส่วน และได้ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ติดตามรายงานเป็นระยะ รวมทั้ง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะติดตามประเมินผลตามแผนที่กำหนดไว้ต่อไป
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/247677
((มาลาริน)) สนับสนุนให้เดินตามรอยเท้าพ่อค่ะ.....พรึบ! 7 หมื่นแห่ง "เกษตรทฤษฎีใหม่" ต้นปี 60
โดยรัฐบาลได้อัญเชิญ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP)” มาเป็นปรัชญานำทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (20 ปี) รวมทั้ง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560 ถึง 2564
เกษตรกรสนใจติดตามดูนะคะ...
..ตามข่าวนี้ค่ะ
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ 70,000 แห่งทั่วประเทศให้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ภายในปี 2560 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ขณะนี้ได้มีการวางแผนเตรียมการเป็นลำดับ มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการเปิดโครงการได้ในต้นปีหน้า หรือปี 2560 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน รวมทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่จะเข้ามาสนับสนุนเรื่องปัจจัยการผลิตในกิจกรรมนี้ด้วย นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้จะมีการพูดคุยหารือร่วมกัน โดยจะใช้แผนงานโครงการเดิมที่มีอยู่แล้วของกระทรวงเกษตรฯ เป็นหลัก ส่วนสภาหอการค้าฯ จะเข้ามาช่วยเสริมในส่วนที่ยังขาดอยู่
นายสุรพงษ์ เจียสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญ และเน้นย้ำทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทำงานในเชิงบูรณาการ โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรได้ลดรายจ่ายในครัวเรือน ตลอดจนต้องการให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนั้น จึงมีการเตรียมพร้อมในการคัดเลือกเกษตรกร โดยสำรวจพื้นที่ที่เกษตรกรมีความพร้อมและมีศักยภาพ ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว โดยใช้ข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดินที่ไปสนับสนุนสระน้ำในไร่นาในอดีตที่ผ่านมา ประมาณ 100,000 ราย ขณะเดียวกัน กรมชลประทานได้ไปตรวจสอบพื้นที่ที่กรมชลประทานรับผิดชอบ ที่มีเกษตรกรมีความพร้อมในเรื่องแหล่งน้ำในไร่นาตัวเองประมาณ 4,000 ราย
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้สนับสนุนเรื่องแหล่งน้ำในไร่นาในพื้นที่ที่รับผิดอยู่ ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นรายงานว่า มีเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมแล้วกว่า 16,000 ราย อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่เข้าร่วมจะต้องสมัครและไม่มีการบังคับ ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อมูลเกษตรกรทั้งหมดภายในวันที่ 5 พ.ย.นี้จากนั้นจะนำมาตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งไปให้จังหวัดต่างๆ ตามยอดที่ตรวจสอบรับรองเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันจะส่งรายชื่อดังกล่าวให้กับส่วนราชการเพื่อจัดเตรียมการสนับสนุนและดำเนินการในระยะต่อไป
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนปัจจัยด้านการผลิตเบื้องต้นให้แก่เกษตรกรนั้น ประกอบด้วย พืช ประมง และปศุสัตว์ โดยจะดำเนินการช่วง พ.ย.-ธ.ค. ดังนี้ 1.ด้านพืช ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตร รับผิดชอบร่วมกับภาคเอกชนบางส่วน 2.ด้านประมง เตรียมพันธุ์ปลา โดยขอสนับสนุนอาหารปลา/ลูกปลา จากภาคเอกชนบางส่วน และ 3.ด้านปศุสัตว์ ได้จัดเตรียมสัตว์ปีก ไก่ เป็ด ทั้งแบบเนื้อและไข่ ซึ่งขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้เตรียมการไว้แล้วพร้อมประสานสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อขอรับการสนับสนุนได้แล้วบางส่วน และได้ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ติดตามรายงานเป็นระยะ รวมทั้ง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะติดตามประเมินผลตามแผนที่กำหนดไว้ต่อไป
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/247677