Green Room (2015) vs Don't Breathe (2016)
สำหรับตัวเต็งของหนังThrillerก็คงไม่พ้นสองเรื่องนี่ที่มีระดับความระทึกค่อนข้างใกล้เคียงกันเเละทำได้ดีในการกระชากอารมณ์ของผู้ชมซึ่งคะเเนนของ IMDb และ Rotten Tomatoes ค่อนข้างใกล้เคียงกันอีกด้วย
Green Room
* IMDb : 7.1/10
* Rotten Tomatoes : 91%
Don't Breathe
* IMDb : 7.4/10
* Rotten Tomatoes : 87%
มาดูกันเลย!
1. โครงเรื่องและบท
- Green Room : ใช้เวลากว่าครึ่งเรื่องในการปูเรื่องเเละสร้างมูลเหตุที่ให้พวกพระเอกต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับทั้งสองฝ่ายแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเหตุผลต่างๆค่อนข้างเป็นไปได้จริง อุดคำถามที่คนดูจ้องจะจับผิดได้ เเล้วจึงอัดความระทึกในช่วงหลัง ซึ่งบทของตัวละครทำให้เรื่องดูน่าติดตามเเละคอยเอาใจช่วยฝ่ายพระเอก
- Don't Breathe : ปูเรื่องน้อยมากประมาณ10กว่านาทีเท่านั้นเเล้วจึงปล่อยความระทึกเป็นระลอกๆตลอดทั้งเรื่องทำให้สามารถคุมอารมณ์คนดูได้ดี แถมยังมีจุดหักมุมเป็น sub-plot อีกที เเต่ถึงอย่างนั้นจุดหักมุมกลับทำให้หนังดูออกทะเลเเละสร้างคำถามให้คนดูสงสัยมากมายซึ่งหนังไม่ได้ต้องการขายเนื้อเรื่องเเต่เน้นความระทึกแบบต่อเนื่องณ ตอนนั้นมากกว่า ซึ่งการกระทำของฝ่ายนางเอกจะดูเหมือนรนหาที่ตายและฝ่ายลุงบอดก็คือได้รับความซวยจากฝ่ายนางเอกจนได้รู้ความลับทำให้คนดูเอาใจช่วยไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสะใจ
2. ความระทึก
- Green Room : ช่วงแรกอาจดูเอื่อยทำให้หลายคนอาจเบื่อได้เเต่จริงๆหนังกำลังบิ้วอารมณ์คนดูด้วยเหตุผลของเนื้อเรื่องเเล้วจู่ๆหนังก็กระชากอารมณ์ทันทีทันใดเพื่อเปลื่ยนบรรยากาศและสถานการณ์ของเรื่องด้วยลูกเล่นต่างๆของตัวร้าย ทำให้ฝ่ายพระเอกเริ่มคุมสถานการณ์ไม่อยู่เเละเริ่มวางแผน สังเกตจุดอ่อนต่างๆ ซึ่งความระทึกจะมาอัดในช่วงหลัง ทั้งหมดซึ่งใส่ความรุนเเรงด้วยฉากแหวะหรือการฆ่าต่างๆโดยที่ไม่มีซาวน์บิ้วอารมณ์ใดๆให้คาดเดาเรื่องได้เลย
- Don't Breathe : กระชากอารมณ์ของหนังตั้งเเต่ต้นเรื่องเเต่เปลื่ยนบรรยากาศด้วยการฆ่าตัวละครของฝ่ายนางเอกซึ่งมีสาเหตุมาจากความโง่ของตัวละครเอง อาจทำให้ดูหงุดหงิด เเละสถานการณ์ต่างๆถูกคุมด้วยลุงบอดทั้งหมดตั้งเเต่ต้นเรื่องทำให้ความระทึกมาเรื่อยๆเเล้วเซอร์ไพร์สคนดูด้วยจุดหักมุมเล็กๆ รวมถึงการใช้ Jump Scare เพื่อดึงอารมณ์คนดูต่ออยู่เรื่อยๆเเม้กระทั่งตอนท้ายเรื่อง
3. ความโหด
- Green Room : ตัวบอสอย่าง Darcy แทบไม่ได้ทำอะไรเลยเเต่ใช้อำนาจเเละกำลังคนจัดการกับฝ่ายพระเอกแทนซึ่งคนดูสัมผัสได้ว่าพวกนาซีเอาตายเเน่นอนเเต่การจะบุกเข้าไปเลยทันทีไม่สามารถทำได้ (ไม่ขอบอกว่าทำไมอาจเป็นการสปอยได้) ทำให้หนังอาจดูอืดไปหน่อยซึ่งเมื่อถึงคราวต้องปะทะกันก็คาดเดาไม่ได้อีกแถมยังทำออกมาได้หวาดเสียวและโหดมากทีเดียวโดยเฉพาะเเผลต่างๆคือทำออกได้เหมือนจริงมาก ร้องซี้ดเลย
- Don't Breathe : ในหนังเราแทบไม่เห็นแผลเหวอะหรือเลือดสาดอะไรมากมายเเต่หนังกลับทำให้เรากลั้นหายใจตามและรู้สึกว่าลุงบอดไม่ต่างอะไรกับเครื่องสังหารที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงและกลิ่นซึ่งพร้อมจะปลิดชีวิตฝ่ายนางเอกได้ทุกเมื่อรวมถึงฉากหนึ่งในจุดหักมุมที่ทำให้คนดูรู้สึกขยะเเขยง
4. ฉากและสถานที่
- Green Room : พื้นที่ยังพอมีให้หายใจหายคอบ้างเพราะอยู่ในบาร์เเต่ตัวละครเลือกที่จะจำกัดตัวเองเพียงห้องใดห้องหนึ่งมากกว่า เเละพยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพลิกเกมให้ฝ่ายตนเอง (สิ่งที่ชอบคือหนังคุมโทนสีเขียวดีมาก)
- Don't Breathe : พื้นที่ค่อนข้างจำกัดเพราะบ้านไม่ได้ใหญ่นัก ทำให้ดูอึดอัด เเต่ถึงอย่างนั้นตัวละครไม่ได้อยู่ที่ใดที่หนึ่งเเละใช้ประโยชน์จากสถานที่เพื่อพลิกเกมทั้งฝ่ายนางเอกและลุงบอด (สิ่งที่ชอบคือการเล่นกับประสาทสัมผัสทั้ง5)
จากเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ(นึกออกเเค่นี้อ่ะ555) ขอให้คะแนนดังนี้
1. โครงเรื่องและบท
- Green Room : 9/10
- Don't Breathe : 7/10
2. ความระทึก
- Green Room : 8/10
- Don't Breathe : 9/10
3. ความโหด
- Green Room : 9/10
- Don't Breathe : 7/10
4. ฉากและสถานที่
- Green Room : 8/10
- Don't Breathe : 9/10
เฉลี่ยเเล้ว! ผู้ชนะคือ Green Room ด้วยคะแนน 8.5/10 โดยที่ Don't Breathe ได้ 8/10 เเต่จริงๆเเล้วส่วนตัวมองว่า เสมอกัน เพราะหนังทั้งสองเรื่องมีมุมมองและสิ่งที่จะนำเสนอต่างกันในขณะเดียวกันก็มีจุดบกพร่องที่หักล้างกันอยู่ดี
_____________________________________________
ติดตามรีวิวหนังของเราต่อได้ที่ เพจ หนังเรื่องนี้ละครับจารย์
https://www.facebook.com/whataboutthismov/
Green Room VS Don't Breathe ลุงโล้น ปะทะ ลุงบอด
สำหรับตัวเต็งของหนังThrillerก็คงไม่พ้นสองเรื่องนี่ที่มีระดับความระทึกค่อนข้างใกล้เคียงกันเเละทำได้ดีในการกระชากอารมณ์ของผู้ชมซึ่งคะเเนนของ IMDb และ Rotten Tomatoes ค่อนข้างใกล้เคียงกันอีกด้วย
Green Room
* IMDb : 7.1/10
* Rotten Tomatoes : 91%
Don't Breathe
* IMDb : 7.4/10
* Rotten Tomatoes : 87%
มาดูกันเลย!
1. โครงเรื่องและบท
- Green Room : ใช้เวลากว่าครึ่งเรื่องในการปูเรื่องเเละสร้างมูลเหตุที่ให้พวกพระเอกต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับทั้งสองฝ่ายแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเหตุผลต่างๆค่อนข้างเป็นไปได้จริง อุดคำถามที่คนดูจ้องจะจับผิดได้ เเล้วจึงอัดความระทึกในช่วงหลัง ซึ่งบทของตัวละครทำให้เรื่องดูน่าติดตามเเละคอยเอาใจช่วยฝ่ายพระเอก
- Don't Breathe : ปูเรื่องน้อยมากประมาณ10กว่านาทีเท่านั้นเเล้วจึงปล่อยความระทึกเป็นระลอกๆตลอดทั้งเรื่องทำให้สามารถคุมอารมณ์คนดูได้ดี แถมยังมีจุดหักมุมเป็น sub-plot อีกที เเต่ถึงอย่างนั้นจุดหักมุมกลับทำให้หนังดูออกทะเลเเละสร้างคำถามให้คนดูสงสัยมากมายซึ่งหนังไม่ได้ต้องการขายเนื้อเรื่องเเต่เน้นความระทึกแบบต่อเนื่องณ ตอนนั้นมากกว่า ซึ่งการกระทำของฝ่ายนางเอกจะดูเหมือนรนหาที่ตายและฝ่ายลุงบอดก็คือได้รับความซวยจากฝ่ายนางเอกจนได้รู้ความลับทำให้คนดูเอาใจช่วยไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสะใจ
2. ความระทึก
- Green Room : ช่วงแรกอาจดูเอื่อยทำให้หลายคนอาจเบื่อได้เเต่จริงๆหนังกำลังบิ้วอารมณ์คนดูด้วยเหตุผลของเนื้อเรื่องเเล้วจู่ๆหนังก็กระชากอารมณ์ทันทีทันใดเพื่อเปลื่ยนบรรยากาศและสถานการณ์ของเรื่องด้วยลูกเล่นต่างๆของตัวร้าย ทำให้ฝ่ายพระเอกเริ่มคุมสถานการณ์ไม่อยู่เเละเริ่มวางแผน สังเกตจุดอ่อนต่างๆ ซึ่งความระทึกจะมาอัดในช่วงหลัง ทั้งหมดซึ่งใส่ความรุนเเรงด้วยฉากแหวะหรือการฆ่าต่างๆโดยที่ไม่มีซาวน์บิ้วอารมณ์ใดๆให้คาดเดาเรื่องได้เลย
- Don't Breathe : กระชากอารมณ์ของหนังตั้งเเต่ต้นเรื่องเเต่เปลื่ยนบรรยากาศด้วยการฆ่าตัวละครของฝ่ายนางเอกซึ่งมีสาเหตุมาจากความโง่ของตัวละครเอง อาจทำให้ดูหงุดหงิด เเละสถานการณ์ต่างๆถูกคุมด้วยลุงบอดทั้งหมดตั้งเเต่ต้นเรื่องทำให้ความระทึกมาเรื่อยๆเเล้วเซอร์ไพร์สคนดูด้วยจุดหักมุมเล็กๆ รวมถึงการใช้ Jump Scare เพื่อดึงอารมณ์คนดูต่ออยู่เรื่อยๆเเม้กระทั่งตอนท้ายเรื่อง
3. ความโหด
- Green Room : ตัวบอสอย่าง Darcy แทบไม่ได้ทำอะไรเลยเเต่ใช้อำนาจเเละกำลังคนจัดการกับฝ่ายพระเอกแทนซึ่งคนดูสัมผัสได้ว่าพวกนาซีเอาตายเเน่นอนเเต่การจะบุกเข้าไปเลยทันทีไม่สามารถทำได้ (ไม่ขอบอกว่าทำไมอาจเป็นการสปอยได้) ทำให้หนังอาจดูอืดไปหน่อยซึ่งเมื่อถึงคราวต้องปะทะกันก็คาดเดาไม่ได้อีกแถมยังทำออกมาได้หวาดเสียวและโหดมากทีเดียวโดยเฉพาะเเผลต่างๆคือทำออกได้เหมือนจริงมาก ร้องซี้ดเลย
- Don't Breathe : ในหนังเราแทบไม่เห็นแผลเหวอะหรือเลือดสาดอะไรมากมายเเต่หนังกลับทำให้เรากลั้นหายใจตามและรู้สึกว่าลุงบอดไม่ต่างอะไรกับเครื่องสังหารที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงและกลิ่นซึ่งพร้อมจะปลิดชีวิตฝ่ายนางเอกได้ทุกเมื่อรวมถึงฉากหนึ่งในจุดหักมุมที่ทำให้คนดูรู้สึกขยะเเขยง
4. ฉากและสถานที่
- Green Room : พื้นที่ยังพอมีให้หายใจหายคอบ้างเพราะอยู่ในบาร์เเต่ตัวละครเลือกที่จะจำกัดตัวเองเพียงห้องใดห้องหนึ่งมากกว่า เเละพยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพลิกเกมให้ฝ่ายตนเอง (สิ่งที่ชอบคือหนังคุมโทนสีเขียวดีมาก)
- Don't Breathe : พื้นที่ค่อนข้างจำกัดเพราะบ้านไม่ได้ใหญ่นัก ทำให้ดูอึดอัด เเต่ถึงอย่างนั้นตัวละครไม่ได้อยู่ที่ใดที่หนึ่งเเละใช้ประโยชน์จากสถานที่เพื่อพลิกเกมทั้งฝ่ายนางเอกและลุงบอด (สิ่งที่ชอบคือการเล่นกับประสาทสัมผัสทั้ง5)
จากเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ(นึกออกเเค่นี้อ่ะ555) ขอให้คะแนนดังนี้
1. โครงเรื่องและบท
- Green Room : 9/10
- Don't Breathe : 7/10
2. ความระทึก
- Green Room : 8/10
- Don't Breathe : 9/10
3. ความโหด
- Green Room : 9/10
- Don't Breathe : 7/10
4. ฉากและสถานที่
- Green Room : 8/10
- Don't Breathe : 9/10
เฉลี่ยเเล้ว! ผู้ชนะคือ Green Room ด้วยคะแนน 8.5/10 โดยที่ Don't Breathe ได้ 8/10 เเต่จริงๆเเล้วส่วนตัวมองว่า เสมอกัน เพราะหนังทั้งสองเรื่องมีมุมมองและสิ่งที่จะนำเสนอต่างกันในขณะเดียวกันก็มีจุดบกพร่องที่หักล้างกันอยู่ดี
_____________________________________________
ติดตามรีวิวหนังของเราต่อได้ที่ เพจ หนังเรื่องนี้ละครับจารย์
https://www.facebook.com/whataboutthismov/