คือมีความสงสัยว่า เรื่องหมวกกันน็อคที่มีปัญหาโดนตำรวจจับกันในปี 58 นั้น จบลงอย่างไรกันครับ
เพราะเท่าที่ตามดูข้อมูล ก็สรุปสุดท้ายที่ ตร.ได้ถาม สนง.คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ถาม มอก. อีกที
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีข้อมูลอะไรจากทางตำรวจออกมาเผยแพร่อีกเลย
แต่...วันนี้ผมขอมาแสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหน่อยครับ ซึ่งตามความเห็นผมแล้ว ผมว่ากฎหมายมันแปลกๆ และออกจะขัดกันเอง
ทำให้ผู้บังคับใช้กฎหมายสับสนได้
เพราะว่าตาม "
กฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ.2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522"
ได้นิยามหมวกกันน็อคประเภทต่างๆไว้ใน
ข้อ 1 ของกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ซึ่งระบุว่าหมวกในแต่ละแบบที่มีบังลม จะต้องทำจากวัสดุ "
โปร่งใส่ไม่มีสี"
แต่ใน
ข้อ 2 วรรค 2 นั้นกลับบอกว่า ถ้าได้มีการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับหมวกกันน็อคในแบบใดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรม หมวกนิรภัยที่จะใช้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งในมาตรฐานอุตสากรรมสำหรับหมวกกันน็อคใหม่ในปี 2557 มอก.369-2557
ระบุให้การส่งผ่านแสงต้องมากกว่าร้อยละ 80 กรณีที่ค่าการส่งผ่านแสงอยู่ในช่วง ร้อยละ 50-80 ต้องระบุข้อความ “ใช้ในเวลากลางวันเท่านั้น”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะเห็นได้ว่าหมวกที่ได้มาตรฐานมอก.ตามข้อ 2 ของกฎกระทรวงนั้น ขัดกับข้อ 1 ที่กันลมจะต้องโปรงใสไม่มีสีเท่านั้น
เอาหละ...ใครมีข้อสรุปก็หามาบอกกันหน่อยนะครับ ว่าสุดท้ายแล้ว ตร.เอาอย่างไรกันแน่ในเมื่อกฎหมายมันคลุมเคลืออย่างนี้
ตกลง เรื่องหมวกกันน็อกที่มีปัญหาโดนจับกันในปี58 เป็นอย่างไร?
เพราะเท่าที่ตามดูข้อมูล ก็สรุปสุดท้ายที่ ตร.ได้ถาม สนง.คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ถาม มอก. อีกที
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีข้อมูลอะไรจากทางตำรวจออกมาเผยแพร่อีกเลย
แต่...วันนี้ผมขอมาแสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหน่อยครับ ซึ่งตามความเห็นผมแล้ว ผมว่ากฎหมายมันแปลกๆ และออกจะขัดกันเอง
ทำให้ผู้บังคับใช้กฎหมายสับสนได้
เพราะว่าตาม "กฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ.2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522"
ได้นิยามหมวกกันน็อคประเภทต่างๆไว้ในข้อ 1 ของกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ซึ่งระบุว่าหมวกในแต่ละแบบที่มีบังลม จะต้องทำจากวัสดุ "โปร่งใส่ไม่มีสี"
แต่ในข้อ 2 วรรค 2 นั้นกลับบอกว่า ถ้าได้มีการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับหมวกกันน็อคในแบบใดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรม หมวกนิรภัยที่จะใช้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งในมาตรฐานอุตสากรรมสำหรับหมวกกันน็อคใหม่ในปี 2557 มอก.369-2557
ระบุให้การส่งผ่านแสงต้องมากกว่าร้อยละ 80 กรณีที่ค่าการส่งผ่านแสงอยู่ในช่วง ร้อยละ 50-80 ต้องระบุข้อความ “ใช้ในเวลากลางวันเท่านั้น”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะเห็นได้ว่าหมวกที่ได้มาตรฐานมอก.ตามข้อ 2 ของกฎกระทรวงนั้น ขัดกับข้อ 1 ที่กันลมจะต้องโปรงใสไม่มีสีเท่านั้น
เอาหละ...ใครมีข้อสรุปก็หามาบอกกันหน่อยนะครับ ว่าสุดท้ายแล้ว ตร.เอาอย่างไรกันแน่ในเมื่อกฎหมายมันคลุมเคลืออย่างนี้