บทความต่างๆที่แชร์กันบนFBและline สามารถเชื่อถือได้ พอๆกับนิยายเด็กดี

กระทู้สนทนา
คิดอยู่หลายตลบว่าจะใช้ ID ของตัวเองเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาดีไหม แต่คิดไปคิดมา ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรเสียหายหรือโจมตีใคร ก็ใช้IDของเราไปนั่นแหละ คนจะได้รู้ว่าเราไม่ได้นั่งเทียนเขียนขึ้นมาเนียนๆในร่างอวตาร

ปัจจุบันนี้Content ต่างๆ กระจายไปได้ไวมากในโลกออนไลน์ มาในรูปแบบของรูปภาพ ข้อความ วีดีโอ หรือ fwd mailต่างๆ ซึ่งสื่อที่จะถูกส่งต่อไปได้ไวที่สุด คงหนีไม่พ้น Line และ Facebook

แล้ว content พวกนั้น เชื่อถือได้มากแค่ไหน?

เชื่อถือได้มากพอๆกับนิยายเด็กดี หรือกระทู้พันทิป18+ ที่มักจะบอกว่าเป็นเรื่องจริงนั่นแหละ

พูดง่ายๆคือ ส่วนมากจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาทั้งนั้น หรือบางเรื่องที่มีความจริงอยู่ 10 เราก็สามารถเขียนเรื่องโกหกเพิ่มไปอีก90แล้วทำให้มันดูเหมือนจริง 100%ได้

คำถามคือ แล้วเขาจะแต่งเรื่องหลอกเราไปทำไม? แน่นอนว่ามันต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่นอน ไม่มากก็น้อย และบางเรื่อง เขาไม่ได้ทำเพียงคนเดียว พวกเขาทำกันเป็นกระบวนการ ทำกันเป็นงานหลัก ได้เงินเดือนกันเป็นล่ำเป็นสัน จากการแต่งนิยายหลอกคนอ่านอย่างเราๆนี่แหละ...ยังไม่ค่อยเก็ทใช่ไหม เดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ดู (ตัวอย่างที่ยกมาอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริง แต่ขอให้อ่านเป็นตัวอย่างแล้วกันนะคะ)

นักการเมือง Aที่สร้างภาพว่าเป็นคนดี ต้องการเงินสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ ขอเจ้าของบริษัทไปหลายครั้งก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ ถึงขนาดเอาปืนขู่ใต้โต๊ะมาแล้ว สุดท้ายด้วยความเคียดแค้น จึงพยายามที่จะบีบให้เจ้าของบริษัทเดือดร้อน จนกว่าจะให้เงินสนับสนุนตนตามที่ขอ
นักการเมือง A ได้จ้างทีมนั่งเทียนเขียนข่าวมาเป็นจำนวนหนึ่ง(สมมติว่า5คน) ช่วยกันทำรีเสิร์ชและระดมสมองหาช่องว่างของบริษัทนั้นและสร้างเรื่องต่อไปให้ดูน่าเชื่อถือเป็นเป็นเหตุเป็นผลรับกันมากที่สุด

คนนั่งเทียน 1 คอยสอดส่องตามร้านค้าของบริษัทนั้น หาช่องโหว่แล้วรีบถ่ายรูปส่งให้กรุ๊ปเพื่อนขนาดใหญ่ทางไลน์ พร้อมเขียนคำโปรยที่ดุเดือดและน่าเชื่อถือ ปลุกระดมความเกลียดชังเป็นอย่างมาก

คนนั่งเทียน  2 ทำ quote ประโยคเด่นๆ พร้อมตัดรูปเจ้าของบริษัทมาใส่ โดยเลือกประโยคที่จะทำให้คนตีความไปในเชิงลบให้มากที่สุด และส่งให้เพจดังนำไปแชร์ต่อ

คนนั่งเทียน 3 ตัดต่อคลิปเสียงที่เจ้าของบริษัทเคยให้สัมภาษณ์ นำเอามาเรียงรูปประโยคใหม่จนกลายเป็นคำพูดที่ร้ายกาจ และนำไปอัพโหลดใน YouTubeพร้อมคำโปรยว่า คลิปเสียงลับ คำสั่งโหด รีบฟังก่อนถูกลบ อะไรก็ว่าไป

คนนั่งเทียน 4 เขียนบทความเชิงวิชาการ ใช้คำพูดที่น่าเชื่อถือและจริงจัง หาเหตุผลดีๆมารองรับได้ทั้งหมด พร้อมโยงเรื่องราวไปมาอย่างชาญฉลาด ผู้ที่ได้เป็นบทความนี้ เกิน80% อ่านแล้วจะเชื่อจนสนิทใจ อย่างไม่มีข้อสงสัย และพร้อมที่จะแชร์ต่อไปทางสื่อต่างๆจนกว่าทุกๆคนจะได้อ่านกันหมด

คนนั่งเทียน 5 มีทีมทำ VDO ภาพเคลื่อนไหวอลังการงานสร้าง (ยิ่งอลังการยิ่งดูน่าเชื่อถือ) บอกเล่าข้อเท็จจริงบางอย่าง ลามไปถึงเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ และพยายามจะบอกเป็นนัยๆว่า สิ่งไม่ดีต่างๆที่เกิดมานี้ เกิดขึ้นเพราะบริษัทนี้ทั้งหมด

หลังจากที่ content ทั้ง 5 ได้ถูกกระจายออกไปในสื่อต่างๆแล้ว ในฐานะผู้เสพสื่อ ย่อมไม่มีใครรู้ว่า content ทั้งหมด ได้ถูกสร้างจากแหล่งเดียวกัน ผู้อ่านคิดเพียงอย่างเดียวว่า บริษัทนี้ โดยเฉพาะเจ้าของ นี่ช่างแย่เสียจริง ทำแต่เรื่องแย่ๆ ยิ่งถ้าเจ้าของบริษัทนี้ ถูกกดดันจากคนแบบ นักการเมือง A ซักห้าคน content แบบนี้ย่อมแพร่กระจายไปเป็นสิบจนถึงร้อยเรื่อง หากมีคนมาช่วยแก้ต่าง คนนั่งเทียนเขียนข่าวก็จะกลายร่างเป็นนัก monitoring คอยหาว่ามีใครพูดถึงบริษัทนี้ในแง่ดีไหม ถ้ามีก็จะไปตีเนียนคอมเม้นโดยสร้างเรื่องใหม่ๆให้ดูน่าเชื่อถือแบบผู้ถูกกระทำ หรือถ้ามีใครพูดถึงในแง่ลบ ก็จะไปช่วยสนับสนุนเสริมสร้างความเกลียดชังเข้าไปอีก

ผลสุดท้าย คนไทยเกินครึ่งประเทศที่ได้เสพสื่อโดยไม่รู้ความจริง ก็จะค่อยๆเกลียดชังบริษัทนี้ไปโดยไม่รู้ตัว และสุดท้าย หากบริษัทล่ม บริษัทคู่แข่งหรือบริษัทต่างประเทศที่หวังจะฮุบอยู่ ก็จะรีบกรูกันเข้ามาแทนที่ และให้พวกนักนั่งเทียนนี่แหละ คอยเขียนข่าวดีๆเกี่ยวกับบริษัทตัวเอง สร้างคะแนนนิยมของคนไทยผู้ใจดีไปเรื่อยๆ

เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในวงการธุรกิจเท่านั้น ทั้งการเมืองและสถาบันกษัตริย์ก็มีมาเนิ่นนานแล้ว พวกนี้ทำกันเป็นกระบวนการ มีสมาชิกอยู่ทั้งในและต่างประเทศ
ยิ่งในสถานการณ์อันน่าโศกเศร้าเช่นนี้ คนพวกนี้ยิ่งได้ใจ พยายามจะสร้างเรื่องต่อไปเรื่อยๆ

แล้วเราอยากจะเป็นเครื่องมือในการทำลายผู้อื่นของพวกเขาหรอ?
ที่ผ่านมาเราแชร์ข้อความที่ส่งต่อๆกันมาไปมากเท่าไหร่แล้ว?
แล้วเรามั่นใจไหมว่าเป็นเป็นเรื่องจริง 100%?

เราอาจจะไม่ทันได้คิดหรอกว่า การแชร์ข้อความทางline ที่มีเพื่อนอยู่50คนในกลุ่ม 30คนอาจจะเอาไปแชร์ต่อยังกลุ่มต่างๆ ภายใน 5นาที ผลจากการที่เราแชร์ข้อความนั้น อาจทำให้มีผู้อ่านข้อความเพิ่มมากขึ้นกว่า 500คน ถ้ามันเป็นเรื่องดีก็ดีไป แต่ถ้าหากเป็นเรื่องเท็จล่ะ?

เรากำลังทำร้ายใครโดยที่ไม่รู้ตัวอยู่รึเปล่า?

หยุดแชร์เถอะค่ะ ถ้าอยากจะแชร์ก็แชร์แต่เรื่องดีๆเถอะนะ เพื่อสังคมที่สงบสุข และดีกว่าที่เคยเป็นมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่