เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดเหตุพ่อของเพื่อนไม่สบายหนักมาก อายุประมาณ80 เพื่อนจึงพาเข้ารับการรักษาที่ รพ.(ฆ่าสัตว์แถวมีนบุรี) ชื่อที่คนเขาตั้งให้รพ. ซึ่งคุณหมอให้แอดมิดทันที วันแรกที่เข้าเพื่อนบอกว่าต้องนอนห้องรวม(ช-ญ)ธรรมดาแบบพัดลม เพื่อนก็ไปนอนเฝ้าข้างๆเตียงโดยกาเช่าเตียงพับเล็กๆจากทางรพ. ตลอดทั้งคืนก็จะมีเสียงร้อง เสียงกรี๊ดของผู้ป่วยในนั้น จนเพื่อนบอกว่าไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะทั้งร้อนและทั้งเสียง
ผ่านไปหนึ่งคืนจึงได้ห้องพิเศษ(แอร์)แต่เป็นห้องรวม4คน ห้องเดี่ยวคิวไม่ว่างและคิวจองยาวมาก เราก็ไปเยี่ยมวันที่4ที่อยู่ห้องนี้ ตอนที่เข้าไปมีผู้ป่วยอยู่3รายก่อนหน้าและพ่อเพื่อนเข้าไปใหม่ก็เป็น4คนพอดี เราไปก็เห็นท่านนอนหลับแทบจะตลอด เพราะคุณหมอสันนิษฐานว่าอาจจะไม่สบายจากการติดเชื้อ ที่เห็นก็มีทั้งน้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อ เพื่อนก็นอนเฝ้าที่ก้าอี้ยาวข้างเตียงทั้งวันทั้งคืน เราเยี่ยมแป๊ปเดียวก็ต้องรีบไปทำงาน วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเราเลยเข้าไปเยี่ยมอีกครั้ง เรามาถึงในตอนเช้า ปรากฏวันนี้ในห้องเหลือพ่อเพื่อนรายเดียวเพราะผู้ป่วย2รายได้กลับบ้าน อีกรายได้ห้องเดี่ยว เราก็เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนเรา ปรากฏสักพักมีผู้ป่วยรายใหม่ย้ายเข้ามา1คนเป็นวัยรุ่น อยู่ตรงข้ามเตียงพ่อเพื่อนเราและก็มีแม่เขามาเฝ้าไข้ เรานั่งคุยเล็กน้อยสักพักจึงกลับ
วันรุ่งขึ้นวันเสาร์เราหยุดก็เลยไปเยี่ยมอีก เอาอาหารไปฝากเพื่อนด้วย วันนี้พ่อเพื่อนดีขึ้นเอาสายน้ำเกลือออกแล้ว ถอยมาเป็นยาเม็ดแทน นั่งได้ไม่เกิน10นาที ตออนนั้นน่าจะ9โมง มีญาติของผู้ป่วยคนนั้นเข้ามา มีทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กน่าจะ 6-8คน มาถึงก็คุยเสียงดัง เด็กบางคนก็แยกไปนั่งนอนบนเตียงคนไข้ที่ว่าง เล่นกันสนุกสนาน ตึงตัง พ่อเพื่อนเราที่หลับอยู่ก็สะดุ้งตกใจตื่น เพื่อนเราก็บอกว่าให้นอนเถอะ เห็นว่ามันยังทนไหว สักพักพวกญาติกลุ่มนี้กลับไปเงียบได้พักเดียว คราวนี้เพื่อนของผู้ป่วยรายนั้นมาใหม่ มาอีกเกือบ10คน คราวนี้ไม่ธรรมดามาถึงก็คุยเล่นกันเสียงดัง แต่ก็มีได้ยินแม่ผู้ป่วยบอกให้เบาๆเสียง แต่เบาได้3วิแล้วก็ดังขึ้นอีก จากที่เห็นก็กระจายไปตามเตียงที่ว่าง นั่ง นอน เล่น เหมือนอยู่บ้าน เข้าห้องน้ำตลอดเวลา สักพักมีการแยกตัวลงไปซื้อของ 10นาทีผ่านไปก็หิ้วอาหารขึ้นมา ภาพที่เห็นคือ ทั้งนั่งทานขนม ทั้งไก่ย่าง ไก่ทอด ถ้วย จาน ชาม มาครบ นั่งปาร์ตี้ทานกันไม่ได้เกรงใจเลยว่าห้องรวม มีผู้ป่วยท่านอื่นพักผ่อนอยู่ บางคนก็แอบมามองลอดผ้าม่านที่กั้นระหว่างเตียง เรากับเพื่อนได้แต่อดทน พ่อเพื่อนที่หลับๆก็สะดุ้งตื่นหลายครั้งเพราะเสียงคุยและเสียงหัวเราะ พยาบาลก็เดินเข้ามาวัดไข้ผู้ป่วยนะ เดินเข้ามาเห็นพวกนี้ดัง เขาก็ไม่ว่าอะไร แถมยังบอกคนที่นั่งนอนบนเตียงคนไข้ที่ว่างว่า นอนได้ไม่เป็นไรถ้าไม่เปื้อน เพื่อนไม่อยากมีเรื่อง เห็นว่าพ่อคงจะหงุดหงิดเลยพาพ่อไปเดินเล่นหน้าห้องจะได้เปลี่ยนบรรยากาศที่มีแต่เตียงและเสียงดัง ก็เลยเห็นว่ามีรถเข็นเลยขอยืมจะพาพ่อไปข้างล่างบ้าง พยาบาลถามว่าทำไมไม่นอนเพื่อนเลยบอกว่า ขอพาพ่อไปเดินเล่นดีกว่า เพราะในห้องเสียงดังพ่อนอนไม่ได้สะดุ้งตื่นหลายรอบแล้ว ห้องน้ำก็ไม่ค่อยว่างญาติผู้ป่วยนั้นผลัดกันเข้าตลอด พ่อเพื่อนต้องฉี่ใส่คอมฟอร์ตเพราะอายุเยอะแล้วอั้นไม่ค่อยได้ เรากับเพื่อนเลยเข็นพ่อไปข้างล่าง ไปสวนบ้าง ไปตรงโน้นตรงนี้บ้างจะได้ไม่อุดอู้ สักพักก็กลับขึ้นไป ปรากฏว่าพอไปถึงห้องก็เงียบแล้วเพราะพวกคนที่มาเยี่ยมกลับกันไปหมด เหลือแต่แม่และผู้ป่วยคนนั้น เพื่อนก็พาพ่อขึ้นเตียงเราก็เลยลากลับ
พอตกค่ำเพื่อนเราโทรมาปรึกษา มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะหลังจากที่เรากลับ ก็มีญาติของผู้ป่วยรายนั้นมาเยี่ยมเป็นน้าชาย มาถึงก็โวยวายถามหลานว่า "ไหน ใครว่าเสียงดัง" แล้วก็เดินออกไปดูชื่อพ่อเพื่อนเราที่หน้าห้องแล้วก็พูดดังๆว่า อ๋อ ร้อยโท เหรอ (พ่อเพื่อนเป็นทหารเกษียณราชการแล้ว) แล้วผู้ชายคนนั้นก็ไป เราก็เป็นห่วงเพื่อนมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี เพื่อนเราก็ผญ. เราก็ผญ. ไอ้ฝั่งนั้นก็ดูจะอันธพาลมาก เพื่อนเลยโทรไปหาน้องชายให้เข้ามาที่รพ. เพื่อนเล่าว่า น้องชายเลยเดินเข้าไปคุยกับแม่ของเด็กคนนั้น ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วผู้ชายที่มาโวยวายเป็นใคร แม่ของเด็กคนนั้นจึงเล่าว่า ตอนที่เรากับเพื่อนพาพ่อลงไปข้างล่าง มีพยาบาลคนนึงเดินเข้ามาบอกว่า ทางเพื่อนเราไปฟ้องที่เคาน์เตอร์ว่าพวกเขาเสียงดังรบกวนมากให้ช่วยมาเตือนหน่อย คือเพื่อนเราแค่บอกพยาบาลเคาน์เตอร์ว่าจะพาพ่อไปเดินข้างล่างเพราะในห้องเสียงดังแค่นั้น แล้วแม่เด็กก็ไปบอกน้าของเด็กที่มาเยี่ยม เขาเลยไม่พอใจ ทำเป็นโวยวาย น้องชายเพื่อนก็พูดคุยเคลียร์ปัญหากับแม่เด็กจนจบ แต่เขาคิดว่าพน.วันอาทิตย์เป็นวันหยุดต้องมีคนมาเยี่ยมเด็กคนนี้อีกแน่ ถึงแม้จะเคลียร์จบตอนนี้ แต่พรุ่งนี้ก็คงต้องมีปัญหาอีก เพราะแม่เด็กฝั่งนั้นก็ได้แต่พูดว่า เราก็ห้ามไม่ให้มาเยี่ยมไม่ได้ น้องเพื่อนเราเลยไปปรึกษากับพยาบาลว่าจะตัวพ่อกลับเพราะอาการไม่มีอะไรแล้ว และไม่อยากให้พ่อมาเจอสังคมบ้าๆแบบนี้แค่ป่วยก็แย่พอแล้ว เขาบอกมีเรื่องอะมีได้ แต่ในรพ.และพ่อเองก็ไม่ควรมาเจอแบบนี้ ถ้าจะมีค่อยนัดเจอกันข้างนอกยังทัน พยาบาลบอกว่าหมอยังไม่ได้บอกให้กลับถ้าจะกลับต้องเซ็นต์ใบยินยอมรับหากคนไข้เป็นอะไรหรือมีปัญหาอะไร พยาบาลเลยเสนอให้ย้ายมาอีกห้องซึ่งเป็นห้องรวม4เตียง(แอร์)แต่เป็นห้องผญ.ที่มีแต่คนไข้สูงอายุก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าจะโทรปรึกษาคุณหมอว่าสามารถออกได้หรือยัง
เพื่อนเราก็กลัวว่าพ่อจะมีปัญหาเลยยอมให้ย้ายดีกว่าแล้วรอคำตอบจากหมออีกที พอรุ่งเช้าคุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการ แล้วก็บอกให้กลับบ้านได้และให้รับยามาทาน
จากเรื่องที่เล่าอาจจะยาวมาก แต่เราอยากให้เห็นว่าเหตุมันเกิดยังไงจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังและเห็นจากตาตัวเอง เราว่าทางรพ.เองไม่มีมาตรการแก้ปัญหาที่ดี น่าจะหาวิธีการเตือนที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ไปพูดว่าทางคนไข้อีกรายไปฟ้องว่าเสียงดัง แบบนี้มันก็เหมือนกับเสี้ยมให้คนเขาทะเลาะกัน ทั้งที่เพื่อนเราอดทนมาก และหลีกหนีปัญหา
ห้องพักผู้ป่วยควรเป็นที่ให้เขาได้นอนพัก เงียบๆ สงบๆ ให้เขาได้มีเวลานอนเยอะๆ
พยาบาลที่เข้ามาวัดไข้2-3รอบ ก็ไม่พูดไม่เตือน กลับนิ่งเฉย
เด็กเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีมารยาท และผู้ใหญ่เองก็ขาดจิตสำนึกในความเป็นผู้ใหญ่ อะไรควรไม่ควรน่าจะคิดได้ และควบคุมได้
รพ.ที่น่าจะเป็นที่พึ่ง ที่พักรักษาตัวของคนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็มีแต่คนว่า เหมือนโรงฆ่าสัตว์ ไม่ค่อยสนใจผู้ป่วย หรือจะจริงเหมือนที่คนเขาพูด แต่อย่างน้อยก็ทำให้พ่อเพื่อนอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นอะไร รอนัดเข้ามาหลังจากผลเพาะเชื้อออกอีกที
โลกที่เปลี่ยนไป ความเกรงใจเลยเปลี่ยนตาม
ผ่านไปหนึ่งคืนจึงได้ห้องพิเศษ(แอร์)แต่เป็นห้องรวม4คน ห้องเดี่ยวคิวไม่ว่างและคิวจองยาวมาก เราก็ไปเยี่ยมวันที่4ที่อยู่ห้องนี้ ตอนที่เข้าไปมีผู้ป่วยอยู่3รายก่อนหน้าและพ่อเพื่อนเข้าไปใหม่ก็เป็น4คนพอดี เราไปก็เห็นท่านนอนหลับแทบจะตลอด เพราะคุณหมอสันนิษฐานว่าอาจจะไม่สบายจากการติดเชื้อ ที่เห็นก็มีทั้งน้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อ เพื่อนก็นอนเฝ้าที่ก้าอี้ยาวข้างเตียงทั้งวันทั้งคืน เราเยี่ยมแป๊ปเดียวก็ต้องรีบไปทำงาน วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเราเลยเข้าไปเยี่ยมอีกครั้ง เรามาถึงในตอนเช้า ปรากฏวันนี้ในห้องเหลือพ่อเพื่อนรายเดียวเพราะผู้ป่วย2รายได้กลับบ้าน อีกรายได้ห้องเดี่ยว เราก็เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนเรา ปรากฏสักพักมีผู้ป่วยรายใหม่ย้ายเข้ามา1คนเป็นวัยรุ่น อยู่ตรงข้ามเตียงพ่อเพื่อนเราและก็มีแม่เขามาเฝ้าไข้ เรานั่งคุยเล็กน้อยสักพักจึงกลับ
วันรุ่งขึ้นวันเสาร์เราหยุดก็เลยไปเยี่ยมอีก เอาอาหารไปฝากเพื่อนด้วย วันนี้พ่อเพื่อนดีขึ้นเอาสายน้ำเกลือออกแล้ว ถอยมาเป็นยาเม็ดแทน นั่งได้ไม่เกิน10นาที ตออนนั้นน่าจะ9โมง มีญาติของผู้ป่วยคนนั้นเข้ามา มีทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กน่าจะ 6-8คน มาถึงก็คุยเสียงดัง เด็กบางคนก็แยกไปนั่งนอนบนเตียงคนไข้ที่ว่าง เล่นกันสนุกสนาน ตึงตัง พ่อเพื่อนเราที่หลับอยู่ก็สะดุ้งตกใจตื่น เพื่อนเราก็บอกว่าให้นอนเถอะ เห็นว่ามันยังทนไหว สักพักพวกญาติกลุ่มนี้กลับไปเงียบได้พักเดียว คราวนี้เพื่อนของผู้ป่วยรายนั้นมาใหม่ มาอีกเกือบ10คน คราวนี้ไม่ธรรมดามาถึงก็คุยเล่นกันเสียงดัง แต่ก็มีได้ยินแม่ผู้ป่วยบอกให้เบาๆเสียง แต่เบาได้3วิแล้วก็ดังขึ้นอีก จากที่เห็นก็กระจายไปตามเตียงที่ว่าง นั่ง นอน เล่น เหมือนอยู่บ้าน เข้าห้องน้ำตลอดเวลา สักพักมีการแยกตัวลงไปซื้อของ 10นาทีผ่านไปก็หิ้วอาหารขึ้นมา ภาพที่เห็นคือ ทั้งนั่งทานขนม ทั้งไก่ย่าง ไก่ทอด ถ้วย จาน ชาม มาครบ นั่งปาร์ตี้ทานกันไม่ได้เกรงใจเลยว่าห้องรวม มีผู้ป่วยท่านอื่นพักผ่อนอยู่ บางคนก็แอบมามองลอดผ้าม่านที่กั้นระหว่างเตียง เรากับเพื่อนได้แต่อดทน พ่อเพื่อนที่หลับๆก็สะดุ้งตื่นหลายครั้งเพราะเสียงคุยและเสียงหัวเราะ พยาบาลก็เดินเข้ามาวัดไข้ผู้ป่วยนะ เดินเข้ามาเห็นพวกนี้ดัง เขาก็ไม่ว่าอะไร แถมยังบอกคนที่นั่งนอนบนเตียงคนไข้ที่ว่างว่า นอนได้ไม่เป็นไรถ้าไม่เปื้อน เพื่อนไม่อยากมีเรื่อง เห็นว่าพ่อคงจะหงุดหงิดเลยพาพ่อไปเดินเล่นหน้าห้องจะได้เปลี่ยนบรรยากาศที่มีแต่เตียงและเสียงดัง ก็เลยเห็นว่ามีรถเข็นเลยขอยืมจะพาพ่อไปข้างล่างบ้าง พยาบาลถามว่าทำไมไม่นอนเพื่อนเลยบอกว่า ขอพาพ่อไปเดินเล่นดีกว่า เพราะในห้องเสียงดังพ่อนอนไม่ได้สะดุ้งตื่นหลายรอบแล้ว ห้องน้ำก็ไม่ค่อยว่างญาติผู้ป่วยนั้นผลัดกันเข้าตลอด พ่อเพื่อนต้องฉี่ใส่คอมฟอร์ตเพราะอายุเยอะแล้วอั้นไม่ค่อยได้ เรากับเพื่อนเลยเข็นพ่อไปข้างล่าง ไปสวนบ้าง ไปตรงโน้นตรงนี้บ้างจะได้ไม่อุดอู้ สักพักก็กลับขึ้นไป ปรากฏว่าพอไปถึงห้องก็เงียบแล้วเพราะพวกคนที่มาเยี่ยมกลับกันไปหมด เหลือแต่แม่และผู้ป่วยคนนั้น เพื่อนก็พาพ่อขึ้นเตียงเราก็เลยลากลับ
พอตกค่ำเพื่อนเราโทรมาปรึกษา มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะหลังจากที่เรากลับ ก็มีญาติของผู้ป่วยรายนั้นมาเยี่ยมเป็นน้าชาย มาถึงก็โวยวายถามหลานว่า "ไหน ใครว่าเสียงดัง" แล้วก็เดินออกไปดูชื่อพ่อเพื่อนเราที่หน้าห้องแล้วก็พูดดังๆว่า อ๋อ ร้อยโท เหรอ (พ่อเพื่อนเป็นทหารเกษียณราชการแล้ว) แล้วผู้ชายคนนั้นก็ไป เราก็เป็นห่วงเพื่อนมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี เพื่อนเราก็ผญ. เราก็ผญ. ไอ้ฝั่งนั้นก็ดูจะอันธพาลมาก เพื่อนเลยโทรไปหาน้องชายให้เข้ามาที่รพ. เพื่อนเล่าว่า น้องชายเลยเดินเข้าไปคุยกับแม่ของเด็กคนนั้น ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วผู้ชายที่มาโวยวายเป็นใคร แม่ของเด็กคนนั้นจึงเล่าว่า ตอนที่เรากับเพื่อนพาพ่อลงไปข้างล่าง มีพยาบาลคนนึงเดินเข้ามาบอกว่า ทางเพื่อนเราไปฟ้องที่เคาน์เตอร์ว่าพวกเขาเสียงดังรบกวนมากให้ช่วยมาเตือนหน่อย คือเพื่อนเราแค่บอกพยาบาลเคาน์เตอร์ว่าจะพาพ่อไปเดินข้างล่างเพราะในห้องเสียงดังแค่นั้น แล้วแม่เด็กก็ไปบอกน้าของเด็กที่มาเยี่ยม เขาเลยไม่พอใจ ทำเป็นโวยวาย น้องชายเพื่อนก็พูดคุยเคลียร์ปัญหากับแม่เด็กจนจบ แต่เขาคิดว่าพน.วันอาทิตย์เป็นวันหยุดต้องมีคนมาเยี่ยมเด็กคนนี้อีกแน่ ถึงแม้จะเคลียร์จบตอนนี้ แต่พรุ่งนี้ก็คงต้องมีปัญหาอีก เพราะแม่เด็กฝั่งนั้นก็ได้แต่พูดว่า เราก็ห้ามไม่ให้มาเยี่ยมไม่ได้ น้องเพื่อนเราเลยไปปรึกษากับพยาบาลว่าจะตัวพ่อกลับเพราะอาการไม่มีอะไรแล้ว และไม่อยากให้พ่อมาเจอสังคมบ้าๆแบบนี้แค่ป่วยก็แย่พอแล้ว เขาบอกมีเรื่องอะมีได้ แต่ในรพ.และพ่อเองก็ไม่ควรมาเจอแบบนี้ ถ้าจะมีค่อยนัดเจอกันข้างนอกยังทัน พยาบาลบอกว่าหมอยังไม่ได้บอกให้กลับถ้าจะกลับต้องเซ็นต์ใบยินยอมรับหากคนไข้เป็นอะไรหรือมีปัญหาอะไร พยาบาลเลยเสนอให้ย้ายมาอีกห้องซึ่งเป็นห้องรวม4เตียง(แอร์)แต่เป็นห้องผญ.ที่มีแต่คนไข้สูงอายุก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าจะโทรปรึกษาคุณหมอว่าสามารถออกได้หรือยัง
เพื่อนเราก็กลัวว่าพ่อจะมีปัญหาเลยยอมให้ย้ายดีกว่าแล้วรอคำตอบจากหมออีกที พอรุ่งเช้าคุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการ แล้วก็บอกให้กลับบ้านได้และให้รับยามาทาน
จากเรื่องที่เล่าอาจจะยาวมาก แต่เราอยากให้เห็นว่าเหตุมันเกิดยังไงจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังและเห็นจากตาตัวเอง เราว่าทางรพ.เองไม่มีมาตรการแก้ปัญหาที่ดี น่าจะหาวิธีการเตือนที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ไปพูดว่าทางคนไข้อีกรายไปฟ้องว่าเสียงดัง แบบนี้มันก็เหมือนกับเสี้ยมให้คนเขาทะเลาะกัน ทั้งที่เพื่อนเราอดทนมาก และหลีกหนีปัญหา
ห้องพักผู้ป่วยควรเป็นที่ให้เขาได้นอนพัก เงียบๆ สงบๆ ให้เขาได้มีเวลานอนเยอะๆ
พยาบาลที่เข้ามาวัดไข้2-3รอบ ก็ไม่พูดไม่เตือน กลับนิ่งเฉย
เด็กเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีมารยาท และผู้ใหญ่เองก็ขาดจิตสำนึกในความเป็นผู้ใหญ่ อะไรควรไม่ควรน่าจะคิดได้ และควบคุมได้
รพ.ที่น่าจะเป็นที่พึ่ง ที่พักรักษาตัวของคนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็มีแต่คนว่า เหมือนโรงฆ่าสัตว์ ไม่ค่อยสนใจผู้ป่วย หรือจะจริงเหมือนที่คนเขาพูด แต่อย่างน้อยก็ทำให้พ่อเพื่อนอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นอะไร รอนัดเข้ามาหลังจากผลเพาะเชื้อออกอีกที