[CR] [จงเจอนี่ - Jongjourney] ฤดูใบไม้ร่วง, ปี 2015 “ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโต แล้วแวะไปกินทาโกที่โอซาก้า" EP.01 เกียวโต

เมื่อลมหนาวพัดมา พร้อมกับอากาศอันหนาวเย็น เป็นสัญญาณให้ใบไม้ต่างพร้อมใจที่จะเปลี่ยนสีสันเป็นสีเหลือง ส้ม แดง เพื่อรับมือกับธรรมชาติ จนสุดท้ายก็รับมือไม่ไหวยอมทิ้งกิ่งต้นไป เหลือไว้เพียงแต่ต้นและกิ่งที่แข็งแรงยืนหยัด และใบไม้จะกลับมาเมื่อความหนาวพัดผ่านไป มันคือสิ่งที่ธรรมชาติกำลังบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างกับผม และผมว่าคงมีนักเดินทางไม่น้อยที่วางแผนจะไปสัมผัสปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ณ สถานที่แห่งนี้ เอาหล่ะออกเดินทางกันเลย


ช่วงเวลาหนึ่ง ณ ฤดูใบไม้ร่วง, ปี 2015
    ญี่ปุ่นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกกี่ที ถึงจะเบื่อ ช่วงระหว่างวันที่ 26 พ.ย. 58 – 3 ธ.ค. 58 (7 วัน 6 คืน)ผมมีโอกาสได้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโต และโอซาก้ามา ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 กับประเทศญี่ปุ่น และครั้งที่ 2 กับการดูใบไม้เปลี่ยนสี (ครั้งแรกไปที่โตเกียว ปี ก่อนหน้านี้ 1 ปี ไว้มีโอกาสจะนำมาตั้งกระทู้ให้ได้อ่านกันนะครับ)
    โดยข้อมูลและภาพที่ผมมีทั้งหมดนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะนำมาตั้งกระทู้ตั้งแต่แรก จึงอาจจะขาดความละเอียดไปบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ก่อนเลย แต่ด้วยความที่จะอยากแบ่งปันสถานที่เที่ยวให้เพื่อน ๆ  เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่การเดินทางได้บ้างไม่มากก็น้อย เลยพาให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมาเรียกว่ามาแบ่งปันภาพของสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโตและโอซาก้าละกัน

Travel List
    1. เกียวโต (วัด Tofukuji – Nishiki Market - Fushimi Inari-taisha – Gion – Arashiyama – วัดJojakkoji)
    2. โอซาก้า (กิน ดื่ม ที่ Dotonbori – Winter illumination @ tennoji zoo – kuromon market)
    3. โกเบ (Mt.Rokko)

   ตารางเที่ยวในแต่วัน จะค่อนข้างหลวม ๆ เนื่องจากเดินทางทั้งหมด 4 คน ซึ่งในคณะนั้นมีผู้สูงวัยด้วย คือ คุณแม่ และแฟนแม่ผมครับ จริง ๆ ผมเองก็เป็นพวกสายชิลล์ เที่ยวตามสบาย เที่ยวเรื่อย ๆ ไม่ได้มีแผนเที่ยวเท่าไหร่ เพียงแต่รู้ว่าที่ไหนเป็นอย่างไร และวิธีไปบ้าง โดยที่ ๆ จะไปนั้นมักจะถูกคิดตอนตื่นนอนของแต่ละวัน เรื่อง Pass ผมจึงไม่เคยได้ซื้อเลย (อาจจะเป็นข้ออ้างในการมามาญี่ปุ่นอีกหลาย ๆ ครั้ง เจาะลึกไปทีละเมืองสองเมือง) ผมว่ามาเที่ยวคือการมาพักผ่อน ซึ่งสมัยเที่ยวครั้งแรก ๆ ผมก็อัดโปรแกรมแน่นเอาคุ้มเหมือนกันแต่กลับมารู้สึกว่าเหนื่อยมากไป หลังพอวัยใกล้เลขสาม ก็เที่ยวแบบฉิ่งฉับเอาครับ จะได้ไม่เครียด แต่อย่างไรก็ดีผมก็มีที่ ๆ อยากไป เหมือนกันซึ่งที่เหล่านั้นผมมักอัดไปเต็มวัน อย่างทริปนี้ คือ อาราชิยามา และ Mt.Rokkoครับ พร้อมแล้วไปเที่ยวกันครับ

26 พ.ย. 58
01. Day 1 จากกรุงเทพฯ สู่ โอซาก้า

     การเดินทางครั้งนี้เดินทางโดย Air asiaXออกจากดอนเมือง 15.30 น. ถึง โอซาก้า ราว ๆ ห้าทุ่ม ส่วนราคานั้นประมาณ 10,XXX บาท ไม่ได้ซื้อโปรโมชั่นแต่อย่างใด ก็มันอยากไปดูใบไม้ไม้เปลี่ยนสีนี่นาเลยต้องยอม

พร้อมแล้วลุยเลยครับบ "ญี่ปุ่น จ๋าพี่กำลังไป"


    ถึงโอซาก้าราว ๆ 23.00 น. คืนแรกผมพักที่โรงแรม Kansai Hotel แถว ๆ Osaka station เดินประมาณ 10 นาที เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทางไปเกียวโต และสามารถที่จะนั่งรถบัสมาลงได้ง่าย ๆ อีกอย่างคือเพราะเครื่องลงเกือบห้าทุ่ม ผมเลยไม่อยากเป็นกังวลเกี่ยวกับรถไฟที่มีรอบสุดท้ายเพียงเที่ยงคืน จึงใช้บริการรถบัสเพื่อเข้าเมือง โดยมีการให้บริการถึง 01.45 น. (ภาพที่ 1) โดยซื้อจากตู้กดในราคา 1,550 เยน (ภาพที่ 2) หากไปลงที่ Osaka sta. ให้มายืนรอที่ป้ายที่ 5 (ภาพที่3) ใช้เวลาเดินทางราว ๆ 1 ชม.



ซื้อตั๋ว มายืนรอ แล้วก็ขึ้นได้เลยครับ คนขับจะจัดการเรื่องกระเป๋าเดินทางให้ทั้งหมดสะดวกสบายมาก ๆ


ถึงโรงแรมก็พักผ่อนตามอัธยาศัย  เตรียมลุยเกียวโตพรุ่งนี้ครับ



27 พ.ย. 58
Day 2 From Osaka to Kyoto


   จาก โอซาก้า ไปเกียวโต ไปได้ทั้งรถไฟหวานเย็น (Osaka sta.) และชินคันเซน (Shin Osaka sta.) ครับ แต่ราคาต่างกันหลายเท่าตัวอยู่ผมเน้นของถูก เพราะเงินผมน้อย แต่เวลาผมเยอะ

ระหว่างรอ......


มีคนข้าง ๆ ไว้อุ่นใจดี


   ถึงเกียวโตก็นั่งรถไฟฟ้ามาโรงแรม ผมพักที่เกียวโตทั้งหมด 3 คืน คือ 27 - 30 พ.ย. ชื่อ Guesthouse SanjyotakakuraHibikiดูจากเครื่องใช้ภายในห้องแล้วคิดว่าน่าจะเป็นอพาร์ทเม้นสำหรับรายเดือนครับ เพราะมีแม้กระทั่งคอมฯ ซึ่งค่าห้องแพงมาก คืนละประมาณ 20,000 เยน (เป็นราคาที่ผมหาได้ถูกที่สุดแล้วในเกียวโต) แต่ดีที่อยู่ในย่าน  Sanjoใกล้ตลาด Nishikiและถนนช็อปปิ้ง Teramachi

[ภาพประกอบ :Google.com]


[ภาพประกอบ :Google map]

   ไปถึงยังไม่สามารถเช็คอินได้ ก็ฝากกระเป๋าไว้ แล้วก็ออกไปเที่ยวกัน จุดหมายแรกที่ไปคือ วัด Tofukuji นั่งรถไฟจาก Kyoto sta. ไปเพียง 2 นาที โดยใช้ JR สาย Nara Line แต่เดินจากสถานีรถไฟไปค่อนข้างไกลเหมือนกัน ถามว่าสวยมั้ยก็สวยครับ แต่ คนเยอะมากกกกกกกกกก เล่าด้วยภาพไปละกันครับ

ระหว่างทางเดินเข้าวัด


ได้บัตรมาแล้ว ค่าเข้า 400 เยน เวลาเปิด-ปิด (เดือน พ.ย. - ต้นเดือน ธ.ค.) 8:30 to 16:30


มีแต่ต้น เมเปิ้ล ล้วน ๆ เลย


คนเยอะมากครับ ไม่ชอบอึดอัด ผ่านได้เลย อย่างแม่ผมท่านก็ไม่ไหวนั่งรอข้างนอก


มุมที่ผมชอบที่สุดของที่นี่


เรื่อย ๆ ครับ



ยิ่งสูง ลมมันก็ยิ่งแรง อยู่กับพื้นบางทีมันก็มั่นคงดีนะ


   จากที่นี่ก็ย้อนกลับไปที่โรงแรมกันเพื่อเช็คอิน จริง ๆ ถนนหน้าวัดก็เต็มไปด้วยของกิน ของขายเต็มไปหมดเลยมาจัดเต็มได้สบาย จากนั้นก็ไปเดินเล่นที่ตลาด Nishikiกันของกินมีค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่อาหารสด ขนมทั้งสมัยใหม่ และแบบโบราณ มีร้านรวงให้ช็อปปิ้ง เยอะเหมือนกันฮะ ผมก็เดินกินไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ตกลงปลงใจกับร้านไหนแบบจริงจัง

หอยเชล์ย่างซีอิ้วตัวเบ้ง ๆ


ลูกชิ้นปลาทอด อาหร่อย


ของทะเลก็เพียบ


มันหวาน ๆ


ในบรรดาที่กินมาทั้งหมด ผมชอบสิ่งนี้ โมจิย่างกรอบ ๆ เอามาราดด้วยซอส/ผง แตกต่างกันไปที่จำได้เลยคือ ชีส กับ โนริสาหร่าย
อร่อยสุด ๆ มือคนทำน่าจะบอกถึงประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี แกย่างแบบละเมียดมาก ค่อย ๆ ฟูมฟักมันอย่างดี แต่ผมนี่สิกินหมดภายในสามสิบวิ  



    เดินมาสุดถนน ก็จะเจอถนนช็อปปิ้งตัดกันอยู่ อาจจะไม่ยาวเท่าไหร่แต่ของถูกเยอะมากครับ ร้านเสื้อ 100 เยน/300 เยน มีให้เห็นอยู่ร่ำไป แฟนผมกระเป๋าแบนตั้งแต่วันแรกเลย ส่วนใหญ่เป็นของแฟชั่น ทั้งมือหนึ่ง มือสอง เดินได้เพลิน ๆ ครับ อาจไม่ยาวเท่าชินไซบาชิ แต่ได้ของติดไม้ติดมือแน่นอน

.
.
จบวันที่สองของทริป ฝันดีราตรีสวัสดิ์
ชื่อสินค้า:   ใบไม้เปลี่ยนสี Osaka-Kyoto
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่