สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ก่อนอื่นต้องเข้าใจกับที่มาของตัวเลข15,000฿ ซึ่งไม่ใช่มาจากการหวังซื้อเสียงหรือคะแนนจากชาวนา แต่คำนวณจากรายได้ที่ชาวนาสมควรจะได้และคุ้มค่ากับการลงทุน เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ขั้นต่ำของคนที่มีอาชีพอื่นๆ
อย่าลืมว่า การทำนาแต่ละรอบ ต้องใช้เวลาและลงทุน เพราะข้าวไม่ได้ขึ้นได้เองโดยไม่ต้องลงมือปลูก หรือใส่ปุ๋ย
ดังนั้น ถ้าราคาข้าวเปลือกต่ำกว่า15,000฿ต่อเกวียน นั่นแสดงว่า คนที่ทำนาจะมีรายได้ต่ำกว่า"ค่าแรงขั้นต่ำ" ชีวิตความเป็นอยู่จึงไม่มีวันดีขึ้นเหมือนกับคนไทยที่มีอาชีพอื่นๆ จนเป็นเหตุที่ทำให้ชาวนานั้นยากจนมาตลอดชั่วชีวิตอย่างที่คนไทยเจอกันจนชิน จนดูเหมือนว่าชาวนาคือภาระของประเทศไป
ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาข้าวสารที่ขายตามท้องตลาดด้วยแล้ว ราคาที่ต่ำกว่า15,000฿ต่อเกวียนมากเท่าไร ยิ่งแสดงว่าพ่อค้าข้าวได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น ราคาข้าวที่ตกต่ำจึงอยู่ที่"พ่อค้า"คอยขูดรีด. ยิ่งรัฐบาลไม่สนใจในการแก้ปัญหา ยิ่งทำให้ชาวนาตกเป็นเบี้ยล่างมากขึ้น จนทำให้ราคาดิ่งเหวอย่างเช่นทุกวันนี้
ราคาข้าวเปลือก15,000฿ต่อเกวียน จึงเป็นราคาที่เหมาะสมที่รัฐบาลควรจะมีแนวทางในการผลักดัน หรือช่วยขยายตลาดเพื่อดันราคาให้ได้ที่ตัวเลขนี้มากกว่า เว้นเสียแต่จะบริหารประเทศโดยไม่ต้องสนใจถึงความเดือดร้อนของคนไทยที่มีอาชีพปลูกข้าว
15,000฿จึงไม่ใช่กับดักแต่เป็นตัวเลขที่หากทำได้ ชาวนาไทยก็จะไม่เป็นปัญหาและภาระของสังคมอย่างที่ผ่านมา ขึ้นอยู่ว่าจะมีรัฐบาลใดที่ทำสำเร็จเท่านั้นนะฮ้า
อย่าลืมว่า การทำนาแต่ละรอบ ต้องใช้เวลาและลงทุน เพราะข้าวไม่ได้ขึ้นได้เองโดยไม่ต้องลงมือปลูก หรือใส่ปุ๋ย
ดังนั้น ถ้าราคาข้าวเปลือกต่ำกว่า15,000฿ต่อเกวียน นั่นแสดงว่า คนที่ทำนาจะมีรายได้ต่ำกว่า"ค่าแรงขั้นต่ำ" ชีวิตความเป็นอยู่จึงไม่มีวันดีขึ้นเหมือนกับคนไทยที่มีอาชีพอื่นๆ จนเป็นเหตุที่ทำให้ชาวนานั้นยากจนมาตลอดชั่วชีวิตอย่างที่คนไทยเจอกันจนชิน จนดูเหมือนว่าชาวนาคือภาระของประเทศไป
ยิ่งเมื่อเทียบกับราคาข้าวสารที่ขายตามท้องตลาดด้วยแล้ว ราคาที่ต่ำกว่า15,000฿ต่อเกวียนมากเท่าไร ยิ่งแสดงว่าพ่อค้าข้าวได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น ราคาข้าวที่ตกต่ำจึงอยู่ที่"พ่อค้า"คอยขูดรีด. ยิ่งรัฐบาลไม่สนใจในการแก้ปัญหา ยิ่งทำให้ชาวนาตกเป็นเบี้ยล่างมากขึ้น จนทำให้ราคาดิ่งเหวอย่างเช่นทุกวันนี้
ราคาข้าวเปลือก15,000฿ต่อเกวียน จึงเป็นราคาที่เหมาะสมที่รัฐบาลควรจะมีแนวทางในการผลักดัน หรือช่วยขยายตลาดเพื่อดันราคาให้ได้ที่ตัวเลขนี้มากกว่า เว้นเสียแต่จะบริหารประเทศโดยไม่ต้องสนใจถึงความเดือดร้อนของคนไทยที่มีอาชีพปลูกข้าว
15,000฿จึงไม่ใช่กับดักแต่เป็นตัวเลขที่หากทำได้ ชาวนาไทยก็จะไม่เป็นปัญหาและภาระของสังคมอย่างที่ผ่านมา ขึ้นอยู่ว่าจะมีรัฐบาลใดที่ทำสำเร็จเท่านั้นนะฮ้า
สมาชิกหมายเลข 1184265 ถูกใจ, ชื่อนี้ใช้แล้วมีความสุข ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2751141 ถูกใจ, pang_mint ถูกใจ, lulu+y ถูกใจ, ไม่ออกนาม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 970691 ถูกใจ, หงส์แดงสยาม ถูกใจ, โชคดีที่ไม่ใช่ปัญญาชน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 728142 ถูกใจรวมถึงอีก 88 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 25
ลดการทำนาปรัง ลง แล้ว เพิ่มการทำนาปี เน้นผลผลิต ให้มีมาตรฐาน ดีกว่า เน้น ปริมาณ
บ้านผม ตอนนี้ก็ทำนา อยู่ จ.กาฬสินธุ์ ข้าวหอมมะลิบ้านผม ตันละ สองหมื่น ต่ำสุด หมื่นห้า ไม่มีหักอะไร ขึ้นชื่อมาก โรงสี จะแยกกองไว้ต่างหาก เวลาเราไปขาย เห็นบ่นๆว่า ข้าวราคาไม่ดี
แต่ผมถาม พ่อที่บ้าน แกก็บอก ข้าวเหนียวเปลือก ถังละ ร้อยกว่า ทุกปี ต่ำสุด ก็ ร้อยยี่สิบ ข้าวจ้าว ร้อยยี่สิบ ถึง สองร้อย (ประมาณๆ)
บ้านผม ทำนาปี แต่ เลือกลงข้าว เป็นข้าวหนัก ข้าวกลาง ข้าวเบา ปุ๋ย ก็ไม่เปลืองเท่าไหร่ หญ้า ก็มีบ้าง ไม่เน้น ใช้ยา แต่ พอเราเก็บเกี่ยวเสร็จ ก็มี วัวควาย ลงทุ่ง ไปกินให้ เพราะเราไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า
ก่อนลงนา สัก เดือน จะเอารถไถเดินตาม ลงไถกลบ หนึ่งรอบ รอ ฝน กลบหญ้า พอฝนมา น้ำท่วม หญ้าเน่า พอดี
นาดำ ให้ผลดี แต่ตอนนี้ ค่าแรง สามร้อย ทำพิษมาก สามร้อย จ้าง เขา เขาไม่มานะ เขาเอา สี่ ถึง ห้าร้อย รถรับส่ง ข้าวเที่ยง หนึ่งมื้อ
แต่ก่อน วันละ ค่าแรงขั้นต่ำ ร้อยหกสิบ จ้างคนดำนา เกี่ยวข้าว วันละ สองร้อย ถึง สามร้อย เลี้ยงข้าว ก็พอไหว
พอหมดหน้านา ก็พักแค่ สี่ ถึงห้าเดือน ก็ เลือกลง ข้าวโพด หรือ ถั่วลิสง หรือ ใบยาสูบ หรือพืชที่ใช้น้ำน้อย แทน
นี่แหละ เขาเรียกปรับตัวครับ
ผมเคยทำนาเองนา สองปี และเคยถามพ่อนะ ว่าปีๆนึง หมดเงินไปเท่าไหร่ กับ ที่นา ราวๆหกสิบไร่ แกบอก ราวๆ แสนนึง ไม่มีเกิน บางปี เหลือมาก เหลือน้อย แต่ต้องมี แสนนึง
ค่าปุ๋ยผมเห็นแกใส่ แค่ ไม่เกิน สิบกระสอบเอง เคยขนไปให้ ยาฉีดพ่น ไม่มี ไม่เคยใช้ ตอนดำนา ใหม่ๆ อาศัย ตื่นเช้าๆ ไปถอนหญ้า ที่มันกำลังโต ตามข้าว ซึ่งมีไม่เยอะหรอก ถ้า ไปดูแล้ว คนสองคนไม่ไหว ก็จ้าง คนช่วย สัก สองสามคน ต่อนา หกสิบไร่ ถอน สองวัน ก็หมด
กว่ามันจะขึ้นอีกก็นาน ข้าวสูงแล้ว แตกกอ เต็มแล้ว
หน้าฝน น้ำมาก ก็หมั่นไปดูนาข้าว แปลงไหน น้ำชักเยอะก็ ขุดคันนาออก ระบายน้ำ ไปแปลงใหม่
ที่นาที่บ้าน จะไม่ปรับให้เท่ากัน ทกแปลง จะปรับ ลดระดับ ไปหา ห้วยหนองคลอบึง เผื่อ ระบายน้ำ หรือ สูบน้ำเข้า
ไม่ใช่ เน้นแต่เอาแปลงใหญ่ๆ
ชาวนา ทุกวัน ขี้เกยจแต่อยากได้ ผลผลิตเยอะๆ และได้ราคา
แต่ไม่เคย ควบคุมคุณภาพ
ไม่เคย คำนวณต้นทุน ไม่เคยพัฒนาการใช้เงินลงทุน
ไม่รู้จักพัฒนาในอาชีพตัวเอง
ไม่รู้จัก แอคทีพ
ไม่รู้จัก R&D ผลิตภัณฑ์ ตัวเอง
นอนรอแต่ ความช่วยเหลือ จากนักการเมือง บ้าน้ำลาย ขี้โกง เอาแต่ได้ ตอนหาเสียง สักแต่พูด ไม่นึกึง ภาพรวม เอาแต่ตัว
ผมเดาไว้เลย ต่อให้อีก ร้อยปี ก็ไม่มี เทวดา หน้าไหน แก้ปัญหา ให้ ชาวนาได้ ฟันธง
***เพิ่มเติม หนึ่งรอบปีทำนา ที่นา เกือบหกสิบไร่ ได้ข้าวทั้งหมด ในปีที่น้ำดี ก็ราวๆ 1400 - 1600 ถัง น้ำแย่ๆ ก็ ราวๆ 900 - 1200 ถัง กี่ตันไม่รู้ ไม่ค่อยเน้นขาย ขายแค่เอาทุนเงิน 5-8 หมื่น ต่อปี ที่ลงไปกับนาคืนแค่นั้น นอกนั้น เอาไว้แจกจ่ายญาติพี่น้องที่ไม่ได้ทำนา ขายแค่ไม่เกิน 1000 ถัง
บ้านผม ตอนนี้ก็ทำนา อยู่ จ.กาฬสินธุ์ ข้าวหอมมะลิบ้านผม ตันละ สองหมื่น ต่ำสุด หมื่นห้า ไม่มีหักอะไร ขึ้นชื่อมาก โรงสี จะแยกกองไว้ต่างหาก เวลาเราไปขาย เห็นบ่นๆว่า ข้าวราคาไม่ดี
แต่ผมถาม พ่อที่บ้าน แกก็บอก ข้าวเหนียวเปลือก ถังละ ร้อยกว่า ทุกปี ต่ำสุด ก็ ร้อยยี่สิบ ข้าวจ้าว ร้อยยี่สิบ ถึง สองร้อย (ประมาณๆ)
บ้านผม ทำนาปี แต่ เลือกลงข้าว เป็นข้าวหนัก ข้าวกลาง ข้าวเบา ปุ๋ย ก็ไม่เปลืองเท่าไหร่ หญ้า ก็มีบ้าง ไม่เน้น ใช้ยา แต่ พอเราเก็บเกี่ยวเสร็จ ก็มี วัวควาย ลงทุ่ง ไปกินให้ เพราะเราไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า
ก่อนลงนา สัก เดือน จะเอารถไถเดินตาม ลงไถกลบ หนึ่งรอบ รอ ฝน กลบหญ้า พอฝนมา น้ำท่วม หญ้าเน่า พอดี
นาดำ ให้ผลดี แต่ตอนนี้ ค่าแรง สามร้อย ทำพิษมาก สามร้อย จ้าง เขา เขาไม่มานะ เขาเอา สี่ ถึง ห้าร้อย รถรับส่ง ข้าวเที่ยง หนึ่งมื้อ
แต่ก่อน วันละ ค่าแรงขั้นต่ำ ร้อยหกสิบ จ้างคนดำนา เกี่ยวข้าว วันละ สองร้อย ถึง สามร้อย เลี้ยงข้าว ก็พอไหว
พอหมดหน้านา ก็พักแค่ สี่ ถึงห้าเดือน ก็ เลือกลง ข้าวโพด หรือ ถั่วลิสง หรือ ใบยาสูบ หรือพืชที่ใช้น้ำน้อย แทน
นี่แหละ เขาเรียกปรับตัวครับ
ผมเคยทำนาเองนา สองปี และเคยถามพ่อนะ ว่าปีๆนึง หมดเงินไปเท่าไหร่ กับ ที่นา ราวๆหกสิบไร่ แกบอก ราวๆ แสนนึง ไม่มีเกิน บางปี เหลือมาก เหลือน้อย แต่ต้องมี แสนนึง
ค่าปุ๋ยผมเห็นแกใส่ แค่ ไม่เกิน สิบกระสอบเอง เคยขนไปให้ ยาฉีดพ่น ไม่มี ไม่เคยใช้ ตอนดำนา ใหม่ๆ อาศัย ตื่นเช้าๆ ไปถอนหญ้า ที่มันกำลังโต ตามข้าว ซึ่งมีไม่เยอะหรอก ถ้า ไปดูแล้ว คนสองคนไม่ไหว ก็จ้าง คนช่วย สัก สองสามคน ต่อนา หกสิบไร่ ถอน สองวัน ก็หมด
กว่ามันจะขึ้นอีกก็นาน ข้าวสูงแล้ว แตกกอ เต็มแล้ว
หน้าฝน น้ำมาก ก็หมั่นไปดูนาข้าว แปลงไหน น้ำชักเยอะก็ ขุดคันนาออก ระบายน้ำ ไปแปลงใหม่
ที่นาที่บ้าน จะไม่ปรับให้เท่ากัน ทกแปลง จะปรับ ลดระดับ ไปหา ห้วยหนองคลอบึง เผื่อ ระบายน้ำ หรือ สูบน้ำเข้า
ไม่ใช่ เน้นแต่เอาแปลงใหญ่ๆ
ชาวนา ทุกวัน ขี้เกยจแต่อยากได้ ผลผลิตเยอะๆ และได้ราคา
แต่ไม่เคย ควบคุมคุณภาพ
ไม่เคย คำนวณต้นทุน ไม่เคยพัฒนาการใช้เงินลงทุน
ไม่รู้จักพัฒนาในอาชีพตัวเอง
ไม่รู้จัก แอคทีพ
ไม่รู้จัก R&D ผลิตภัณฑ์ ตัวเอง
นอนรอแต่ ความช่วยเหลือ จากนักการเมือง บ้าน้ำลาย ขี้โกง เอาแต่ได้ ตอนหาเสียง สักแต่พูด ไม่นึกึง ภาพรวม เอาแต่ตัว
ผมเดาไว้เลย ต่อให้อีก ร้อยปี ก็ไม่มี เทวดา หน้าไหน แก้ปัญหา ให้ ชาวนาได้ ฟันธง
***เพิ่มเติม หนึ่งรอบปีทำนา ที่นา เกือบหกสิบไร่ ได้ข้าวทั้งหมด ในปีที่น้ำดี ก็ราวๆ 1400 - 1600 ถัง น้ำแย่ๆ ก็ ราวๆ 900 - 1200 ถัง กี่ตันไม่รู้ ไม่ค่อยเน้นขาย ขายแค่เอาทุนเงิน 5-8 หมื่น ต่อปี ที่ลงไปกับนาคืนแค่นั้น นอกนั้น เอาไว้แจกจ่ายญาติพี่น้องที่ไม่ได้ทำนา ขายแค่ไม่เกิน 1000 ถัง
สมาชิกหมายเลข 1184265 ถูกใจ, wasabichan ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2626591 ถูกใจ, ไข่เจียวมิชิลิน ถูกใจ, อมยิ้มในกำมือ* ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3117671 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2488004 ถูกใจ, Manta Ray กระเบนราหู ถูกใจ, pang_mint ถูกใจ, takkylampang ถูกใจรวมถึงอีก 57 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 23
ผมว่าคำว่าล้างสมองมันอาจดูแรงเกินไปจริงๆน่ะแหละ
แต่ที่ว่าชาวนาติดกับดัก 15000 ก็เป็นความจริงไม่เกินนี้
จริงๆมันไม่ได้ติดกับดัก 15000 หรอก แต่ติดกับดักที่ได้อุ้มจากรัฐบาลมานาน
ข้าวราคามันตกลงเรื่อยๆอยู่แล้ว เพราะปกติเราปลูกข้าวมันควรพัฒนาได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มเรื่อยๆ อย่างเพื่อนบ้านเวียดนามเราเค้านำเราไปสองเท่าแล้ว
การที่ supply มันเพิ่ม ราคามันก็ตก ก็เรื่องปกติ แต่จริงๆชาวนาไม่ควรเดือดร้อน เพราะปกติผลผลิตต่อไร่เราก็ควรเพิ่มตาม ถ้าชาวนามีการศึกษาวิทยาการใหม่ๆของเพื่อนบ้าน หรือหาวิธีการเพิ่มผลผลิตต่างๆนาๆ
แต่ปัญหามันอยู่ที่ชาวนาเราโดนอุ้มมานาน จนเรามองไม่เห็นว่าตลาดตอนนี้มันเป็นยังไง ผลผลิตเพื่อนบ้านเค้าไปไหนกันแล้ว ชาวนาก็ทำอะไรเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะยังไงก็มีคนอุ้ม
พอเราเลิกอุ้มปุ๊ป ไอ้ปัญหาที่มันอยู่ใต้พรมก็ระเบิดออกมา จะปรับตัวตอนนี้ก็ไม่ทันเพราะมันก็ต้องใช้เวลา
แต่ที่ว่าชาวนาติดกับดัก 15000 ก็เป็นความจริงไม่เกินนี้
จริงๆมันไม่ได้ติดกับดัก 15000 หรอก แต่ติดกับดักที่ได้อุ้มจากรัฐบาลมานาน
ข้าวราคามันตกลงเรื่อยๆอยู่แล้ว เพราะปกติเราปลูกข้าวมันควรพัฒนาได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มเรื่อยๆ อย่างเพื่อนบ้านเวียดนามเราเค้านำเราไปสองเท่าแล้ว
การที่ supply มันเพิ่ม ราคามันก็ตก ก็เรื่องปกติ แต่จริงๆชาวนาไม่ควรเดือดร้อน เพราะปกติผลผลิตต่อไร่เราก็ควรเพิ่มตาม ถ้าชาวนามีการศึกษาวิทยาการใหม่ๆของเพื่อนบ้าน หรือหาวิธีการเพิ่มผลผลิตต่างๆนาๆ
แต่ปัญหามันอยู่ที่ชาวนาเราโดนอุ้มมานาน จนเรามองไม่เห็นว่าตลาดตอนนี้มันเป็นยังไง ผลผลิตเพื่อนบ้านเค้าไปไหนกันแล้ว ชาวนาก็ทำอะไรเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะยังไงก็มีคนอุ้ม
พอเราเลิกอุ้มปุ๊ป ไอ้ปัญหาที่มันอยู่ใต้พรมก็ระเบิดออกมา จะปรับตัวตอนนี้ก็ไม่ทันเพราะมันก็ต้องใช้เวลา
wasabichan ถูกใจ, ไข่เจียวมิชิลิน ถูกใจ, อมยิ้มในกำมือ* ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2488004 ถูกใจ, Manta Ray กระเบนราหู ถูกใจ, takkylampang ถูกใจ, นู๋ติดPantip ถูกใจ, พร้อมเผ่นครับ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 728142 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 868161 ถูกใจรวมถึงอีก 18 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ชาวนาไทยโดนล้างสมอง! ติดกับดัก15,000บาท??
เพราะมีบางส่วนคิดว่า ชาวนาเอาแต่แบมือขอ
เพราะมีบางพวกคิดว่า ชาวนาคือภาระแผ่นดิน
และในวันนี้...
กับข้อกล่าวหาล่าสุด
ชาวนาถูกล้างสมอง ติดกับดัก15,000????
ผมไม่ได้ทำนา ไม่ได้มีเชื้อสายชาวนา จึงไม่อาจรับรู้ความทุกข์ของชาวนาได้อย่างแท้จริง เพียงแต่เห็นอกเห็นใจและพร้อมให้กำลังใจ
เมื่อได้เห็นสังคมออนไลน์มีการแชร์วิถีการทำนาแบบพึ่งพาตนเองที่ใช้ต้นทุนน้อย จึงรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยๆคนรุ่นใหม่ก็หันมาสนใจและเสนอแนวคิดดีๆ ร่วมกันหาทางออก
แต่สุดท้ายในบทความของคุณกลับแขวะ"ชาวนาที่รัก"เสียเอง มันสะท้อนตัวตนและธาตุแท้ลึกๆของคุณออกมาว่าคุณก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่ดูถูกชาวนาข้างต้น
ผิดมากนักหรือที่ชาวนาจะขอลืมตาอ้าปาก มีโทรศัพท์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกบ้าง
เลิกยัดเยียดความใคร่ทางอารมณ์ของคนเมืองของคุณให้กับชาวนาเถอะครับ
โลกนี้ยังมีเพลี้ยกระโดด หอยเชอรี่ ศัตรูพืช โรคพืชครับ ไม่ได้มีแต่ทุ่งนาเขียวขจีอย่างภาพฝัน
สุดท้ายผมอยากตั้งคำถามว่า กับการได้เงิน15,000มาไม่กี่ปีนี่มันถึงขั้นเรียกว่า ล้างสมอง ได้แล้วใช่ไหมครับ
หรือถ้าสมมติว่าชาวนาโดนล้างสมองจริง ผมก็สงสัยอีกว่า..
หรือว่านี่จะเป็นการล้างสมองชาวนารอบใหม่ว่า ข้าวจะตันละกี่บาท กิโลละ5บาทหรือแม้กระทั่ง1บาท ชาวนาก็ต้องทน
ห้ามโทษภาครัฐ...เพราะท่านมีเรื่องอื่นต้องคิดอีกมากไม่ได้มีแต่เรื่องข้าว
ห้ามโทษนายทุน...แม้จะโดนกดราคาเหลือกิโลละ5บาท
ชาวนาต้องโทษตัวเองที่ไม่ใฝ่รู้ ขี้เกียจ ฟุ้งเฟ้อ และไม่ปรับตัวเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ
น่าหัวร่อที่เขาเหล่านั้นพร่ำบอกให้ชาวนาปรับตัว ในขณะเดียวกันเขาและเธอคนเดิมนี่แหละที่ต้องการให้การทำนาต้องเหมือนเมื่อสมัยร้อยปีที่แล้ว ที่ใช้ควายไถนา ลงแขกเกี่ยวข้าว จับปูจับปลาเพราะ "ในน้ำมีปลาในนามีข้าว"
..เป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออก...
ที่มาของภาพ : facebook "วิถีชีวิตเกษตรพอเพียง"
บทความฉบับเต็ม
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1461701620509912&id=565127720167311
*ร่วมให้กำลังใจชาวนาด้วยการโหวตให้โลกรู้ได้นะครับ ^_^