เราไม่สามารถชดเชยความทรงจำดี ๆ เพื่อให้เจือจางเรื่องร้าย ๆ ที่เรารับมาตลอดหลายปีเลย เราได้สร้างสิ่งที่ปกป้องจิตใจตนเอง ด้วยกำแพง ที่เราต้องปลีกออกจากสังคม ปลีกออกจากเพื่อนในหลายสังคม เราไม่มีสังสรรค์ เราเดียวดาย เราเหงา แต่เราก็ต้องทำ เพราะมันยังดีกว่าที่ต้องพอเริ่มสนิทกัน คำบั่นทอนหลายคำมันจะหลุดมาทำร้ายเรา เรามีภูมิคุ้มกันต่ำ เราป้องกันได้ไม่กี่คำ แต่ถ้าโดนย้ำบ่อย ๆ เราก็เสียศูนย์เช่นกัน เพราะเราเป็นคนเข้าสังคมไม่เป็น ไม่มีอารมณขัน เรารับทุกเรื่องมาจริงจังกับชีวิตหมด เพราะชีวิตที่ผ่านมาเราเจอแต่เรื่องจริงจังจะเป็นจะตายใส่เราตลอดแทบไม่มีผ่อนปรน มันเปลี่ยนให้เราจากเป็นคนร่าเริง มาเป็นคนเก็บกด หมดความภาคภูมิของความเป็นมนุษย์
เพื่อนเราก็เช่นกัน เขาปรารถนาดีต่อเราจริงหรือเปล่า แล้วใยเล่า ทำไมเขาต้องอ้างเพื่อนของเขา มาติติงพฤติกรรมที่เราแสดงออกในที่สาธารณะกัน เขาว่าเพื่อนเขาไม่มีความพึงพอใจในพฤติกรรมเรา เพื่อนเขากลัว กลัวเราอาละวาด ว่าเราบ้า เราประสาท เราไม่เต็ม เราแสดง คำนี้มันไม่สามารถหลุดออกจากหัวเราได้เลย แต่เราไม่อยากให้คำพวกนั้นมาควบคุมชีวิตเรา แต่เรากลัวไปหมด กลัวสิ่งนี้ที่จะทำลายมิตรภาพใหม่เรา เราเลยไม่เปิดรับมิตรภาพเพราะเรื่องเก่ามันหลอกหลอนวนเวียน
เรามีแขนมีขา มีชีวิต มีลมหายใจเหมือนทุกคน แต่ทำไม จุดที่เรายืน แสงไฟไม่ส่องมา เราแหงนหน้ามอง เห็นแต่อดีตจากปากเหวมาทับถมรดใส่หน้า เราไม่อยากตกอยู่สภาพนี้ เราอยากเปิดใจ มันต้องใช้เวลา พฤติกรรมเราถูกฝังมาสิบกว่าปี จะเปลี่ยนแบบพลิกฝ่ามือในเวลาแค่ปีสองปี เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราจมกับตัวเองต่อไปแบบนี้ มันจะยิ่งย้ำคิดย้ำทำเข้าไปใหญ่ แต่เราก็เปิดรับมิตรใหม่ไม่ได้ เรากั้นกำแพงอีกแล้ว
ไม่มีใครอยากให้ตัวเองจมกับความทุกข์หรอก เราก็สงสารตัวเองเช่นกัน สงสารร่างกายหนังเนื้อร่างนี้ ที่มันต้องมาเจอวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่ แทนที่แกจะเบิกบาน แกจะเริงร่า คนเราน่ะนะ เกิดมาไม่กี่สิบปีหรอก ทำชีวิตให้มีคุณค่าเพื่อคนรอบตัว เพื่อตัวเองสิ จมทำไม กดตัวเองทำไม คิดได้ แต่ทำไม่ได้ เรายอมรับการรักษา ยอม เหลือแค่เราเปิดใจ มันยากเหลือเกิน เรากลัวความคิดตัวเอง กลัวความคิดของอีกฝ่ายที่มองเรามา ทำไมเกย์ต้องเหยียดกันเองด้วย เกย์มันก็ผ่านช่วงตุ๊ดเด็กมาก่อนทั้งนั้น ทำไมต้องเหยียดความสาวไม่สาวใส่กันด้วย ทำไมต้องมาขีดเส้นว่า หน้าตาแบบนี้ อย่าแสดงตัวแบบนี้ มันตัวเราเองนี่ อันไหนใช่เราเราจะทำ อันไหนไม่ใช่เราอย่าบังคับเพราะว่าเห็นเกย์คนอื่น ๆ เขาทำกัน อย่าเหมาเพราะแต่ละคนรสนิยมไม่เหมือนกัน มันไม่ใช่สุตรสำเร็จ
มันดูสับสนในความคิดไปบ้าง เราแค่อยากระบาย แม้จะไม่ทั้งหมด มันล้นแก้วออกมา เรียบเรียงก็ไม่ถูก แม้แต่ตัวเราเองยังไม่เข้าใจจิตใจตนเองอย่างถ่องแท้เลย เราก็เหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ ร้องหาสิ่งที่ขาด มันอาจจะผิดบาปไปบ้างที่หลายคนต้องมาเกี่ยวข้องกับตัวเรา เราสงสารพวกเขาเช่นกัน ที่ต้องข้องแวะกับสิ่งมีชีวิตอย่างเราให้หม่นหมองชีวิตของพวกเขา เราจะเหลืออะไรบ้างที่เราภาคภูมิในความเป็นมนุษย์ของเรา เกย์ก็พอแรงแล้ว ซึมเศร้าอีก ไบโพล่าร์อีก และโรคภัยทั้งหลายอีก ตอนนี้เราทำอะไรกันแน่ สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คืออะไร เรามีแต่คำตอบ มันด้ายพันกันยุ่งเหยิง แต่เราแก้ปมไม่เป็น แค่แสงสว่างบอกแนวทางให้เราจัดระเบียบปัญหาลำดับความสำคัญ แล้วแก้ไปได้ เราก็ดีใจ เอาล่ะ หมดเวลาของเราแล้ว เราไม่ได้ต้องการที่ปรึกษาหรอก เราต้องการแค่ระบาย ต้องการใครสักคนที่ฟ้งเราอย่างเดียว นั่งฟังละครลิงที่เราแสดงออกมาทุกอาการอย่างผู้รับชมอย่างเดียวไม่มีเบือนหนีหรือเบรคใด ๆ เรารู้ดีว่าของแบบนี้ต้องแก้ที่ตัวเราเอง ปรับทัศนคติเราใหม่ เราจะได้มีแรงสู้กับมันต่อไป เรามีลมหายใจเพื่อจะใช้ชีวิตต่อไป กำลังใจจากคนอื่น แค่คำที่ไร้ค่า ถ้าเราแค่ฟังแล้วทะลุอีกหู ดื้อด้านกับความคิดของตัวเอง แต่การเราปล่อยความดื้อด้านจนหมดเรื่องที่จะปล่อย แบบระบายน้ำออกที่ล้นแก้ว ในสายตาใครสักคนที่ยินดีรับฟังอย่างอดทน แม้เขาไม่ต้องจับทุกใจความ แต่ยอมรับฟังเราพูดให้จบให้หมด มันอาจจะดีกว่า และเราก็ยืนร้องไห้ ไม่ใช่รู้สึกบุญต่ำน้อยวาสนานะ แต่รู้สึกว่า เราได้ระบายออกมาแล้ว เราเก็บมันไว้ทำไมกัน รู้นะรู้ แต่ทำไม่ได้
***เฝ้าทบทวน จิตหวนยิ่งพาใจเศร้า***
****ฉันรู้สึกดี ที่ฉันได้ระบาย****
ไม่สามารถหลุดพ้นจากกรงขังไปได้
เพื่อนเราก็เช่นกัน เขาปรารถนาดีต่อเราจริงหรือเปล่า แล้วใยเล่า ทำไมเขาต้องอ้างเพื่อนของเขา มาติติงพฤติกรรมที่เราแสดงออกในที่สาธารณะกัน เขาว่าเพื่อนเขาไม่มีความพึงพอใจในพฤติกรรมเรา เพื่อนเขากลัว กลัวเราอาละวาด ว่าเราบ้า เราประสาท เราไม่เต็ม เราแสดง คำนี้มันไม่สามารถหลุดออกจากหัวเราได้เลย แต่เราไม่อยากให้คำพวกนั้นมาควบคุมชีวิตเรา แต่เรากลัวไปหมด กลัวสิ่งนี้ที่จะทำลายมิตรภาพใหม่เรา เราเลยไม่เปิดรับมิตรภาพเพราะเรื่องเก่ามันหลอกหลอนวนเวียน
เรามีแขนมีขา มีชีวิต มีลมหายใจเหมือนทุกคน แต่ทำไม จุดที่เรายืน แสงไฟไม่ส่องมา เราแหงนหน้ามอง เห็นแต่อดีตจากปากเหวมาทับถมรดใส่หน้า เราไม่อยากตกอยู่สภาพนี้ เราอยากเปิดใจ มันต้องใช้เวลา พฤติกรรมเราถูกฝังมาสิบกว่าปี จะเปลี่ยนแบบพลิกฝ่ามือในเวลาแค่ปีสองปี เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราจมกับตัวเองต่อไปแบบนี้ มันจะยิ่งย้ำคิดย้ำทำเข้าไปใหญ่ แต่เราก็เปิดรับมิตรใหม่ไม่ได้ เรากั้นกำแพงอีกแล้ว
ไม่มีใครอยากให้ตัวเองจมกับความทุกข์หรอก เราก็สงสารตัวเองเช่นกัน สงสารร่างกายหนังเนื้อร่างนี้ ที่มันต้องมาเจอวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่ แทนที่แกจะเบิกบาน แกจะเริงร่า คนเราน่ะนะ เกิดมาไม่กี่สิบปีหรอก ทำชีวิตให้มีคุณค่าเพื่อคนรอบตัว เพื่อตัวเองสิ จมทำไม กดตัวเองทำไม คิดได้ แต่ทำไม่ได้ เรายอมรับการรักษา ยอม เหลือแค่เราเปิดใจ มันยากเหลือเกิน เรากลัวความคิดตัวเอง กลัวความคิดของอีกฝ่ายที่มองเรามา ทำไมเกย์ต้องเหยียดกันเองด้วย เกย์มันก็ผ่านช่วงตุ๊ดเด็กมาก่อนทั้งนั้น ทำไมต้องเหยียดความสาวไม่สาวใส่กันด้วย ทำไมต้องมาขีดเส้นว่า หน้าตาแบบนี้ อย่าแสดงตัวแบบนี้ มันตัวเราเองนี่ อันไหนใช่เราเราจะทำ อันไหนไม่ใช่เราอย่าบังคับเพราะว่าเห็นเกย์คนอื่น ๆ เขาทำกัน อย่าเหมาเพราะแต่ละคนรสนิยมไม่เหมือนกัน มันไม่ใช่สุตรสำเร็จ
มันดูสับสนในความคิดไปบ้าง เราแค่อยากระบาย แม้จะไม่ทั้งหมด มันล้นแก้วออกมา เรียบเรียงก็ไม่ถูก แม้แต่ตัวเราเองยังไม่เข้าใจจิตใจตนเองอย่างถ่องแท้เลย เราก็เหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ ร้องหาสิ่งที่ขาด มันอาจจะผิดบาปไปบ้างที่หลายคนต้องมาเกี่ยวข้องกับตัวเรา เราสงสารพวกเขาเช่นกัน ที่ต้องข้องแวะกับสิ่งมีชีวิตอย่างเราให้หม่นหมองชีวิตของพวกเขา เราจะเหลืออะไรบ้างที่เราภาคภูมิในความเป็นมนุษย์ของเรา เกย์ก็พอแรงแล้ว ซึมเศร้าอีก ไบโพล่าร์อีก และโรคภัยทั้งหลายอีก ตอนนี้เราทำอะไรกันแน่ สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คืออะไร เรามีแต่คำตอบ มันด้ายพันกันยุ่งเหยิง แต่เราแก้ปมไม่เป็น แค่แสงสว่างบอกแนวทางให้เราจัดระเบียบปัญหาลำดับความสำคัญ แล้วแก้ไปได้ เราก็ดีใจ เอาล่ะ หมดเวลาของเราแล้ว เราไม่ได้ต้องการที่ปรึกษาหรอก เราต้องการแค่ระบาย ต้องการใครสักคนที่ฟ้งเราอย่างเดียว นั่งฟังละครลิงที่เราแสดงออกมาทุกอาการอย่างผู้รับชมอย่างเดียวไม่มีเบือนหนีหรือเบรคใด ๆ เรารู้ดีว่าของแบบนี้ต้องแก้ที่ตัวเราเอง ปรับทัศนคติเราใหม่ เราจะได้มีแรงสู้กับมันต่อไป เรามีลมหายใจเพื่อจะใช้ชีวิตต่อไป กำลังใจจากคนอื่น แค่คำที่ไร้ค่า ถ้าเราแค่ฟังแล้วทะลุอีกหู ดื้อด้านกับความคิดของตัวเอง แต่การเราปล่อยความดื้อด้านจนหมดเรื่องที่จะปล่อย แบบระบายน้ำออกที่ล้นแก้ว ในสายตาใครสักคนที่ยินดีรับฟังอย่างอดทน แม้เขาไม่ต้องจับทุกใจความ แต่ยอมรับฟังเราพูดให้จบให้หมด มันอาจจะดีกว่า และเราก็ยืนร้องไห้ ไม่ใช่รู้สึกบุญต่ำน้อยวาสนานะ แต่รู้สึกว่า เราได้ระบายออกมาแล้ว เราเก็บมันไว้ทำไมกัน รู้นะรู้ แต่ทำไม่ได้
***เฝ้าทบทวน จิตหวนยิ่งพาใจเศร้า***
****ฉันรู้สึกดี ที่ฉันได้ระบาย****