ด้วยความที่เรื่องยาวครับ โม้เยอะ เลยต้องตัดเป็นพาร์ทๆเพื่อกระทู้จะได้ไม่ยาวเกินไป ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนๆดูได้จากลิ้งค์ครับ
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part I
http://pantip.com/topic/35691020
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part II
http://pantip.com/topic/35736211
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part IV
http://pantip.com/topic/35875227
OK, I will pick you up at your hotel ….8 o’clock! OK na!
กัปตัน Chenda Wangchuk กัปตันมากประสบการณ์และฝีมือเกือบจะที่สุดของดรุ๊กแอร์(ก็คนเดียวกับที่บินในวันแรกที่ผมมานั่นแหละ)บอกกับผมเมื่อวันที่ผมมาถึงวันแรก เราแลกเบอร์โทรศัพท์กันเพื่อติดต่อกันในเวลาที่ผมอยู่ในภูฏาน….วันนี้คือวันที่ผมนัดกับกัปตัน และขณะนี้ก็เวลา 08.25 เข้าไปแล้ว
ผมทั้งโทรหาและส่งข้อความหากัปตันตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ Choki, Cobraและแบ้งค์กลับไปแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับใดๆจากกัปตัน ซึ่งผมเองเข้าใจว่าเขาคงติดธุระด่วน และจะลองติดต่ออีกครั้งในตอนเช้า ซึ่งเช้าวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากกัปตัน ผมเริ่มเป็นกังวลเนื่องจากวันนี้ตามกำหนดการ ผมได้รับเชิญจากกัปตันเพื่อไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนนักบินอีกสองคน ที่เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งจากผู้ช่วยมาเป็นกัปตัน และมีพิธีเลื่อนตำแหน่งในวันนี้
จนแล้วจนรอดโทรศัพท์ผมก็เงียบ ผมค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าวันนี้คงอดได้ไปร่วมงานที่พาโร ผมและภรรยาจึงคุยกันว่าเราจะแพ็คของและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วนั่งแท็กซี่ไปเดินเล่นในเมืองทิมพูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ช่วงบ่ายจะเดินทางจากลาทิมพูกลับไปที่พาโร

แท็กซี่ส่งเราลงที่ ที่ทำการไปรษณีย์ทิมพู ที่ๆเราจะแวะหาดูแสตมป์สวยๆรวมถึงจะถ่ายรูปตัวเองเอาไปทำแสตมป์ก็ย่อมได้ ประเทศภูฏานมีชื่อเสียงมากด้านการผลิตและออกแบบแสตมป์สวยๆเป็นอันดับต้นๆของโลก เราเดินข้ามถนนมายังฝั่งที่ทำการไปรษณีย์และทะเล่อทะล่าเดินขึ้นไปชั้นบนของอาคาร เจ้าหน้าที่หนุ่มปราดเข้ามาถามทันทีว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ผมบอกจะมาดูพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่หนุ่มบอกว่าส่วนจัดแสดงก็ตั้งอยู่ในห้องข้างๆกับบันไดที่เดินขึ้นมานี่ไง ทำเอาหน้าแตกเล็กน้อยที่ไม่รู้จักสังเกตให้ดีก่อน

Bhutan Postal Museum เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สมเด็จพระราชินี Ashi Dorji Wangmo Wangchuck ดำริให้สร้างขึ้นในวโรกาสที่พระมหากษัตริย์ Jigme Singye Wangchuck กษัตริย์องค์ก่อนทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา
ภายในส่วนพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงประวัติ การก่อตั้ง และวิวัฒนาการของไปรษณีย์ภูฏาน ซึ่งในวันที่ผมไป ส่วนจัดแสดงยังไม่เปิด เราจึงเดินเข้าฝั่งตรงข้ามอันเป็นจุดจำหน่ายของที่ระลึก แสตมป์สวยๆ โปสต์การ์ด และหนังสือดีๆมากพอสมควร

ภรรยาผมจัดแจงเลือกซองจดหมายพร้อมแสตมป์สวยสดงดงามมา 1 ซอง แบ่งธนบัตรภูฏานบางส่วนที่เธอต้องการจะเก็บเป็นที่ระลึก ใส่ซองและจ่าหน้าถึงบ้านที่จันทบุรี จากนั้นเธอก็ยังสนุกกับการส่งโปสต์การ์ดลายสวยๆงามๆให้เหล่าเพื่อนซี้ที่กรุงเทพด้วย (น่าแปลกที่จดหมายจากภูฏานใช้เวลา 5 วันส่งถึงจันทบุรี แต่ทำไมผมส่งจดหมายจากโคราชถึงกรุงเทพใช้เวลาตั้ง 12 วัน??)
เราเดินเลาะตัวอาคารที่ทำการฯทะลุออกทางด้านหลัง เพื่อข้ามไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง ระหว่างทางผมได้สังเกตชีวิตผู้คนในเมืองหลวงที่นี่ทำไมช่างดูชิลต่างจากเมืองหลวงของเรานัก แต่ช่วงเช้าและเย็นที่นี่ก็เริ่มจะมีรถติดบ้างเหมือนกันละครับ เราเดินมาเรื่อยๆจนพบโรงภาพยนตร์น่าจะแห่งเดียวในเมืองทิมพู เราแวะดูโปรแกรมฉายหนังที่นี่ น่าจะมีแต่หนังท้องถิ่นซึ่งเกือบทั้งหมดสร้างจากนิยายและนิทานเก่าแก่ของภูฏาน ผมไปถาม Choki ทีหลังว่า ถ้าผมอยู่ทิมพูแล้วดันอยากดู Star Wars ให้ทำยังไง เธอบอกว่า ‘ไปพาโร ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วไปดูเอาที่กรุงเทพ ไม่ก็สิงคโปร์…

เดินไปเดินมาเรื่อยๆ ส่องชีวิตหนุ่มสาวเมืองหลวงจนมาพบกับ ป้อมจราจรในตำนาน ที่มีคนถ่ายรูปมาให้ดูกันมากมาย ในที่สุดก็ได้พบของจริง หนำซ้ำยังอยู่ไกล้กับป้ายทางม้าลายซะด้วย มันเท่ก็ตรงป้ายทางม้าลายนั้น คนที่เดินข้ามถนนในป้ายก็ยังสวมชุดประจำชาติด้วย ดูน่ารักดีครับ
ถนนเส้นที่ผมกำลังเดินอยู่นี่จัดว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ดีที่สุดในประเทศภูฏาน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เนมตั้งอยู่บนชั้นตามร้าน มีหนุ่มสาววัยรุ่นเดินช้อปปิ้งกันขวักไขว่ ภรรยาผมแวะดูรองเท้าคู่หนึ่งบอกว่าจะซื้อให้ผม พอดูไปดูมาชักไม่แน่ใจว่าจีนแดงหรือไม่ ราคาก็ยิ่งน่าสงสัยเพราะไม่แพงอย่างที่คิด จึงพอจะเดาได้ว่าสินค้าที่นำมาอาจไม่ใช่ของแท้ทั้งหมด ดังนั้นหากรักจะช้อปปิ้ง บ้านเราดีกว่าเยอะครับ

แม้จะอยู่ในภูฏาน หากนึกอยากกินพิซซ่าก็ไม่มีปัญหา มื้อ brunch วันนี้เราเดินมาที่ clock tower square และพบกับร้านกาแฟเก๋ๆตั้งอยู่ข้างๆลานนั่นเอง สัญชาตญาณกระแดะชอบนั่งร้านกาแฟสั่งผมให้เดินตรงเข้าไปพร้อมจัดการแฟมา 1 ถ้วย พลันเหลือบไปเห็นเมนูพิซซ่า ภรรยาผมเริ่มจะหิวนิดๆบวกกับอยากลองทานพิซซ่าบนหลังคาโลก (ไม่ใช่ก็ชายคาละน่า) จัดมา 1 ถาดในราคาที่ไม่ต่างกับพิซซ่าถาดกลางบ้านเรา

กาแฟรสละมุน ยกกระดกไปพร้อมกับพิซซ่าหน้า ‘ซิกเนเจอร์’ รสชาติดี แต่ที่ไม่ดีและแปลกคือทำไมมันมีพริกน้ำปลาวางมาข้างๆกับซอสพริกและซอสมะเขือ?? ร้านที่เรานั่งสามารถเดินทะลุจากหน้าร้านฝั่ง square ไปทะลุหลังร้านก็จะเจอวิวสนามกีฬาแห่งชาติพอดี นั่งรื่นรมย์กันจนอิ่มท้องเราก็โบกแท็กซี่กลับโรงแรม

ค่ารถเหมาไปที่พาโรตกเป็นเงินไทยก็ 800 บาท ยังไม่ทันจะตกลงภรรยาผมก็โดดไปถามอีกคันด้านหลัง เธอสะดุดตากับชื่อเมืองพาโรที่แปะอยู่ข้างรถ แปลว่ารถแท็กซี่คันนี้จดทะเบียนที่พาโร แปลว่าเราจะได้ไม่ต้องจ่ายค่ารถเผื่อว่าคนขับจะต้องตีรถเปล่าในขากลับหากว่าเราเรียกรถที่จดทะเบียนและวิ่งในทิมพู แล้วก็จริงดังคาด ราคาร่วงฮวบลงไปเหลือแค่ 400 บาทเท่านั้น โชคดีจริงๆที่มีรถพาโรมาจอดตรงนี้
คนขับพาเราย้อนกลับไปเอาสัมภาระที่โรงแรมก่อนจะออกเดินทางสู่พาโร ผมรู้สึกได้ทันทีว่าเจ้าหนุ่มที่ขับแท็กซี่คันนี้ขับได้นุ่มนวลกว่าสอง Drift King ของผมชนิดคนละโลก เรานั่งคุยกันระหว่างทาง คนขับบอกว่ายังไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวที่โบกรถแท็กซี่จากทิมพูไปพาโรเองมาก่อน เราจัดว่าเป็นของแปลกสำหรับเขาในวันนี้
วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ภรรยาผมเพลิดเพลินกับการรัวชัตเตอร์ถ่ายวิวข้างนอกหน้าต่าง จนเรามาถึงจุดบรรจบของแม่น้ำทิมพูและแม่น้ำพาโร ตรงนี้โชเฟอร์หนุ่มจอดรถให้เราได้แวะลงไปถ่ายรูปกันจนพอใจ ซึ่งระหว่างนั้นเขาก็ยืนรอและพูดคุยกับเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆอยู่ข้างๆรถ

ขึ้นรถต่อมาอีกพักหนึ่งผมเหลือบไปเห็นสะพานข้ามแม่น้ำโบราณเก่าแก่ ซึ่งฝั่งตรงข้ามบนเนินเขามีวัดหรือปราสาทเล็กๆตั้งอยู่ เมื่อเห็นเราสนใจ หนุ่มโชเฟอร์ถามว่าอยากจะแวะมั้ย เขาเองไม่ได้รีบอะไร เมื่อถามมาแบบนี้มีหรือที่เราจะปฏิเสธ วัดที่เราแวะชมสะพานนี้ชื่อว่า Tachog Lakhang ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำซึ่งเชื่อมกันด้วยสะพานไม้โบราณ ซึ่งตอนนี้สะพานน่าจะปิดเพื่อเตรียมซ่อมแซมหรือแค่รักษาสภาพเอาไว้ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะข้างๆกันมีสะพานแขวนขนาดย่อมกว่าเล็กน้อยทอดข้ามแม่น้ำขนานไปกับสะพานเก่า

ถ่ายภาพกันจนหนำใจแล้วผมกับภรรยาคุยกันว่าเราพอใจโชเฟอร์แท็กซี่คนนี้มาก ทั้งอัธยาศัยดีและยังจอดแวะให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ซึมซับบรรยากาศและชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของบ้านเมืองเขาอย่างเต็มที่และเต็มใจ แม้ตัวเขาเองจะไม่ใช่ไกด์ก็ตาม ผมขอถ่ายรูปโชเฟอร์ผู้น่ารักและเมื่อเขาส่งเราจนถึงที่พัก ภรรยาผมจึงควักเงินเพิ่มเป็นสินน้ำใจให้ไปอีกจำนวนหนึ่ง (ช่างต่างกับแท๊กซี่บ้านเราหลายคนมากนัก)

ตอนเย็น Choki แบงค์ และเพื่อนสาวอีกหนึ่งคนคือ Pem Tshomo แวะมาหาผมที่โรงแรมเพื่อหารือกันว่าวันต่อไปเราจะไปเที่ยวที่ใหนกัน ซึ่งเราตกลงกันว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เราจะชมเมืองพาโรกัน ก่อนจะปิดท้ายวันมะรืนด้วยวัดทักซังอันเป็นไฮไลต์ของทริปนี้…
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part III
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part I http://pantip.com/topic/35691020
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part II http://pantip.com/topic/35736211
เที่ยวภูฏาน...แบบไม่ง้อทัวร์ เพราะเพื่อนพาเที่ยว! part IV http://pantip.com/topic/35875227
OK, I will pick you up at your hotel ….8 o’clock! OK na!
กัปตัน Chenda Wangchuk กัปตันมากประสบการณ์และฝีมือเกือบจะที่สุดของดรุ๊กแอร์(ก็คนเดียวกับที่บินในวันแรกที่ผมมานั่นแหละ)บอกกับผมเมื่อวันที่ผมมาถึงวันแรก เราแลกเบอร์โทรศัพท์กันเพื่อติดต่อกันในเวลาที่ผมอยู่ในภูฏาน….วันนี้คือวันที่ผมนัดกับกัปตัน และขณะนี้ก็เวลา 08.25 เข้าไปแล้ว
ผมทั้งโทรหาและส่งข้อความหากัปตันตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ Choki, Cobraและแบ้งค์กลับไปแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับใดๆจากกัปตัน ซึ่งผมเองเข้าใจว่าเขาคงติดธุระด่วน และจะลองติดต่ออีกครั้งในตอนเช้า ซึ่งเช้าวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากกัปตัน ผมเริ่มเป็นกังวลเนื่องจากวันนี้ตามกำหนดการ ผมได้รับเชิญจากกัปตันเพื่อไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนนักบินอีกสองคน ที่เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งจากผู้ช่วยมาเป็นกัปตัน และมีพิธีเลื่อนตำแหน่งในวันนี้
จนแล้วจนรอดโทรศัพท์ผมก็เงียบ ผมค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าวันนี้คงอดได้ไปร่วมงานที่พาโร ผมและภรรยาจึงคุยกันว่าเราจะแพ็คของและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วนั่งแท็กซี่ไปเดินเล่นในเมืองทิมพูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ช่วงบ่ายจะเดินทางจากลาทิมพูกลับไปที่พาโร
แท็กซี่ส่งเราลงที่ ที่ทำการไปรษณีย์ทิมพู ที่ๆเราจะแวะหาดูแสตมป์สวยๆรวมถึงจะถ่ายรูปตัวเองเอาไปทำแสตมป์ก็ย่อมได้ ประเทศภูฏานมีชื่อเสียงมากด้านการผลิตและออกแบบแสตมป์สวยๆเป็นอันดับต้นๆของโลก เราเดินข้ามถนนมายังฝั่งที่ทำการไปรษณีย์และทะเล่อทะล่าเดินขึ้นไปชั้นบนของอาคาร เจ้าหน้าที่หนุ่มปราดเข้ามาถามทันทีว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ผมบอกจะมาดูพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่หนุ่มบอกว่าส่วนจัดแสดงก็ตั้งอยู่ในห้องข้างๆกับบันไดที่เดินขึ้นมานี่ไง ทำเอาหน้าแตกเล็กน้อยที่ไม่รู้จักสังเกตให้ดีก่อน
Bhutan Postal Museum เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สมเด็จพระราชินี Ashi Dorji Wangmo Wangchuck ดำริให้สร้างขึ้นในวโรกาสที่พระมหากษัตริย์ Jigme Singye Wangchuck กษัตริย์องค์ก่อนทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา
ภายในส่วนพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงประวัติ การก่อตั้ง และวิวัฒนาการของไปรษณีย์ภูฏาน ซึ่งในวันที่ผมไป ส่วนจัดแสดงยังไม่เปิด เราจึงเดินเข้าฝั่งตรงข้ามอันเป็นจุดจำหน่ายของที่ระลึก แสตมป์สวยๆ โปสต์การ์ด และหนังสือดีๆมากพอสมควร
ภรรยาผมจัดแจงเลือกซองจดหมายพร้อมแสตมป์สวยสดงดงามมา 1 ซอง แบ่งธนบัตรภูฏานบางส่วนที่เธอต้องการจะเก็บเป็นที่ระลึก ใส่ซองและจ่าหน้าถึงบ้านที่จันทบุรี จากนั้นเธอก็ยังสนุกกับการส่งโปสต์การ์ดลายสวยๆงามๆให้เหล่าเพื่อนซี้ที่กรุงเทพด้วย (น่าแปลกที่จดหมายจากภูฏานใช้เวลา 5 วันส่งถึงจันทบุรี แต่ทำไมผมส่งจดหมายจากโคราชถึงกรุงเทพใช้เวลาตั้ง 12 วัน??)
เราเดินเลาะตัวอาคารที่ทำการฯทะลุออกทางด้านหลัง เพื่อข้ามไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง ระหว่างทางผมได้สังเกตชีวิตผู้คนในเมืองหลวงที่นี่ทำไมช่างดูชิลต่างจากเมืองหลวงของเรานัก แต่ช่วงเช้าและเย็นที่นี่ก็เริ่มจะมีรถติดบ้างเหมือนกันละครับ เราเดินมาเรื่อยๆจนพบโรงภาพยนตร์น่าจะแห่งเดียวในเมืองทิมพู เราแวะดูโปรแกรมฉายหนังที่นี่ น่าจะมีแต่หนังท้องถิ่นซึ่งเกือบทั้งหมดสร้างจากนิยายและนิทานเก่าแก่ของภูฏาน ผมไปถาม Choki ทีหลังว่า ถ้าผมอยู่ทิมพูแล้วดันอยากดู Star Wars ให้ทำยังไง เธอบอกว่า ‘ไปพาโร ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วไปดูเอาที่กรุงเทพ ไม่ก็สิงคโปร์…
เดินไปเดินมาเรื่อยๆ ส่องชีวิตหนุ่มสาวเมืองหลวงจนมาพบกับ ป้อมจราจรในตำนาน ที่มีคนถ่ายรูปมาให้ดูกันมากมาย ในที่สุดก็ได้พบของจริง หนำซ้ำยังอยู่ไกล้กับป้ายทางม้าลายซะด้วย มันเท่ก็ตรงป้ายทางม้าลายนั้น คนที่เดินข้ามถนนในป้ายก็ยังสวมชุดประจำชาติด้วย ดูน่ารักดีครับ
ถนนเส้นที่ผมกำลังเดินอยู่นี่จัดว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ดีที่สุดในประเทศภูฏาน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เนมตั้งอยู่บนชั้นตามร้าน มีหนุ่มสาววัยรุ่นเดินช้อปปิ้งกันขวักไขว่ ภรรยาผมแวะดูรองเท้าคู่หนึ่งบอกว่าจะซื้อให้ผม พอดูไปดูมาชักไม่แน่ใจว่าจีนแดงหรือไม่ ราคาก็ยิ่งน่าสงสัยเพราะไม่แพงอย่างที่คิด จึงพอจะเดาได้ว่าสินค้าที่นำมาอาจไม่ใช่ของแท้ทั้งหมด ดังนั้นหากรักจะช้อปปิ้ง บ้านเราดีกว่าเยอะครับ
แม้จะอยู่ในภูฏาน หากนึกอยากกินพิซซ่าก็ไม่มีปัญหา มื้อ brunch วันนี้เราเดินมาที่ clock tower square และพบกับร้านกาแฟเก๋ๆตั้งอยู่ข้างๆลานนั่นเอง สัญชาตญาณกระแดะชอบนั่งร้านกาแฟสั่งผมให้เดินตรงเข้าไปพร้อมจัดการแฟมา 1 ถ้วย พลันเหลือบไปเห็นเมนูพิซซ่า ภรรยาผมเริ่มจะหิวนิดๆบวกกับอยากลองทานพิซซ่าบนหลังคาโลก (ไม่ใช่ก็ชายคาละน่า) จัดมา 1 ถาดในราคาที่ไม่ต่างกับพิซซ่าถาดกลางบ้านเรา
กาแฟรสละมุน ยกกระดกไปพร้อมกับพิซซ่าหน้า ‘ซิกเนเจอร์’ รสชาติดี แต่ที่ไม่ดีและแปลกคือทำไมมันมีพริกน้ำปลาวางมาข้างๆกับซอสพริกและซอสมะเขือ?? ร้านที่เรานั่งสามารถเดินทะลุจากหน้าร้านฝั่ง square ไปทะลุหลังร้านก็จะเจอวิวสนามกีฬาแห่งชาติพอดี นั่งรื่นรมย์กันจนอิ่มท้องเราก็โบกแท็กซี่กลับโรงแรม
ค่ารถเหมาไปที่พาโรตกเป็นเงินไทยก็ 800 บาท ยังไม่ทันจะตกลงภรรยาผมก็โดดไปถามอีกคันด้านหลัง เธอสะดุดตากับชื่อเมืองพาโรที่แปะอยู่ข้างรถ แปลว่ารถแท็กซี่คันนี้จดทะเบียนที่พาโร แปลว่าเราจะได้ไม่ต้องจ่ายค่ารถเผื่อว่าคนขับจะต้องตีรถเปล่าในขากลับหากว่าเราเรียกรถที่จดทะเบียนและวิ่งในทิมพู แล้วก็จริงดังคาด ราคาร่วงฮวบลงไปเหลือแค่ 400 บาทเท่านั้น โชคดีจริงๆที่มีรถพาโรมาจอดตรงนี้
คนขับพาเราย้อนกลับไปเอาสัมภาระที่โรงแรมก่อนจะออกเดินทางสู่พาโร ผมรู้สึกได้ทันทีว่าเจ้าหนุ่มที่ขับแท็กซี่คันนี้ขับได้นุ่มนวลกว่าสอง Drift King ของผมชนิดคนละโลก เรานั่งคุยกันระหว่างทาง คนขับบอกว่ายังไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวที่โบกรถแท็กซี่จากทิมพูไปพาโรเองมาก่อน เราจัดว่าเป็นของแปลกสำหรับเขาในวันนี้
วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ภรรยาผมเพลิดเพลินกับการรัวชัตเตอร์ถ่ายวิวข้างนอกหน้าต่าง จนเรามาถึงจุดบรรจบของแม่น้ำทิมพูและแม่น้ำพาโร ตรงนี้โชเฟอร์หนุ่มจอดรถให้เราได้แวะลงไปถ่ายรูปกันจนพอใจ ซึ่งระหว่างนั้นเขาก็ยืนรอและพูดคุยกับเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆอยู่ข้างๆรถ
ขึ้นรถต่อมาอีกพักหนึ่งผมเหลือบไปเห็นสะพานข้ามแม่น้ำโบราณเก่าแก่ ซึ่งฝั่งตรงข้ามบนเนินเขามีวัดหรือปราสาทเล็กๆตั้งอยู่ เมื่อเห็นเราสนใจ หนุ่มโชเฟอร์ถามว่าอยากจะแวะมั้ย เขาเองไม่ได้รีบอะไร เมื่อถามมาแบบนี้มีหรือที่เราจะปฏิเสธ วัดที่เราแวะชมสะพานนี้ชื่อว่า Tachog Lakhang ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำซึ่งเชื่อมกันด้วยสะพานไม้โบราณ ซึ่งตอนนี้สะพานน่าจะปิดเพื่อเตรียมซ่อมแซมหรือแค่รักษาสภาพเอาไว้ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะข้างๆกันมีสะพานแขวนขนาดย่อมกว่าเล็กน้อยทอดข้ามแม่น้ำขนานไปกับสะพานเก่า
ถ่ายภาพกันจนหนำใจแล้วผมกับภรรยาคุยกันว่าเราพอใจโชเฟอร์แท็กซี่คนนี้มาก ทั้งอัธยาศัยดีและยังจอดแวะให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ซึมซับบรรยากาศและชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของบ้านเมืองเขาอย่างเต็มที่และเต็มใจ แม้ตัวเขาเองจะไม่ใช่ไกด์ก็ตาม ผมขอถ่ายรูปโชเฟอร์ผู้น่ารักและเมื่อเขาส่งเราจนถึงที่พัก ภรรยาผมจึงควักเงินเพิ่มเป็นสินน้ำใจให้ไปอีกจำนวนหนึ่ง (ช่างต่างกับแท๊กซี่บ้านเราหลายคนมากนัก)
ตอนเย็น Choki แบงค์ และเพื่อนสาวอีกหนึ่งคนคือ Pem Tshomo แวะมาหาผมที่โรงแรมเพื่อหารือกันว่าวันต่อไปเราจะไปเที่ยวที่ใหนกัน ซึ่งเราตกลงกันว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เราจะชมเมืองพาโรกัน ก่อนจะปิดท้ายวันมะรืนด้วยวัดทักซังอันเป็นไฮไลต์ของทริปนี้…