ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโรงแรมนี้เปิดมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ดิฉันได้ทำการจองโรงแรมนี้ผ่านทางเว็บบุ๊กกิ้ง.คอมค่ะ ซึ่งตอนที่จองเนี่ย ก็หาพวกรีวิวต่างๆ ดู ซึ่งปรากฏว่าไม่พบรีวิวใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
ตอนที่ดิฉันจองเนี่ย จริงๆ ตอนนั้นคือกำลังดูโรงแรมที่ใกล้กับตึก OCAT ให้มากที่สุด เพราะมีแผนที่จะต้องนั่งรถบัสเที่ยวกลางคืนจากโอซาก้าไปลงโตเกียวค่ะ จึงไม่ต้องการลากกระเป๋าไกลๆ หรือต้องลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นลงรถไฟฟ้าไปโรงแรมอีก เพราะเป็นวันธรรมดาที่คนทำงาน เดาว่ารถไฟฟ้าคงจะแน่นมาก จึงหาอยู่แถวๆ สถานีนัมบะ ซึ่งตอนแรก โรงแรมนี้ก็ไม่มีอยู่ในรายการตัวเลือก แต่พอรีเฟรชอยู่ 2-3 ครั้ง ชื่อโรงแรมนี้ก็ปรากฏขึ้นมาค่ะ ด้วยราคาที่ถูกมากจริงๆ (เพราะจนถึงก่อนหน้านั้น โรงแรมจะราคาสูงกว่าที่นี่เกือบเท่าตัวทั้งหมด)
ตามภาพคือราคาสำหรับ 2 คืนค่ะ (ราคาเป็นเงินวอนเพราะดิฉันกดจองจากที่เกาหลีค่ะ) พร้อมอาหารเช้าค่ะ ห้องปลอดบุหรี่ และเป็นเตียงใหญ่ด้วยค่ะ
สำหรับโรงแรมนี้ เดินทางไปไหนมาไหนง่ายมาก ทั้งมาจากสนามบินคันไซก็ง่ายมากค่ะ ลองดูตามแผนที่ทางด้านล่างนะคะ
โรงแรมจะอยู่ตรงจุดมาร์คในภาพ อยู่ที่ประตูทางออก หมายเลข 28 ของสถานีนัมบะเลยค่ะ ใช้เวลาเดินเท้าไปถึงโดทงโบริแค่ 5 นาทีเท่านั้น (สปีดคนทั่วไปอาจจะอยู่ราว 7-10 นาทีค่ะ)
สำหรับการเดินทางมาที่โรงแรมนี้
จากสนามบินคันไซ - นั่งรถบัส ราคา 1050 เยน ขึ้นรถที่ป้ายหมายเลข 11 ลงที่ตึก OCAT ซึ่งรถจะจอดที่ชั้น 2 (ที่เดียวกับ Night bus ค่ะ) ให้ลงมาที่ชั้น 1 แล้วออกทางประตูทิศเหนือ ออกมาหน้าตึก มองไปทางขวามือจะเห็นทางม้าลาย โรงแรมอยู่ตรงหน้าทางม้าลายเลยค่ะ
จาก/ไป โดทงโบริ ใช้เดินในสถานีนัมบะ โดยลงไปที่ประตูทางเข้าสถานีที่อยู่หน้าประตูโรงแรม แล้วไปออกประตู 14 หรือ 15 ก็ได้ค่ะ ขึ้นมาจะเจอเลย หรือไม่อย่างนั้น ก็เดินไปก็ได้ค่ะ ไม่ไกล แต่เดินในสถานีจะง่ายกว่าตรงที่ไม่ต้องข้ามถนน ไม่ต้องรอสัญญาณไฟคนข้ามค่ะ
ลักษณะห้องพักก็ปกติทั่วไปของห้องพักญี่ปุ่น คือ แคบ แต่อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักครบครันมากค่ะ
เตียงนอนจะเป็นเตียงใหญ่ ซึ่งจะมีปลั๊กสำหรับให้เสียบชาร์ตโทรศัพท์ที่หัวนอน 1 ช่องด้วย มีโต๊ะในห้องนอน สำหรับนั่งทำงาน หรือว่าทานอะไรได้สบายเลยค่ะ พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว
อันนี้จะเห็นลักษณะทางเดินว่า แคบนิดหน่อย แต่ว่าก็กว้างพอที่จะวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ลง และเปิดกระเป๋าคาไว้เพื่อหยิบของ แต่ก็ยังสามารถเดินผ่านไปมาได้อยู่ค่ะ
มาที่ส่วนของห้องน้ำบ้าง มีอุปกรณ์ครบดีค่ะ ทั้งบิเดที่ติดอยู่ที่ผนัง (ตอนแรกหาไม่เจอ) มีให้แม้แต่โฟมล้างหน้าค่ะ ห้องน้ำเล็กมาก ข้อเสียคืออ่างอาบน้ำค่ะ อ่างอาบน้ำสูงมาก คือเวลาที่จะเข้าไปอาบน้ำในอ่าง ต้องก้าวขาข้ามเข้าไปเนี่ย มันสูงมาก คิดเอาว่า ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ขาไม่ค่อยดี หรือหัวเข่าไม่ค่อยดีเนี่ย ต้องเข้ามาอาบน้ำยากมากแน่ๆ ก้าวไม่ดีจะพาลสะดุดอ่างอาบน้ำเอาซะด้วยค่ะ
อุปกรณ์อาบน้ำ พวกสบู่ แชมพู ครีมนวด และโฟมล้างหน้า เป็นของชิเซโด้ทั้งหมดค่ะ (ว่าตามขวดนะ ข้างในจะใช่รึเปล่า อันนี้ไม่ทราบได้ค่ะ)
นอกนั้นเป็นอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่มีให้ในห้องน้ำค่ะ
สำหรับมื้ออาหารเช้า มีให้เลือก 2 แบบค่ะ ต้องเลือกเอาไว้ล่วงหน้าเลยสำหรับทุกวันที่เข้าพักตั้งแต่ตอนเช็คอินค่ะ
นี่คือเมนูอาหาร 2 แบบที่มีให้เลือกค่ะ ดิฉันเลือกเมนูอาหารญี่ปุ่นไป เป็นแซลม่อนรมควัน ซึ่ง... เค็มมาก -"- แต่พอกินกับข้าวก็กำลังดีค่ะ แต่ถ้าใครคิดว่าจะไม่กินข้าว ลองเลือกเป็นเมนูอาหารฝรั่งดูนะคะ อาจจะดีกว่า อย่างน้อยออมเล็ตก็คงไม่เค็มมากนัก
ส่วนพอลงไปทานอาหารในตอนเช้า เราจะต้องลงไปที่ชั้น B1 ค่ะ ซึ่งที่นั่น นอกจากเมนูที่เราเลือกแล้ว จะมีพวกเครื่องเคียงอื่นๆ ให้เราทานได้เพิ่ม เช่น สลัดมันฝรั่ง หรือสลัดเส้นสปาเก็ตตี้ (มันเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อะ) แล้วก็มีข้าวสวยให้ตักเองเท่าที่ต้องการ มีซุปมิโสะให้ตัก มีเครื่องดื่มคือน้ำส้มกับน้ำผลไม้อีกอย่าง (อะไรจำไม่ได้เหมือนกัน เพราะทานแต่น้ำส้มทั้งสองวันค่ะ)
อาจจะรีวิวไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่นัก เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น มัวแต่คิดเรื่องแผนการเที่ยวในแต่ละวันจนไม่ได้นึกถึงเรื่องโรงแรม ว่าควรจะกลับมารีวิวให้คนอื่นๆ ที่กำลังตัดสินใจ หรือคนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ได้เป็นข้อมูลเสริมทางเลือกด้วย มานึกได้อีกทีก็กลับมาบ้านซะแล้วค่ะ
สำหรับส่วนตัว ถ้าไปโอซาก้าในครั้งหน้าอีก ก็จะเลือกพักที่โรงแรมนี้ล่ะค่ะ ไม่เปลี่ยนใจ เพราะสะดวกสำหรับการทำทุกสิ่งอย่าง รอบๆ โรงแรมก็มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้าน Tax-Free เหมือนพวกดองกี้อยู่ด้วย คืออยู่ติดประตูหลังของโรงแรมเลยค่ะ ดีมากจริงๆ ราคาก็ไม่แพงด้วย ใครกำลังมองหาโรงแรมที่โอซาก้าก็ลองดูนะคะ ห้องพักใหม่และไม่มีกลิ่นบุหรี่ด้วยค่ะ
[CR] [CR] รีวิวโรงแรม Hotel Kanade โอซาก้า
ตอนที่ดิฉันจองเนี่ย จริงๆ ตอนนั้นคือกำลังดูโรงแรมที่ใกล้กับตึก OCAT ให้มากที่สุด เพราะมีแผนที่จะต้องนั่งรถบัสเที่ยวกลางคืนจากโอซาก้าไปลงโตเกียวค่ะ จึงไม่ต้องการลากกระเป๋าไกลๆ หรือต้องลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นลงรถไฟฟ้าไปโรงแรมอีก เพราะเป็นวันธรรมดาที่คนทำงาน เดาว่ารถไฟฟ้าคงจะแน่นมาก จึงหาอยู่แถวๆ สถานีนัมบะ ซึ่งตอนแรก โรงแรมนี้ก็ไม่มีอยู่ในรายการตัวเลือก แต่พอรีเฟรชอยู่ 2-3 ครั้ง ชื่อโรงแรมนี้ก็ปรากฏขึ้นมาค่ะ ด้วยราคาที่ถูกมากจริงๆ (เพราะจนถึงก่อนหน้านั้น โรงแรมจะราคาสูงกว่าที่นี่เกือบเท่าตัวทั้งหมด)
ตามภาพคือราคาสำหรับ 2 คืนค่ะ (ราคาเป็นเงินวอนเพราะดิฉันกดจองจากที่เกาหลีค่ะ) พร้อมอาหารเช้าค่ะ ห้องปลอดบุหรี่ และเป็นเตียงใหญ่ด้วยค่ะ
สำหรับโรงแรมนี้ เดินทางไปไหนมาไหนง่ายมาก ทั้งมาจากสนามบินคันไซก็ง่ายมากค่ะ ลองดูตามแผนที่ทางด้านล่างนะคะ
โรงแรมจะอยู่ตรงจุดมาร์คในภาพ อยู่ที่ประตูทางออก หมายเลข 28 ของสถานีนัมบะเลยค่ะ ใช้เวลาเดินเท้าไปถึงโดทงโบริแค่ 5 นาทีเท่านั้น (สปีดคนทั่วไปอาจจะอยู่ราว 7-10 นาทีค่ะ)
สำหรับการเดินทางมาที่โรงแรมนี้
จากสนามบินคันไซ - นั่งรถบัส ราคา 1050 เยน ขึ้นรถที่ป้ายหมายเลข 11 ลงที่ตึก OCAT ซึ่งรถจะจอดที่ชั้น 2 (ที่เดียวกับ Night bus ค่ะ) ให้ลงมาที่ชั้น 1 แล้วออกทางประตูทิศเหนือ ออกมาหน้าตึก มองไปทางขวามือจะเห็นทางม้าลาย โรงแรมอยู่ตรงหน้าทางม้าลายเลยค่ะ
จาก/ไป โดทงโบริ ใช้เดินในสถานีนัมบะ โดยลงไปที่ประตูทางเข้าสถานีที่อยู่หน้าประตูโรงแรม แล้วไปออกประตู 14 หรือ 15 ก็ได้ค่ะ ขึ้นมาจะเจอเลย หรือไม่อย่างนั้น ก็เดินไปก็ได้ค่ะ ไม่ไกล แต่เดินในสถานีจะง่ายกว่าตรงที่ไม่ต้องข้ามถนน ไม่ต้องรอสัญญาณไฟคนข้ามค่ะ
ลักษณะห้องพักก็ปกติทั่วไปของห้องพักญี่ปุ่น คือ แคบ แต่อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักครบครันมากค่ะ
เตียงนอนจะเป็นเตียงใหญ่ ซึ่งจะมีปลั๊กสำหรับให้เสียบชาร์ตโทรศัพท์ที่หัวนอน 1 ช่องด้วย มีโต๊ะในห้องนอน สำหรับนั่งทำงาน หรือว่าทานอะไรได้สบายเลยค่ะ พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว
อันนี้จะเห็นลักษณะทางเดินว่า แคบนิดหน่อย แต่ว่าก็กว้างพอที่จะวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ลง และเปิดกระเป๋าคาไว้เพื่อหยิบของ แต่ก็ยังสามารถเดินผ่านไปมาได้อยู่ค่ะ
มาที่ส่วนของห้องน้ำบ้าง มีอุปกรณ์ครบดีค่ะ ทั้งบิเดที่ติดอยู่ที่ผนัง (ตอนแรกหาไม่เจอ) มีให้แม้แต่โฟมล้างหน้าค่ะ ห้องน้ำเล็กมาก ข้อเสียคืออ่างอาบน้ำค่ะ อ่างอาบน้ำสูงมาก คือเวลาที่จะเข้าไปอาบน้ำในอ่าง ต้องก้าวขาข้ามเข้าไปเนี่ย มันสูงมาก คิดเอาว่า ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ขาไม่ค่อยดี หรือหัวเข่าไม่ค่อยดีเนี่ย ต้องเข้ามาอาบน้ำยากมากแน่ๆ ก้าวไม่ดีจะพาลสะดุดอ่างอาบน้ำเอาซะด้วยค่ะ
อุปกรณ์อาบน้ำ พวกสบู่ แชมพู ครีมนวด และโฟมล้างหน้า เป็นของชิเซโด้ทั้งหมดค่ะ (ว่าตามขวดนะ ข้างในจะใช่รึเปล่า อันนี้ไม่ทราบได้ค่ะ)
นอกนั้นเป็นอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่มีให้ในห้องน้ำค่ะ
สำหรับมื้ออาหารเช้า มีให้เลือก 2 แบบค่ะ ต้องเลือกเอาไว้ล่วงหน้าเลยสำหรับทุกวันที่เข้าพักตั้งแต่ตอนเช็คอินค่ะ
นี่คือเมนูอาหาร 2 แบบที่มีให้เลือกค่ะ ดิฉันเลือกเมนูอาหารญี่ปุ่นไป เป็นแซลม่อนรมควัน ซึ่ง... เค็มมาก -"- แต่พอกินกับข้าวก็กำลังดีค่ะ แต่ถ้าใครคิดว่าจะไม่กินข้าว ลองเลือกเป็นเมนูอาหารฝรั่งดูนะคะ อาจจะดีกว่า อย่างน้อยออมเล็ตก็คงไม่เค็มมากนัก
ส่วนพอลงไปทานอาหารในตอนเช้า เราจะต้องลงไปที่ชั้น B1 ค่ะ ซึ่งที่นั่น นอกจากเมนูที่เราเลือกแล้ว จะมีพวกเครื่องเคียงอื่นๆ ให้เราทานได้เพิ่ม เช่น สลัดมันฝรั่ง หรือสลัดเส้นสปาเก็ตตี้ (มันเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อะ) แล้วก็มีข้าวสวยให้ตักเองเท่าที่ต้องการ มีซุปมิโสะให้ตัก มีเครื่องดื่มคือน้ำส้มกับน้ำผลไม้อีกอย่าง (อะไรจำไม่ได้เหมือนกัน เพราะทานแต่น้ำส้มทั้งสองวันค่ะ)
อาจจะรีวิวไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่นัก เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น มัวแต่คิดเรื่องแผนการเที่ยวในแต่ละวันจนไม่ได้นึกถึงเรื่องโรงแรม ว่าควรจะกลับมารีวิวให้คนอื่นๆ ที่กำลังตัดสินใจ หรือคนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ได้เป็นข้อมูลเสริมทางเลือกด้วย มานึกได้อีกทีก็กลับมาบ้านซะแล้วค่ะ
สำหรับส่วนตัว ถ้าไปโอซาก้าในครั้งหน้าอีก ก็จะเลือกพักที่โรงแรมนี้ล่ะค่ะ ไม่เปลี่ยนใจ เพราะสะดวกสำหรับการทำทุกสิ่งอย่าง รอบๆ โรงแรมก็มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้าน Tax-Free เหมือนพวกดองกี้อยู่ด้วย คืออยู่ติดประตูหลังของโรงแรมเลยค่ะ ดีมากจริงๆ ราคาก็ไม่แพงด้วย ใครกำลังมองหาโรงแรมที่โอซาก้าก็ลองดูนะคะ ห้องพักใหม่และไม่มีกลิ่นบุหรี่ด้วยค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น