ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้พันทิพย์แรกของผมที่ยืมแอคเค้าท์ของเพื่อนมาใช้
ถ้าพิมพ์อะไรไม่ถูกตกๆหล่นๆไปขออภัยล่วงหน้านะครับ
ตามหัวกระทู้เลยครับ
ขออณุญาตเกริ่นให้ฟังก่อนนะครับ.....
ผมกับแฟนเราคบกันเป็นเพื่อนมาประมาณ2ปีได้และหลังจากนั้นเราก็เริ่มคบกันเป็นแฟนมาได้อีกเกือบปี
ช่วงแรกๆที่คบกันความรักของเรามันก็เหมือนคู่อื่นๆนั่นแหล่ะครับ ข้าวใหม่ปลามัน อาจจะเพราะยังไม่รู้จักกันดี หรือยังอยู่ในช่วงที่ใส่โปรโมชั่นกันเต็มที่ก็ไม่รู้
ผมกับแฟนเลยไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกันมาก่อนเลยครับ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เราเลยค่อนข้างรู้แกวกันดี
เขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมจะรู้และจำได้หมดทุกอย่างทั้งนิสัยใจคอ ทำให้พอเป็นแฟนกันผมสามารถดูแลเทคแคร์เขาได้เป็นอย่างดี
จนกระทั่งช่วงที่คบกันเป็นแฟนมาได้5เดือนกว่าๆ ผมเริ่มสังเกตุความไม่ผิดปกติในตัวเธอบ่อยขึ้น
1. เธอเป็นคนเจ้าอารมณ์มากครับ
2. เธอขี้หงุดหงิด หงุดหงิดง่ายมากแม้ไม่ใช่วันนั้นของเดือน เห็นอะไรขัดใจเป็นหงุดหงิดไปหมด
3. เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบมากถึงมากที่สุด negative thinkingสุดๆเลย
4. เธอเป็นประเภท introvert หรือเก็บตัว ซึ่งค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว
อาการช่วงเริ่มต้นคบกันใหม่ๆก็มีแค่นี้แหล่ะครับ ซึ่งช่วงที่เราคบเป็นเพื่อนกันก็ยังพอมีให้เห็นบ้างประปรายแต่ไม่มากมายขนาดนี้
หลังจากที่เธอเริ่มมีอาการ เธอมักจะถือคติว่า ผมต้องตามใจเธอเสมอ
เธอชื่นชอบพวกแท็กพ่อบ้านใจกล้าอะไรทำนองนั้นครับ และเธอมักเอามาใช้เล่นกับผมบ่อยๆด้วย (ซึ่งผมก็บ้าจี้หงอตามทุกครั้งเพราะคิดว่ามันก็น่ารักดี)
แต่หลังๆเหมือนเธอเริ่มจะเหมารวมทุกครั้งว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องเป็นคนยอมเธอ มีความสุขผมก็ต้องเป็นคนยอม เศร้าหรือทะเลาะกันผมก็ต้องเป็นคนยอม ไปไหนมาไหนผมก็เป็นคนยอม.....
ผมก็ไม่ได้รำคาญใจอะไรมากมายนะ เพราะผมก็คิดว่าการได้แสดงออกความเป็นสุภาพบุรุษแมนๆต่อหน้าสาวมันก็ดีเหมือนกัน
แต่หลังๆผมก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า คนเราถ้าจะคบกันและหวังจะใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆมันต้องเกิดจากควมเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย
แล้วยอมปรับตัวเข้าหากัน ลดฉันนิด ลดเธอหน่อย ไม่ใช่เหรอครับ?
แต่ทุกวันนี้ผมยังไม่พบสิ่งที่ว่ามาในตัวแฟนผมคนนี้เลย....
กลับมาที่เรื่องปัญหาของผมกับเธอนะครับ
หลังจากที่ผมคบกันเธอมาเรื่อยๆช่วง2-3เดือนหลังๆมานี้ เรามีปัญหากันหนักขึ้น ทะเลาะกันมากขึ้น และทะเลาะกันแทบทุกวันที่มีโอกาส
บอกตามตรงว่าผมไม่มีความสุขเลยและไม่ชอบที่มันเป็นอย่างนี้เลย....
สาเหตุที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่มากจากเรื่องที่เวลาว่างเราไม่ตรงกันครับ และส่วนใหญ่เวลาที่เธอว่างผมเองก็ไม่มีเวลาให้
เนื่องด้วยเธอเป็นคน introvertครับ ทำให้เธอไม่มีเพื่อนเลยซักคนเดียว... ที่ผ่านมาก็มีผมที่คบเธอเป็นเพื่อนมาตลอด
พอมาถึงตอนนี้เธอเรียกร้องเวลาจากผมมากขึ้นแต่ผมไม่สามารถให้เวลาได้เพียงพอเท่าที่เธอต้องการทำให้สถานการณ์มันแย่ลงไปอีกครับ
ปกติแล้วเราจะคุยไลน์กันทุกวัน ทั้งวันตังแต่เช้าตื่นนอนมายันกลับเข้านอนหัวถึงหมอนอีกรอบ เป็นแบบนี้ประจำในทุกๆวัน
ผมมักจะเป็นฝ่ายทักไปหาเธอเสมอ เพราะผมจะเป็นคนตื่นก่อน ตั้งแต่อรุณสวัสดิ์ ทานข้าวหรือยัง ได้พักบ้างไหม เหนื่อยไหม เบื่อไหม ร้อนไหม
วันหยุดหน้าอยากไปเที่ยวไหนไหมเดี๋ยวผมพาไปเที่ยว มื้อเย็นวันนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวผมไปรับพาเธอไปกินข้าวแล้วกลับบ้านกัน เข้าบ้านแล้วหรือยัง
อาบน้ำเรียบร้อยจะเข้านอนแล้วใช่ไหม โอเค ฝันดีนะ ดูแลตัวเองด้วย...... ผมทำแบบนี้ในทุกๆวันรวมถึงชวนคุยเล่นสนุกสนานกันระหว่างวันตามสมควร ถ้าหากผมต้องเดินทางไปไหนผมจะรายงานเธอเสมอตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกประตูบ้าน ยันถึงที่ทำงาน ยันกินข้าวแล้วนะ ก่อนกลับแวะซื้อของนะ กำลังกลับนะ กลับถึงบ้านแล้วนะ และจะถ่ายรูปแนบไปทุกครั้งเพื่อรายงานตัว
เวลาเข้านอนเราคอลหากันครับ คอลทีนานมากเป็นเวลาหลายชั่วโมง เธอจะรอให้ผมคอลไปหาเสมอ และผมก็มักจะอยู่รอส่งเธอเข้านอนจนเธอหลับไปแล้วผมถึงได้วางสายแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเงียบๆคนเดียว
วันไหนถ้าเธอไม่ได้คอลเธอจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ งอนผม โกรธผม ไม่คุยกันทั้งวัน ทั้งๆที่บางทีวันนั้นผมก็ขออณุญาตเธอดีๆแล้วว่าวันนี้มีงานต้องทำเยอะมาก ผมขอเคลียร์งานซักคืน เธอจะรับปากเงียบๆ แต่คุณผู้ชายหลายคนคงจะทราบว่าแบบนี้แปลว่าเธอไม่โอเค..
บางคืนผมต้องยอมทิ้งงานทั้งหมดที่ต้องทำมาเพื่อมานั่งคอลคยเป็นเพื่อนเธอเพราะกลัวเธอจะเหงา แต่บางทีคอลไปด้วยความเป็นห่วงเธอกลับติดดูหนังฟังเพลงดูซีรี่ยส์อยู่ซะงั้น ตลอดเวลาของการคอลเธอก็แทบจะไม่ได้ตอบผมเท่าไหร่ แต่ผมต้องพยายามชวนเธอคุยตลอเวลา เมื่อไหร่ที่ผมเงียบไป เธอจะพูดขึ้นมาว่าหายไปแล้วเหรอ? แล้วเริ่มฮึ่มใส่ผม... ผมจึงต้องชวนเธอคุยต่อไปจนส่งเธอเข้านอนเสร็จถึงได้มาเคลียร์งานของตัวเองที่กองเป็นเอกสารภูเขาบนโต๊ะ..... ซึ่งบางคืนผมไม่ได้นอนเลยก็มี (เนื่องจากเธอนอนดึกมากแต่ผมต้องตื่นเช้า) เช้ามาอดนอนขนาดไหนก็ต้องไปทำงานทั้งอย่างนั้นครับ
ขอเข้าเรื่องปัญหาสุขภาพจิตนะครับ
ช่วงหลังๆที่มีปัญหากัน เราทะเลาะกันแรงมากขึ้นและผมเริ่มสังเกตุท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอทีละนิด
4ข้อเดิมข้างบนที่กล่าวมาเธอยังเป็นเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ เธอเริ่มเป็นพวกซึมเศร้า ไม่ร่าเริ่ง วิตกจริต คิดมาก และไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง
ผมพยายามเอาใจใส่เธอให้มากขึ้น เพื่อหวังว่าเธออาจจะดีขึ้นเพราะตอนแรกคิดว่าเธอน่าจะยังไม่ได้เป็นโรคอะไร
จนช่วงหลังๆมานี้อาการเธอหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเริ่มเบื่อชีวิต ไม่มีความสุข มองเห็นชีวิตตัวเองมีแต่เรื่องแย่ๆ.... เธอเริ่มบอกว่าเธออยากตายในทุกๆวัน
อาการของเธอทวีความรุนแรงและน่าเป็นห่วงหนักขึ้นเรื่อยๆครับ จนผมเริ่มสงสัยว่าหรือเธออาจะเป็นโรคซึมเศร้า
ผมเริ่มค้นคว้าข้อมูลอย่างหนักตามอินเทอร์เน็ตและเว็บไซส์ที่เชื่อถือได้ของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลจนผมสันนิษฐานเอาว่าเธอน่าจะเป็นจริงๆ
ผมลองไปพูดกับเธอตรงๆว่าเธออาจจะเป็นโรคนี้รึเปล่า อยากไปหาหมอด้วยกันไหม ตั้งแต่เนิ่นๆ เกิดอะไรขึ้นเราจะได้ช่วยกันทัน
ตอนแรกเธอก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลังๆมาพอเธอสังเกตุตัวเองเธอก็เริ่มเชื่อแล้วว่าตัวเธอเองเป็น แต่เธอไม่ยอมไปหาหมอครับ
บางครั้งเดินเที่ยวกันอยู่ดีๆ กำลังหัวเราะกันสนุกสนาน เธอหยุดเดินแล้วเงียบไป หลังจากนั้นเธอเดินหนีผมไปทางอื่นโดยไม่พูดไม่จา เธอมักจะหามุมมืด มุมกำแพงที่ไม่มีคนแล้วเริ่มทิ้งตัวพิงผนังตรงนั้นและเข้าลู่โลกของตัวเอง
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้คำพูดอะไรไม่ดีหรือพูดเรื่องอะไรที่ระคายเคืองหูเธออย่างแน่นอน แต่เธอก็มีอาการขึ้นมาดื้อๆ เดินหายไปหลังจากนั้นก็ทั้งร้องไห้
ทั้งหงุดหงิดว่าอยากกลับบ้าน เธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว.. พอผมพยายามจะโอ๋เธอและพาเธอกลับบ้านตามที่ขอ เธอกลับสะบัดผมและเริ่มตีผมพร้อมบอกว่าไม่ต้องการผม ไม่ต้องการให้ผมเข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตเธอและเธอก็โวยวายว่าเธอไม่ต้องการอยู่ตรงนี้อีกแล้ว เธอไม่อยากมองหน้าใครทั้งนั้น
มันค่อนข้างกะทันหันมาก.....และผมช็อคไปพอสมควร....
หลังจากนั้นมาหลายครั้งที่เราเดินๆห้างอยู่ด้วยกันเธอหันมาจูงผมไปที่ระเบียงที่ตรงกลางเป็นช่องมองลงไปข้างล่างทะลุกันปลอดโปร่ง หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มให้ผมแล้วบอกว่าอยากโดดลงไป...... บางทีเธอก็ไม่ได้หันมาพูดอะไร แค่เดินไปเกาะราวระเบียงแล้วจ้องลงไปอย่างนั้นจนผมเองก็กลัวว่าเธอจะโดดจริงๆเลยต้องกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอหลุดจากตัวผม
หลายครั้งที่เธอมาเล่าให้ฟังว่าเธออยู่ที่บ้านเธอก็เอานิ้วมือแหย่พัดลมเล่นเพราะคิดว่ามันอาจจะบาดนิ้วแล้วเจ็บดี
บางครั้งเธอเองก็เคยกรีดแขนตัวเอง มีครั้งนึงที่เธอเคยกรีดแขนตัวเองสมัยเป็นเพื่อนกันแล้วถ่ายรูปให้ผมดู (ตอนนั้นเธอทะเลาะกับคนรู้จักหนักมาก) ผมเลยขอร้องเธอไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก อย่าทำร้ายตัวเอง ซึ่งเธอก็ฟังคำขอผมบ้างไม่ฟังบ้าง
อาการของเธอทรุกหนักลงเรื่อยๆทุกวันจนผมฟันธงชัวร์ๆล้านเปอร์เซนต์ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน และเจ้าตัวก็ยอมรับด้วยว่าตัวเองเป็น
มเองหาข้อมูลทางเน็ตมาก็เยอะ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะมาแก้ไขเอง เป็นเรื่องที่ต้องพบแพทย์ กี่เว็บๆเขาก็เขียนแบบนี้ซึ่งผมก็เข้าใจดีและเห็นด้วยทุกอย่าง แต่ปัญหามันติดอยู่อย่างนึงที่ว่าเจ้าตัวไม่ยอมไปเองเนี่ยแหล่ะครับ
ผมทั้งชวน ทั้งอ้อนวอน ทั้งขอร้องเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมไป มีบางครั้งที่เธอก็ยอมไป แต่ถ้าเรามีปัญหาขัดใจกันเมื่อไหร่เธอจะไม่ยอมไปทันที
ซึ่งปัญหาที่ขดใจกันก็เร่องเดิมๆ คือผมไม่มีเวลาให้...
ผมว่าผมแบ่งเวลาให้เธอเยอะมาก เวลาชีวิตของผมทั้งหมดแทบจะยกให้เธอแล้ว ตื่นเช้ามาก็คุยกับเธอ สายก็คุย กลางวันคุย บ่ายก็คุย เย็นก็คุย ตกกลางคืนคอลวิดีโอเฟสเป็นชั่วโมงๆ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปหาตลอดเท่าที่จะไปได้ จนผมยังนึกตำหนิตัวเองไม่หายว่าที่ผ่านมาผมแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัวจริงๆของตัวเองด้วยซ้ำ เวลาของผมให้เธอจนหมด แต่คนที่ไม่ได้เวลาจากผมจริงๆคือครอบครัวของผมที่อยู่ที่บ้านต่างหาก
ผมค่อนข้างเข้าใจว่าการรับมือและดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าต้องใช้ ความอดทน ความเข้าใจ ความเอาใจใส่ ให้เวลา และอยู่เคียงข้างเขาขนาดไหน ซึ่งที่ผ่านมาผมกล้าพูดว่าผมทำหน้าที่แฟนที่ดีอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง (อีกนิดนึงก็สามีที่ดีแล้วครับ) แต่ผมเองก็มีความรับผิดชอบทางบ้านผมเองที่ต้องดูแล ผมยังมีพ่อ มีแม่ มีพี่น้อง มีญาตืผู้ใหญ่อีกหลายคนที่บ้านที่ผมต้องดูแล พวกเขาเองก็ต้องการความสำคัญและเวลาจากผมมากพอๆกัน มีอยู่ครั้งนึงที่ผมตามติดดูแลแฟนตลอดเวลาเพราะพยายามเข้าใจเธอว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า ผมควรเทคแคร์ให้มากขึ้น แต่ทางบ้านผมถึงกับออกปากเองว่าพวกเขาไม่ได้รับความเอาใจใส่จากผมอย่างที่พวกเขาควรจะได้รับ เพราะเวลาที่ผมเอาไปดูแลแฟน เอาไปคุยทั้งวัน คอลกัน กลางคืนก็คอล วันหยุดไปหา..เวลาพวกนั้นมือคือเวลาที่ผมควรจะทำงาน และเวลาที่ผมควรจะใช้เวลาว่างกับครอบครัวจริงๆของผม แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่ควร จนมันกายเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิดลึกๆมาจนถึงทุกวันนี้
ผมเองเข้าใจเธอ ผมรักเธอมากจริงๆ ผมอยากช่วยเหลือเธอ แต่ผมเองก็มีภาระหน้าที่ มีความรับผิดชอบ มีครอบครัวที่ผมต้องดูแล มีงานที่ผมต้องทำเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้องพ่อแ่ของผมที่ท่านก็แก่ตัวลงทุกวันในอนาคต ผมพยายามแบ่งเวลาอย่างเต็มที่และสมดุลแล้วแต่ดูเหมือนว่าเวลาสมดุลของผม สำหรับเธอมันยังคงไม่เพียงพอ เธอต้องการมันมากกว่านี้....... ซึ่งหลายครั้งที่ผมเริ่มคิดว่ามันไม่ถูก ผมควรจะรักครอบครัวของผม แต่พอมองดูเธอที่เป็นโรคซึมเศร้าผมก็อดสงสารเธอไม่ได้ ผมยังคงต้องคอยดูแลเทคแคร์เธอแบบเดิมอยู่ดีโดยที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างเรื่องที่บ้านกับเรื่องของเธอและเรื่องงานที่ผมต้องรับผิดชอบ และทางออกอย่างการพาเธอไปหาหมอเธอกลับยังไม่ยอมให้ความร่วมมือและยืนยันว่าต้องการความเอาใจใส่จากผม เธอเลยปฏิเสธการไปหาหมอ และนั่นทำให้เราทะเลาะกันมากขึ้นในทุกวันไปอีก ผมพยายามลองเปิดใจคุยทุกอย่างให้ชัดเจนและเคลียร์ที่สุดว่าเธอควรจะไปรับการรักษาเพาะต่อให้เป็นผมก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ถ้าเธอไม่ไปหาหมอด้วยตัวเอง.... หลังจากนั้นเธอพยายามฆ่าตัวตายต่อหน้าผม คืนนั้นเรานั่งร้องไห้กันทั้งคู่ เธอหนื่อย ผมก็จนปัญญา ผมรู้สึกว่าสุขภาพจิตของผมเริ่มย่ำแย่ลงตามไปเรื่อยๆ ครอบครัวเห็นผมก็สงสารและเห็นใจผม แต่แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ต้องการความเอาใจใส่จากผมเหมือนเดิม เพราะพวกเราเป็นครอบครัวกัน ที่บานผมเองก็เริ่มแนะนำว่าคนเรามกรรมเป็นของตัวเอง ถ้าผมพยายามอย่างหนักแล้วช่วยอะไรเธอไม่ได้ บางทีผมอาจต้องปล่อยวางแล้วจริงๆ...
แต่จะให้ผมปล่อยวางจริงๆเหรอครับ ผมเป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอมีมาตลอด3ปี และเป็นแฟนและคนๆเดียวที่เข้าใจเธอ(นอกจากหมอ) ถ้าเกิดวันนึงเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นอย่างที่ผมไม่คาดคิดเพียงเพราะว่าผมทิ้งเธอไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะพูดกับตัวเองว่ายังไง คนอื่นๆอาจจะมีปัญหาชีวิตที่หนักกว่าผมเยอะมาก แต่ผมเองก็ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่เต็มตัว เป็นแค่วัยรุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงผู้ใหญ่ ผมคิดว่าการที่ผมต้องทำชีวิตตัวเองให้ดี และแบกความหวังทั้งหมดของครอบครัวเพื่อเป็นเสาหลักของบ้าน และต้องพยายามยื๊อชีวิตใครคนนึงไม่ให้ฆ่าตัวตายไปพร้อมๆกันทั้งสามอย่าง มันเป็นอะไรที่เกินตัวผมไปไกลมากครับ
มีแฟนเป็นโรคซึมเศร้าทำไงดีครับ
ถ้าพิมพ์อะไรไม่ถูกตกๆหล่นๆไปขออภัยล่วงหน้านะครับ
ตามหัวกระทู้เลยครับ
ขออณุญาตเกริ่นให้ฟังก่อนนะครับ.....
ผมกับแฟนเราคบกันเป็นเพื่อนมาประมาณ2ปีได้และหลังจากนั้นเราก็เริ่มคบกันเป็นแฟนมาได้อีกเกือบปี
ช่วงแรกๆที่คบกันความรักของเรามันก็เหมือนคู่อื่นๆนั่นแหล่ะครับ ข้าวใหม่ปลามัน อาจจะเพราะยังไม่รู้จักกันดี หรือยังอยู่ในช่วงที่ใส่โปรโมชั่นกันเต็มที่ก็ไม่รู้
ผมกับแฟนเลยไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกันมาก่อนเลยครับ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เราเลยค่อนข้างรู้แกวกันดี
เขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมจะรู้และจำได้หมดทุกอย่างทั้งนิสัยใจคอ ทำให้พอเป็นแฟนกันผมสามารถดูแลเทคแคร์เขาได้เป็นอย่างดี
จนกระทั่งช่วงที่คบกันเป็นแฟนมาได้5เดือนกว่าๆ ผมเริ่มสังเกตุความไม่ผิดปกติในตัวเธอบ่อยขึ้น
1. เธอเป็นคนเจ้าอารมณ์มากครับ
2. เธอขี้หงุดหงิด หงุดหงิดง่ายมากแม้ไม่ใช่วันนั้นของเดือน เห็นอะไรขัดใจเป็นหงุดหงิดไปหมด
3. เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบมากถึงมากที่สุด negative thinkingสุดๆเลย
4. เธอเป็นประเภท introvert หรือเก็บตัว ซึ่งค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว
อาการช่วงเริ่มต้นคบกันใหม่ๆก็มีแค่นี้แหล่ะครับ ซึ่งช่วงที่เราคบเป็นเพื่อนกันก็ยังพอมีให้เห็นบ้างประปรายแต่ไม่มากมายขนาดนี้
หลังจากที่เธอเริ่มมีอาการ เธอมักจะถือคติว่า ผมต้องตามใจเธอเสมอ
เธอชื่นชอบพวกแท็กพ่อบ้านใจกล้าอะไรทำนองนั้นครับ และเธอมักเอามาใช้เล่นกับผมบ่อยๆด้วย (ซึ่งผมก็บ้าจี้หงอตามทุกครั้งเพราะคิดว่ามันก็น่ารักดี)
แต่หลังๆเหมือนเธอเริ่มจะเหมารวมทุกครั้งว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องเป็นคนยอมเธอ มีความสุขผมก็ต้องเป็นคนยอม เศร้าหรือทะเลาะกันผมก็ต้องเป็นคนยอม ไปไหนมาไหนผมก็เป็นคนยอม.....
ผมก็ไม่ได้รำคาญใจอะไรมากมายนะ เพราะผมก็คิดว่าการได้แสดงออกความเป็นสุภาพบุรุษแมนๆต่อหน้าสาวมันก็ดีเหมือนกัน
แต่หลังๆผมก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า คนเราถ้าจะคบกันและหวังจะใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆมันต้องเกิดจากควมเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย
แล้วยอมปรับตัวเข้าหากัน ลดฉันนิด ลดเธอหน่อย ไม่ใช่เหรอครับ?
แต่ทุกวันนี้ผมยังไม่พบสิ่งที่ว่ามาในตัวแฟนผมคนนี้เลย....
กลับมาที่เรื่องปัญหาของผมกับเธอนะครับ
หลังจากที่ผมคบกันเธอมาเรื่อยๆช่วง2-3เดือนหลังๆมานี้ เรามีปัญหากันหนักขึ้น ทะเลาะกันมากขึ้น และทะเลาะกันแทบทุกวันที่มีโอกาส
บอกตามตรงว่าผมไม่มีความสุขเลยและไม่ชอบที่มันเป็นอย่างนี้เลย....
สาเหตุที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่มากจากเรื่องที่เวลาว่างเราไม่ตรงกันครับ และส่วนใหญ่เวลาที่เธอว่างผมเองก็ไม่มีเวลาให้
เนื่องด้วยเธอเป็นคน introvertครับ ทำให้เธอไม่มีเพื่อนเลยซักคนเดียว... ที่ผ่านมาก็มีผมที่คบเธอเป็นเพื่อนมาตลอด
พอมาถึงตอนนี้เธอเรียกร้องเวลาจากผมมากขึ้นแต่ผมไม่สามารถให้เวลาได้เพียงพอเท่าที่เธอต้องการทำให้สถานการณ์มันแย่ลงไปอีกครับ
ปกติแล้วเราจะคุยไลน์กันทุกวัน ทั้งวันตังแต่เช้าตื่นนอนมายันกลับเข้านอนหัวถึงหมอนอีกรอบ เป็นแบบนี้ประจำในทุกๆวัน
ผมมักจะเป็นฝ่ายทักไปหาเธอเสมอ เพราะผมจะเป็นคนตื่นก่อน ตั้งแต่อรุณสวัสดิ์ ทานข้าวหรือยัง ได้พักบ้างไหม เหนื่อยไหม เบื่อไหม ร้อนไหม
วันหยุดหน้าอยากไปเที่ยวไหนไหมเดี๋ยวผมพาไปเที่ยว มื้อเย็นวันนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวผมไปรับพาเธอไปกินข้าวแล้วกลับบ้านกัน เข้าบ้านแล้วหรือยัง
อาบน้ำเรียบร้อยจะเข้านอนแล้วใช่ไหม โอเค ฝันดีนะ ดูแลตัวเองด้วย...... ผมทำแบบนี้ในทุกๆวันรวมถึงชวนคุยเล่นสนุกสนานกันระหว่างวันตามสมควร ถ้าหากผมต้องเดินทางไปไหนผมจะรายงานเธอเสมอตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกประตูบ้าน ยันถึงที่ทำงาน ยันกินข้าวแล้วนะ ก่อนกลับแวะซื้อของนะ กำลังกลับนะ กลับถึงบ้านแล้วนะ และจะถ่ายรูปแนบไปทุกครั้งเพื่อรายงานตัว
เวลาเข้านอนเราคอลหากันครับ คอลทีนานมากเป็นเวลาหลายชั่วโมง เธอจะรอให้ผมคอลไปหาเสมอ และผมก็มักจะอยู่รอส่งเธอเข้านอนจนเธอหลับไปแล้วผมถึงได้วางสายแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเงียบๆคนเดียว
วันไหนถ้าเธอไม่ได้คอลเธอจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ งอนผม โกรธผม ไม่คุยกันทั้งวัน ทั้งๆที่บางทีวันนั้นผมก็ขออณุญาตเธอดีๆแล้วว่าวันนี้มีงานต้องทำเยอะมาก ผมขอเคลียร์งานซักคืน เธอจะรับปากเงียบๆ แต่คุณผู้ชายหลายคนคงจะทราบว่าแบบนี้แปลว่าเธอไม่โอเค..
บางคืนผมต้องยอมทิ้งงานทั้งหมดที่ต้องทำมาเพื่อมานั่งคอลคยเป็นเพื่อนเธอเพราะกลัวเธอจะเหงา แต่บางทีคอลไปด้วยความเป็นห่วงเธอกลับติดดูหนังฟังเพลงดูซีรี่ยส์อยู่ซะงั้น ตลอดเวลาของการคอลเธอก็แทบจะไม่ได้ตอบผมเท่าไหร่ แต่ผมต้องพยายามชวนเธอคุยตลอเวลา เมื่อไหร่ที่ผมเงียบไป เธอจะพูดขึ้นมาว่าหายไปแล้วเหรอ? แล้วเริ่มฮึ่มใส่ผม... ผมจึงต้องชวนเธอคุยต่อไปจนส่งเธอเข้านอนเสร็จถึงได้มาเคลียร์งานของตัวเองที่กองเป็นเอกสารภูเขาบนโต๊ะ..... ซึ่งบางคืนผมไม่ได้นอนเลยก็มี (เนื่องจากเธอนอนดึกมากแต่ผมต้องตื่นเช้า) เช้ามาอดนอนขนาดไหนก็ต้องไปทำงานทั้งอย่างนั้นครับ
ขอเข้าเรื่องปัญหาสุขภาพจิตนะครับ
ช่วงหลังๆที่มีปัญหากัน เราทะเลาะกันแรงมากขึ้นและผมเริ่มสังเกตุท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอทีละนิด
4ข้อเดิมข้างบนที่กล่าวมาเธอยังเป็นเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ เธอเริ่มเป็นพวกซึมเศร้า ไม่ร่าเริ่ง วิตกจริต คิดมาก และไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง
ผมพยายามเอาใจใส่เธอให้มากขึ้น เพื่อหวังว่าเธออาจจะดีขึ้นเพราะตอนแรกคิดว่าเธอน่าจะยังไม่ได้เป็นโรคอะไร
จนช่วงหลังๆมานี้อาการเธอหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเริ่มเบื่อชีวิต ไม่มีความสุข มองเห็นชีวิตตัวเองมีแต่เรื่องแย่ๆ.... เธอเริ่มบอกว่าเธออยากตายในทุกๆวัน
อาการของเธอทวีความรุนแรงและน่าเป็นห่วงหนักขึ้นเรื่อยๆครับ จนผมเริ่มสงสัยว่าหรือเธออาจะเป็นโรคซึมเศร้า
ผมเริ่มค้นคว้าข้อมูลอย่างหนักตามอินเทอร์เน็ตและเว็บไซส์ที่เชื่อถือได้ของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลจนผมสันนิษฐานเอาว่าเธอน่าจะเป็นจริงๆ
ผมลองไปพูดกับเธอตรงๆว่าเธออาจจะเป็นโรคนี้รึเปล่า อยากไปหาหมอด้วยกันไหม ตั้งแต่เนิ่นๆ เกิดอะไรขึ้นเราจะได้ช่วยกันทัน
ตอนแรกเธอก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลังๆมาพอเธอสังเกตุตัวเองเธอก็เริ่มเชื่อแล้วว่าตัวเธอเองเป็น แต่เธอไม่ยอมไปหาหมอครับ
บางครั้งเดินเที่ยวกันอยู่ดีๆ กำลังหัวเราะกันสนุกสนาน เธอหยุดเดินแล้วเงียบไป หลังจากนั้นเธอเดินหนีผมไปทางอื่นโดยไม่พูดไม่จา เธอมักจะหามุมมืด มุมกำแพงที่ไม่มีคนแล้วเริ่มทิ้งตัวพิงผนังตรงนั้นและเข้าลู่โลกของตัวเอง
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้คำพูดอะไรไม่ดีหรือพูดเรื่องอะไรที่ระคายเคืองหูเธออย่างแน่นอน แต่เธอก็มีอาการขึ้นมาดื้อๆ เดินหายไปหลังจากนั้นก็ทั้งร้องไห้
ทั้งหงุดหงิดว่าอยากกลับบ้าน เธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว.. พอผมพยายามจะโอ๋เธอและพาเธอกลับบ้านตามที่ขอ เธอกลับสะบัดผมและเริ่มตีผมพร้อมบอกว่าไม่ต้องการผม ไม่ต้องการให้ผมเข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตเธอและเธอก็โวยวายว่าเธอไม่ต้องการอยู่ตรงนี้อีกแล้ว เธอไม่อยากมองหน้าใครทั้งนั้น
มันค่อนข้างกะทันหันมาก.....และผมช็อคไปพอสมควร....
หลังจากนั้นมาหลายครั้งที่เราเดินๆห้างอยู่ด้วยกันเธอหันมาจูงผมไปที่ระเบียงที่ตรงกลางเป็นช่องมองลงไปข้างล่างทะลุกันปลอดโปร่ง หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มให้ผมแล้วบอกว่าอยากโดดลงไป...... บางทีเธอก็ไม่ได้หันมาพูดอะไร แค่เดินไปเกาะราวระเบียงแล้วจ้องลงไปอย่างนั้นจนผมเองก็กลัวว่าเธอจะโดดจริงๆเลยต้องกอดเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอหลุดจากตัวผม
หลายครั้งที่เธอมาเล่าให้ฟังว่าเธออยู่ที่บ้านเธอก็เอานิ้วมือแหย่พัดลมเล่นเพราะคิดว่ามันอาจจะบาดนิ้วแล้วเจ็บดี
บางครั้งเธอเองก็เคยกรีดแขนตัวเอง มีครั้งนึงที่เธอเคยกรีดแขนตัวเองสมัยเป็นเพื่อนกันแล้วถ่ายรูปให้ผมดู (ตอนนั้นเธอทะเลาะกับคนรู้จักหนักมาก) ผมเลยขอร้องเธอไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก อย่าทำร้ายตัวเอง ซึ่งเธอก็ฟังคำขอผมบ้างไม่ฟังบ้าง
อาการของเธอทรุกหนักลงเรื่อยๆทุกวันจนผมฟันธงชัวร์ๆล้านเปอร์เซนต์ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน และเจ้าตัวก็ยอมรับด้วยว่าตัวเองเป็น
มเองหาข้อมูลทางเน็ตมาก็เยอะ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะมาแก้ไขเอง เป็นเรื่องที่ต้องพบแพทย์ กี่เว็บๆเขาก็เขียนแบบนี้ซึ่งผมก็เข้าใจดีและเห็นด้วยทุกอย่าง แต่ปัญหามันติดอยู่อย่างนึงที่ว่าเจ้าตัวไม่ยอมไปเองเนี่ยแหล่ะครับ
ผมทั้งชวน ทั้งอ้อนวอน ทั้งขอร้องเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมไป มีบางครั้งที่เธอก็ยอมไป แต่ถ้าเรามีปัญหาขัดใจกันเมื่อไหร่เธอจะไม่ยอมไปทันที
ซึ่งปัญหาที่ขดใจกันก็เร่องเดิมๆ คือผมไม่มีเวลาให้...
ผมว่าผมแบ่งเวลาให้เธอเยอะมาก เวลาชีวิตของผมทั้งหมดแทบจะยกให้เธอแล้ว ตื่นเช้ามาก็คุยกับเธอ สายก็คุย กลางวันคุย บ่ายก็คุย เย็นก็คุย ตกกลางคืนคอลวิดีโอเฟสเป็นชั่วโมงๆ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปหาตลอดเท่าที่จะไปได้ จนผมยังนึกตำหนิตัวเองไม่หายว่าที่ผ่านมาผมแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัวจริงๆของตัวเองด้วยซ้ำ เวลาของผมให้เธอจนหมด แต่คนที่ไม่ได้เวลาจากผมจริงๆคือครอบครัวของผมที่อยู่ที่บ้านต่างหาก
ผมค่อนข้างเข้าใจว่าการรับมือและดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าต้องใช้ ความอดทน ความเข้าใจ ความเอาใจใส่ ให้เวลา และอยู่เคียงข้างเขาขนาดไหน ซึ่งที่ผ่านมาผมกล้าพูดว่าผมทำหน้าที่แฟนที่ดีอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง (อีกนิดนึงก็สามีที่ดีแล้วครับ) แต่ผมเองก็มีความรับผิดชอบทางบ้านผมเองที่ต้องดูแล ผมยังมีพ่อ มีแม่ มีพี่น้อง มีญาตืผู้ใหญ่อีกหลายคนที่บ้านที่ผมต้องดูแล พวกเขาเองก็ต้องการความสำคัญและเวลาจากผมมากพอๆกัน มีอยู่ครั้งนึงที่ผมตามติดดูแลแฟนตลอดเวลาเพราะพยายามเข้าใจเธอว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า ผมควรเทคแคร์ให้มากขึ้น แต่ทางบ้านผมถึงกับออกปากเองว่าพวกเขาไม่ได้รับความเอาใจใส่จากผมอย่างที่พวกเขาควรจะได้รับ เพราะเวลาที่ผมเอาไปดูแลแฟน เอาไปคุยทั้งวัน คอลกัน กลางคืนก็คอล วันหยุดไปหา..เวลาพวกนั้นมือคือเวลาที่ผมควรจะทำงาน และเวลาที่ผมควรจะใช้เวลาว่างกับครอบครัวจริงๆของผม แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่ควร จนมันกายเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิดลึกๆมาจนถึงทุกวันนี้
ผมเองเข้าใจเธอ ผมรักเธอมากจริงๆ ผมอยากช่วยเหลือเธอ แต่ผมเองก็มีภาระหน้าที่ มีความรับผิดชอบ มีครอบครัวที่ผมต้องดูแล มีงานที่ผมต้องทำเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้องพ่อแ่ของผมที่ท่านก็แก่ตัวลงทุกวันในอนาคต ผมพยายามแบ่งเวลาอย่างเต็มที่และสมดุลแล้วแต่ดูเหมือนว่าเวลาสมดุลของผม สำหรับเธอมันยังคงไม่เพียงพอ เธอต้องการมันมากกว่านี้....... ซึ่งหลายครั้งที่ผมเริ่มคิดว่ามันไม่ถูก ผมควรจะรักครอบครัวของผม แต่พอมองดูเธอที่เป็นโรคซึมเศร้าผมก็อดสงสารเธอไม่ได้ ผมยังคงต้องคอยดูแลเทคแคร์เธอแบบเดิมอยู่ดีโดยที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างเรื่องที่บ้านกับเรื่องของเธอและเรื่องงานที่ผมต้องรับผิดชอบ และทางออกอย่างการพาเธอไปหาหมอเธอกลับยังไม่ยอมให้ความร่วมมือและยืนยันว่าต้องการความเอาใจใส่จากผม เธอเลยปฏิเสธการไปหาหมอ และนั่นทำให้เราทะเลาะกันมากขึ้นในทุกวันไปอีก ผมพยายามลองเปิดใจคุยทุกอย่างให้ชัดเจนและเคลียร์ที่สุดว่าเธอควรจะไปรับการรักษาเพาะต่อให้เป็นผมก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ถ้าเธอไม่ไปหาหมอด้วยตัวเอง.... หลังจากนั้นเธอพยายามฆ่าตัวตายต่อหน้าผม คืนนั้นเรานั่งร้องไห้กันทั้งคู่ เธอหนื่อย ผมก็จนปัญญา ผมรู้สึกว่าสุขภาพจิตของผมเริ่มย่ำแย่ลงตามไปเรื่อยๆ ครอบครัวเห็นผมก็สงสารและเห็นใจผม แต่แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ต้องการความเอาใจใส่จากผมเหมือนเดิม เพราะพวกเราเป็นครอบครัวกัน ที่บานผมเองก็เริ่มแนะนำว่าคนเรามกรรมเป็นของตัวเอง ถ้าผมพยายามอย่างหนักแล้วช่วยอะไรเธอไม่ได้ บางทีผมอาจต้องปล่อยวางแล้วจริงๆ...
แต่จะให้ผมปล่อยวางจริงๆเหรอครับ ผมเป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอมีมาตลอด3ปี และเป็นแฟนและคนๆเดียวที่เข้าใจเธอ(นอกจากหมอ) ถ้าเกิดวันนึงเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นอย่างที่ผมไม่คาดคิดเพียงเพราะว่าผมทิ้งเธอไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะพูดกับตัวเองว่ายังไง คนอื่นๆอาจจะมีปัญหาชีวิตที่หนักกว่าผมเยอะมาก แต่ผมเองก็ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่เต็มตัว เป็นแค่วัยรุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงผู้ใหญ่ ผมคิดว่าการที่ผมต้องทำชีวิตตัวเองให้ดี และแบกความหวังทั้งหมดของครอบครัวเพื่อเป็นเสาหลักของบ้าน และต้องพยายามยื๊อชีวิตใครคนนึงไม่ให้ฆ่าตัวตายไปพร้อมๆกันทั้งสามอย่าง มันเป็นอะไรที่เกินตัวผมไปไกลมากครับ