positioning: สรุปเหตุการณ์ "เซเว่นฯ" งัดข้อ"เอไอเอส" เปิดปมร้าวเลิกขายบัตรเติมเงิน

เครดิต http://positioningmag.com/1107010
By Admin -  October 29, 2016

การงัดข้อระหว่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น” เครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุด และเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด กำลังถูกจับตามองว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะถือเป็นระดับ “บิ๊ก” ทั้งคู่

เมื่อร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ ติดประกาศไม่จำหน่ายบัตรเติมเงิน “วันทูคอล” ของเอไอเอสทุกสาขาทั่วประเทศทำเอาลูกค้าที่ใช้บริการบัตรเติมเงินของเอไอเอสซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากต้องได้รับผลกระทบไปตามๆกัน

ปมปัญหานั้นมาจากการที่เซเว่นอีเลฟเว่นต้องการเรียกเก็บ “ค่าตอบแทน” จากการขายบัตร จากเดิมที่จัดเก็บอยู่ในอัตรา 4-5% ต้องการเพิ่มอีก 2%  เพื่อให้ใกล้เคียงกับที่จัดเก็บจาก ดีแทค เก็บในอัตรา 6%+ 1และทรูมูฟ จัดเก็บในอัตรา 7%

“เดิมเซเว่นฯ เก็บค่าตอบแทนจากเอไอเอสในอัตรา 4-5% เนื่องจากฐานลูกค้าเอไอเอสมีมากกว่าอีก 2 ค่าย  แต่พอลูกค้าพรีเพดของดีแทค และทรูมูฟเริ่มมากขึ้น  ทางเซเว่นฯ จึงต้องการเก็บส่วนแบ่งจากเอไอเอสเพิ่มให้เท่ากับอีก 2 ราย ในขณะที่เอไอเอส มองว่ายังไม่ควรเก็บเพิ่ม เพราะฐานลูกค้าเอไอเอสายังมีมากกว่าอีก 2 รายอยู่เยอะ ก็ควรเก็บส่วนแบ่งน้อยกว่าอีก 2 ราย” แหล่งข่าวในวงการสื่อสารบอกสาเหตุ

เมื่อตกลงกันไม่ได้เซเว่นฯก็เลยใช้ไม้แข็งติดประกาศงดขายบัตรเติมเงินวันทูคอลทุกสาขาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นมา

การที่ไม่มีบัตรเติมเงินขายในร้านเซเว่นฯผู้ที่จะได้รับผลกระทบไม่ได้มีแค่ลูกค้าเท่านั้นแต่เอไอเอสและเซเว่นฯก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ถึงแม้ว่าเอไอเอสจะยืนยันว่ามีช่องทางจำหน่ายบัตรอื่นๆกว่า 5 แสนจุด ทั่วประเทศ เช่น ตู้บุญเติม 8 หมื่นจุด ตู้ซิงเกอร์ 3 หมื่นจุด  รวมแล้ว 1.2 แสนแห่งทั่วประเทศ ยังมี บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส แฟมิลี่ มาร์ท ไปรษณีย์ไทย ลอว์สัน 108 ตัวแทนจำหน่ายวันทูคอล ตู้เอทีเอ็ม ของ 11 ธนาคาร อีกกว่า 4 หมื่นตู้

รวมกันทั้งหมดมีไม่น้อยกว่า 5 แสนจุดทั่วประเทศ เทียบกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีประมาณ 8-9 พันสาขา ถือเป็นตัวเลขที่แตกต่างกัน

แต่ต้องยอมรับว่าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่เข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้อย่างเห็นผลทั้งทำเลที่ตั้งจำนวนสาขาและการเปิดบริการ 24 ชั่วโมง  เซเวนอีเลฟเว่น จึงเป็นช่องทางที่สำคัญในการ ขายบัตรเติมเงิน ไม่ต่างจากสินค้าอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาร้านเซเว่นฯ เป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้า

เอไอเอสจึงต้องพยายามแก้ปัญหาด้วยการงดเว้นค่าธรรมเนียม 2 บาท (เดิมลูกค้าต้องเป็นจ่ายเอง เช่นเติม 50 บาท ลูกค้าต้องจ่าย 52 บาท) ให้กับลูกค้าที่เติมเงิน 50 บาทขึ้นไป ผ่าน “ตู้บุญเติม” เฉพาะที่ตั้งอยู่หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น  แต่ก็ไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมดเพราะบางสาขาของเซเว่นอีเลฟเว่นก็ไม่มีตู้บุญเติม

ในขณะที่เซเว่นฯเองก็ต้องเสียรายได้จากการไปไม่น้อยแหล่งข่าวในวงการสื่อสารระบุว่าที่ผ่านมาเซเว่นฯมีรายได้จากบัตรเติมเงินวันทูคอลประมาณ 2 พันล้านบาทต่อเดือน การยุติจำหน่ายบัตรเติมเงิน จึงทำให้เซเว่นฯ ต้องสูญเสียรายได้  ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี

ที่ผ่านมาการเติมเงินในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นของเอไอเอสก็แตกต่างไปจากของดีแทคและทรู  ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลไปที่ดีแทคและทรูทันทีเช่นเมื่อลูกค้าต้องการเติมเงินพนักงานจะคีย์เบอร์โทรศัพท์ลูกค้าและจำนวนเงินที่ต้องการเติมข้อมูลจะถูกส่งไปที่ดีแทคหรือทรูเพื่อเติมเงินได้ทันที

ในขณะที่ลูกค้าของเอไอเอสต้องการเติมเงินพนักงานเซเว่นจะส่งคำสั่งไปที่เอไอเอสจากนั้นเอไอเอสจึงจะส่งโค้ดหรือใบสลิปมาให้ลูกค้าเพื่อเติมเงินเอง โดยที่เซเว่นฯ ไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ลูกค้าแต่ละรายว่าเติมเงินเท่าไหร่

การที่เอไอเอสต้องทำเช่นนี้ส่วนหนึ่งนอกจากเพื่อความปลอดภัยแล้วและถือเป็นความลับทางธุรกิจที่ไม่ต้องการให้คู่แข่งรู้ฐานข้อมูลลูกค้า

แหล่งข่าวในวงการสื่อสารระบุด้วยว่าสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างเซเว่นอีเลฟเว่นและเอไอเอสต้องลงเอยด้วยการ “แตกหัก” ในครั้งนี้  ส่วนหนึ่งยังมาจากปมร้าวที่เกิดขึ้นมาจากกรณีที่ทรูมูฟ และเอไอเอส เปิดศึกแย่งชิงลูกค้า 900 MHz  เพราะถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญ ที่สามารถพลิกชะตาให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ทันที  ทั้งคู่จึงระดมปล่อยสารพัดยุทธวิธี ทั้งใต้ดิน บนดินมาแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น “ย้ายค่ายเบอร์เดิม” ลดแจกแถมเครื่องฟรี

ค่ายทรูมูฟ ได้ใช้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเป็นช่องทางสำคัญ เชิญชวน และอำนวยความให้ลูกค้าให้ย้ายค่ายมาใช้ของทรู จนเอไอเอส ต้องนำเรืองไปฟ้องร้องต่อหน่วยงานรัฐ  และต้องไประดมกองทัพทีมงาน และพึ่งพา อบต. เป็นช่องทางในการแจกเครื่องฟรี

“เป็นปมปัญหาสะสมของทั้ง 2 ค่าย ที่มีต่อเนื่องมาตลอด  ไม่ใช่เพราะเรื่องผลตอบแทนที่เซเว่นเรียกเก็บเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันไปถึงการแข่งขันในธุรกิจมือถือ ที่ดุเดือดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ทรู ประมูลคลื่น 900 MHz มาได้ และต้องการขึ้นเป็นอันดับ 1”

ต้องรอดูกันต่อว่า ทั้งเซเว่นอีเลฟเว่น และอไอเอส จะยอมเปิดโต๊ะเจรจากันอีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติอีกครั้งหรือไม่ และคงเกิดขึ้นในเร็ววัน เพราะงานนี้ได้รับกระทบกระทบทั้งคู่  ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเกมลึกในการสกัดคู่แข่งก็อาจทำให้การเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อหาข้อยุติคงไม่ลงเอยได้โดยง่าย

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เอากลมๆ ตามเลข ปัจจุบัน ต่อการเติมเงิน 100 บาท 1 ครั้ง 7-11 ได้เงิน จาก

AIS 4% = 134,000,000
DTAC 6% = 122,400,000
TRUE 7% = 113,400,000

ถ้าตามที่ 7-11 ร้องขอเพิ่ม เก็บ AIS เป็น 6%

AIS 6% = 201,000,000
DTAC 6% = 122,400,000
TRUE 7% = 113,400,000

ดีแล้วละ ที่ AIS เลิกดีลกับ 7-11
ความคิดเห็นที่ 20
AIS ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่า ทีดีแทคเขายังจ่าย 6-7% ได้ ตัวเองยักษ์ใหญ่ซะเปล่า ไม่ป๋าเลย
ความคิดเห็นที่ 16
ก็เป็นเรื่องธุรกิจน่ะนะ แต่เชื่อเหอะสุดท้ายก็ยอมจ่าย เพราะผลกระทบแรงมาก  เอไอเอส ก็แบบนี้แหละ ปากแข็งตลอด ผมยังจำประมูลคลื่น 900 ได้เลย แถลงว่าไม่คุ้มๆๆ แป๊บเดียวแสนจะคุ้มขึ้นมา กลืนน้ำลายกันคนเชียร์แทบมุดแผ่นดินไปด้วยเลย
ความคิดเห็นที่ 9
ทำบทความ  เหมือนจะไม่ให้  "สินค้าขายดี"  มีอำนาจต่อรองเลย

คงต้องจ่ายอย่างเดียวให้ร้านค้ามั๊ง  ถึงจะเรียกว่าดี   ค่าหัวเชลฟื  ค่าส่งเสริมการขาย  ค่าโฆษณา  ไม่เอามาคิดหรอ  หายไปไหน  มีแต่รายได้  ค่าใช้จ่ายไม่โชว์เลยนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่