สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการซื้อรถ BIGBIKE มือสองจากเตนท์ที่นึง ...
หลังจากที่ผมขายรถคันเก่าไป ผมก็จะขยับเขยื้อนมาขับตัวที่ CC สูงกว่า จึงมองตัวพัน CC เอาไว้และดูไปเรื่อย ๆ อยู่พักนึงจนกระทั่งไปเจอร้านนึงเข้า ที่รถดูเข้าท่า + กับราคารถ ราคาดาวน์และผ่อนถือว่าผมรับได้ เพราะว่าถูกกว่าร้านอื่นอยู่นิดหน่อย
จนกระทั่งผมติดต่อไป ถามเรื่องรถต่าง ๆ ตามบทสนทนาคร่าว ๆ ด้านล่างนี้
ผม : รถวิ่งเท่าไหร่แล้วครับ เคยล้มหรือชนมามั้ยครับ
คนขาย : วิ่ง 19K ไม่เคยล้มหรือชนครับ
ผม : ของแต่งมีอะไรบ้างครับ
คนขาย : ก็มีตามที่ลงเลยครับ ท่อฟูลก็เกือบ ๆ แสนแล้วครับ
ผม : ลดได้อีกมั้ยพี่ แล้วยื่นไฟแนนซ์ต้องไปเองหรีอยังไงครับ
คนขาย : พี่ลดให้ 4,000 แล้วกันค่าน้ำมัน
หลังจากนั้นก็คุยเรื่องไฟแนนซ์ทั่วไป
จากยอดแรกที่เค้าลงคือราคา รถ 389,000 ดาวน์ 60,000 ผ่อน 7,xxx ต่องวด แต่ไฟแนนซ์รับจัดที่ 320,000 บาท
สรุปว่าผมต้องดาวน์ 65,000 ยอดผ่อน 7,xxx ต่องวด 48 งวด เพราะไฟแนนซ์ให้ยอดจัดที่ 320,000 บาท ก็จะรวมเป็น 385,000 รวมราคาต่อรอง
ด้วยความที่รถไม่ได้อยู่กรุงเทพ ประกอบกับดอกเบี้ยที่ถือว่าถูก ผมจึงวางเงินมัดจำรถไป 20,000 บาท และก็คุยกันคร่าว ๆ ว่าวันรับรถผมต้องไปรับเอง เพราะรถเค้าตรวจสภาพได้ทุกขนส่ง และถ้าอยากให้ส่งมาให้ผมที่กรุงเทพจะมีค่าจัดส่ง 4,500 บาท ผมก็เลยบอกว่างั้นวันรับรถผมไปรับนครสวรรค์ได้มั้ยครับ ไม่อยากเสียเงิน เจ้าของร้านก็ยอมรับและบอกว่าได้
พอคุยกับไฟแนนซ์ทำเรื่องอะไรเรียบร้อยก็เพิ่งมาทราบว่า จริง ๆ แล้วยอดผ่อนไม่ใช่ยอดนี้แต่เป็น 9,xxx และมีค่าจัดค่าโอนอีก
ผมจึงโทรไปขอต่อรองกับพ่อค้าอีกครั้ง
ผม : พี่ มันไม่ได้ 7,xxx หนิครับ
คนขาย : พี่ก็เพิ่งรู้เลยน้อง
ผม : อ่าว งั้นลดยอดมาอีกหน่อยได้มั้ยครับ
คนขาย : ไม่ได้แล้วครับน้อง อันนี้ก็สุด ๆ แล้ว
(เรื่องค่าจัดค่าโอนผมพอทราบว่ามันต้องมี แต่โดยปรกติแล้วทางร้านจะแจ้งกันทุกร้านเพราะเรทไม่เท่ากัน 7,xxx - 15,xxx แล้วแต่ร้าน แต่ทางร้านนี้ไม่ได้แจ้งไว้) ผมอึ้งไปพักนึงกับยอดผ่อนต่อเดือน มีที่ไหน ร้านขายรถลืมบวกภาษี บวกดอกเบี้ยเข้าไปด้วย ??? แต่ก็สรุปกับตัวเองว่าโอเคไม่เป็นไรจุดนี้พอรับได้ ก็ถือว่าไม่หนักมาก ถือว่าคุ้มถ้าเทียบกับท่อที่ได้
ช่วงที่คุยกับไฟแนนซ์เรื่องยอดจัด ยอดโอน ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถอะไรต่าง ๆ
เค้าก็ได้ถามผมถึงตัวรถด้วย ดังข้างล่างนี้
ไฟแนนซ์ : รถศูนย์ รึเปล่าครับ ?
ผมจึงได้โทรไปหาคนขายเพื่อสอบถามหลังจากนั้นจึงคุยกับไฟแนนซ์ต่อ
ผม : รถจดประกอบครับพี่
ไฟแนนซ์ : ชุดสีเดิมไหมครับ
ผม : ชุดสีเดิมครับ (คนขายแจ้งมาเอง)
เพราะรายละเอียดตรงนี้มีผลต่อการอนุมัติและค่าใช้จ่ายในการโอนด้วย
จนกระทั่งวันที่ไฟแนนซ์อนุมัติและนัดวันรับรถก็ได้ส่งภาพนี้มาให้ผมครับ
ผมเห็นแล้วผมก็งง มา 390K ได้ไง
ผมจึงโทรไปสอบถามคนขาย เค้าแจ้งมาว่า 389K คือราคาสด ราคาดาวน์คือ 390K
แต่เท่าที่คุยกันคือ ราคารถ 385K ... เถียงกันอยู่นานกว่าเค้าจะยอม และบอกว่า " รถพี่ขายหลายคัน พี่พลาดเอง " เลยกลายเป็นผมรู้สึกผิดซะงั้น
ไอตรงจุดนี้ไม่เท่าไหร่ ผมงงตรงที่ราคาดาวน์เพิ่มมาได้ไง
ตามปรกติแล้วสมมุติราคารถ 350K ราคาสดจะต่อรองลงได้อีก แต่ไม่เคยเจอเคสเพิ่มราคาในกรณีดาวน์รถเลย และไม่ได้แจ้งไว้ด้วย
ก่อนหน้านี้ที่ผมได้คุยกับไฟแนนซ์มาเค้าบอกว่ารถต้องมาตรวจที่ขนส่งจตุจักรที่กรุงเทพ
แต่คนขายบอกว่ารถมันตรวจได้ทุกขนส่งอยู่แล้ว ... อันนั้นก็ปล่อยให้เค้าตกลงกัน แต่ แต่ว่า
ก่อนวันรับรถไม่กี่วันเพิ่งโทรมาบอกผมว่าค่าขนส่งรถจากร้านเค้ามาถึงกรุงเทพผมต้องเป็นคนจ่ายเอง ...
งงมั้ยครับ คือรถเค้าต้องตรวจที่กรุงเทพอยู่แล้ว ทำไมผมต้องไปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้เค้าด้วย ถ้าผมอยู่พัทลุงแล้วให้ส่งมาตรวจที่จังหวัดผมสิอันนี้ผมจะจ่าย แต่สรุปก็ต้องจ่ายครับ ผมช่วยเค้าไป 2,000 บาทแบบงง ๆ เพราะไม่อยากให้เรื่องยืดยาว
จุดพีคที่สุดคือวันที่รับรถครับ ...
บังโคลนหลังมีรอยร้าวจนเกือบแตก น็อตบังโซ่ไม่มี น็อตครอบท่อด้านขวาไม่มี
น้ำมันเบรคหน้าหลังแห้งจนถึงขีด LOWER (ทั้ง ๆ ที่ควรจะเปลี่ยนถ่ายก่อนขายรถให้ลูกค้า)
ผมจึงโทรไปหาคนขาย ...
คนขาย : น้องคุยกับ A (นามสมมุติ) เลย เค้าเป็นคนเอารถไป
ผม : ครับ ๆ
ผม : พี่เป็นคนของพี่ xx ป่าวครับ
คุณ A : ครับผม
ผม : ทำไมสภาพมันเยินแบบนี้อะพี่
คุณ A : ต้องเอาไปล้างครับ วิ้งเลย
ผม : อ่อครับ ๆ
ผมก็พยายามคิด เออรถมันมือสองอะ มันก็ต้องแบบนี้แหละ
มันแปลกตรงที่รถมันออกจากเต๊นท์มันน่าจะทำให้ดีกว่านี้ เหมือนร้านอื่น ๆ เค้าทำกัน
และที่พีคที่สุดคือ สักพักคนขายโทรมาบอกว่า " ค่าตรวจสภาพ 4,200 บาท "
ผมงงหนักเข้าไปใหญ่ สอบถามไปสอบถามมาได้ความประมาณว่า " พี่ก็เพิ่งทราบ " ... ผมก็โดนไปอีกดอก จากที่จะเก็บเงินไว้เปลี่ยนถ่ายของเหลวก็หมดเกลี้ยง
ผมยังมานั่งคิด ๆ อยู่ว่าถ้าวันนั้นผมเงินไม่พอ จะทำยังไงดี แบบแจ้งตรงนั้นเลย ไม่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยนะครับ
ตอนนั้นผมเฟลมาก เริ่มรู้สึกว่าไม่อยากได้รถแล้วเพราะมาสภาพนี้ แต่เรียกมารวม ๆ กันไปซื้อร้านอื่นได้เลย
แต่ไฟแนนซ์อนุมัติมาแล้ว ก็เลยแย้งอะไรไม่ได้
(เพิ่งทราบว่าจริง ๆ ยกเลิกได้ ถ้าไฟแนนซ์ยังไม่ทำเรื่องจ่ายเงิน)
......................................................
และผมก็ได้ขับรถออกมาจากขนส่ง อาการแรกคือ " หาเกียร์ N ยากมาก เตะ 5-6 รอบถึงจะติด "
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นเจ้าของรถ BIGBIKE มา 4-5 คันแล้วไม่รวมรถมีคลัชรุ่นเล็กอื่น ๆ อีกหลายตัว ผมใช้เป็นอย่างแน่นอนครับ
พอตกเย็นได้นัดรุ่นพี่ในกลุ่มเพื่อที่จะให้เค้าเช็ครถให้ ... ตอนนี้ที่พีคที่สุด
รุ่นพี่ผมเดินเช็ครอบคัน สรุปว่า ..
1.ท่อไม่ได้ฟูลจริงแต่เป็นสลิปออน และ " ไม่ใช่ของแท้อย่างที่คนขายบอก "
2.ครัชใกล้จะหมด
3.หม้อน้ำถูกเปลี่ยนมา ไม่ใช่ของเดิม
4.ไฮไลท์ที่สุดคือรอยตรงหัวโช้ค ที่สภาพอาการหนักมาก ทั้ง ๆ ที่จุดนี้เอาเหรียญหมุนยังได้ แต่ทำไมมันถึงเป็นรอยขนาดนั้น ?
5.ชุดสีไม่ใช่ชุดเดิมอย่างที่บอกไว้เลย
อาการที่ข้อ 3 , 4 , 5 เกือบจะเป็นคำตอบทั้งหมดเลยว่ารถคันนี้เคยล้มหนักหรือชนมาก่อน
ผมจึงได้โทรไปคุยกับคนขาย ... คุยไปคุยมาได้เรื่องมาว่า พี่คนนี้เป็นแค่หน้าเสื่อ แต่คนขายตัวจริงคือน้องตัวเอง เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถเลย และบอกว่านึกว่าผมไปดูรถมาแล้วและยอมรับเอง ทั้ง ๆ ที่ผมกับพี่เค้าคุยกันตลอด และวันรับรถก็นัดไปที่นครสวรรค์ ผมจะไปดูรถตอนไหน อีกอย่างผมก็เข้าใจมาตลอดว่ารถเป็นของเค้า เค้าเป็นคนขาย จะมาบอกว่าผมไปดูรถมาแล้ว ถ้าไปดูมาแล้วเค้าก็ต้องรู้สิ เพราะยังไงผมก็ต้องนัดกับเค้าไม่ใช่นัดกับคนอื่น
คุยไปคุยมาผมก็ยื่นข้อเสนอว่าจะขายรถให้เค้าคืน สักพักเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวคุยกับ xx เจ้าของรถ และเจ้าของรถ(ทั้งสองคน)ก็ได้แสดงความรับผิดชอบตามนี้ครับ ...
" น้องก็ต้องไปปิดบัญชีก่อนแล้วเอามาขายพี่ แต่พี่รับแค่ 70% ของราคารถที่เค้ารับ ตามหลักสากลนะครับ "
สรุปคือผมต้องเสียดอกเบี้ยให้ไฟแนนซ์และยังขาดทุนให้กับร้านขายรถทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ขับ
และที่คืนก็เพราะรถเค้าล้มหนักหรือชนมาแต่บอกว่าไม่เคย ... ไป ๆ มา ๆ ก็บอกไม่รู้ อยู่กับผมไม่เคยล้มหรือชน
............ จุดที่ผมคาใจก็คือ
คุณเป็นร้านขายรถ คุณไม่เช็ครถก่อนขายหรอครับ ยังงี้ถ้าผมรับซื้อรถพังมาขายให้คนอื่น ผมก็ตอบได้สิครับว่าผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้
เมื่อเค้าปิดประตูตายให้ผมอย่างงี้ ผมจึงเสนอให้เค้าชดเชยให้ผมแทนคือการ " ซ่อม " รถในจุดต่าง ๆ ที่ผมคิดว่าผมเปลี่ยนแล้วจะสบายใจคือ
1.น้ำมันเครื่อง
2.น้ำมันเบรค
3.ชุดคลัช (แผ่นคลัช แผ่นเหล็ก)
4.โซ่ สเตอร์
ตอนแรกผมจะเอาไปเข้าที่ร้าน XXXX ที่มีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับรุ่นที่ผมใช้อยู่
แต่พี่เค้าไม่อยากให้ไป เพราะกลัวโดนผมปั่นหัว ไซโคให้เปลี่ยนทุกอย่าง ผมจึงตกลงกับพี่เค้าว่าจะไปร้านประจำแทน
เค้าก็ตอบตกลง และให้ช่างลิสท์รายการไปให้เค้า เพื่อที่จะดูความสมเหตุสมผล
... ไป ๆ มา ๆ มาบอกกับผมว่า ที่ผมพูดไป มันก็ยังใช้ได้ น้องต้องทำใจนะนี่เป็นรถมือสอง พอคุยไปคุยมาก็เริ่มใส่อารมณ์กับผมว่าจะมากรุงเทพเอง และให้ผมเรียกผู้ใหญ่ไปคุยด้วย
เวลาผ่านมา 2 วัน ผมยังเอารถไปตรวจเช็คไม่ได้ เพราะติดฝนหนัก ยังลิสท์ให้ไม่ได้
จึงโทรไปแจ้งให้เค้าทราบว่า หลัก ๆ ผมเปลี่ยน 4 รายการ อย่างที่เคยบอกไปเพื่อ " ย้ำ " จะได้ไม่พลาดอีก
เค้าก็ตอบประมาณว่า " มันใช้ได้ " ถ้าช่างบอกว่าไม่เปลี่ยนแล้วอันตรายพี่เปลี่ยนให้ แต่ถ้าเปลี่ยนตามความรู้สึกน้อง พี่ไม่เปลี่ยนให้
ผมจึงบอกเขาว่า ผมไม่รู้ว่ามันอันตรายมั้ย แต่ผมเปลี่ยนเพราะความสบายใจของผม ชดเชยที่รถพี่มันล้มมันชนมานะครับ
เถียงกันอยู่เรื่องนี้เกือบชั่วโมง เค้าจึงบอกผมว่าจะทำเป็นเงินให้ผมแล้วไปจัดการเอาเอง ... ดังรูปภาพด้านล่าง
ผมลืมไปว่าค่าคลัชมัน 5 พันก็จริง แต่ต้องมีค่าขนส่งไปที่ร้านอีก 1,000 บาท จึงถามไป

ตามภาพนะครับ
" สุดหล่อ
หอม "
คำที่ผู้ใหญ่ท่านนี้ใช้กับลูกค้า ...
วันเวลาผ่านไป 1 วันเต็ม ๆ ในขณะที่ผมรอเงินของพี่เค้าอยู่ผมก็ได้เอารถไปจัดการเปลี่ยนคลัช น้ำมันเครื่องเหลือแต่น้ำมันเบรค
เนื่องจากผมติดต่อเค้าไม่ได้ เพราะโทรศัพท์เค้าพัง จึงติดต่อคนขายรถคนแรกให้ฝากตามหน่อย ซึ่งเค้าก็บอกจะตามให้แต่เค้าก็ตามไม่ได้เหมือนกันเพราะติดต่อไม่ได้
ผมจึงรอเงินจากพี่เค้าที่ร้านซ่อมรถ ตั้งแต่บ่าย ๆ จนถึง 2 ทุ่ม
จนกระทั่งร้านปิด ผมจึงบอกพี่เค้าว่าเดี๋ยวผมสำรองออกไปครึ่งนึงก่อน แล้วจะมาจ่ายวันหลัง พร้อมอธิบายให้เค้าฟัง
เนื่องจากเป็นร้านประจำอยู่แล้ว เค้าก็รู้ว่าผมโดนอะไรมา เค้าจึงไม่ได้ติดอะไรตรงนี้ ...
ผมกลับบ้านมานอนเรียบร้อย ตื่นมาเจอข้อความดังนี้ครับ
ผมก็อึ้งสิครับ พูดจากับลูกค้าแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งดูถูกคน ยกตมข่มท่าน กล่าวหาพ่อแม่ผู้อื่น ???
ผมรู้ครับว่ารถมือสอง อันนี้ผมให้เค้ารับผิดชอบความรู้สึกผมที่เป็นลูกค้า ที่ดันจับได้ว่ารถมันเคยมีอุบัติเหตุมา แล้วก็เรียกร้องไปแค่อะไรที่มันเกี่ยวกับการขี่รถ ความปลอดภัย ผมไม่ได้ลงลึกไปถึงการแหกเครื่องด้วยซ้ำ บวกกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่ผมต้องมารู้ทีละเรื่อง ๆ ตั้งแต่ ยอดผ่อน ยอดดาวน์ ค่าส่ง ค่าตรวจรถ สภาพรถ ลฯล ที่ผมเรียกร้องไปเนี่ยมันมากมายหรอครับ จะไม่ทำให้ผมก็ได้ ก็บอกไม่ทำก็จบ ไม่ใช่บอกว่าจะทำแล้วไปนั่งคิดกับตัวเองว่านี่มันรถมือสอง น้องมันยอมรับเอง ... มันก็ใช่ที่ผมยอมรับ ผมยอมรับสภาพรถ แต่ผมไม่ได้ยอมรับรถที่มันเคยล้มหรือชนมา ผมไม่ได้ยอมรับของแต่งที่มันผิดเพี้ยนไปจากที่ลงไว้ อีกอย่างที่ยอมรับและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือ " ผมพลาดเอง " ตั้งแต่ไปคุยกับคนสองคนนี้ น่าจะไปซื้อร้านอื่นที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้
... มีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
ถ้าเรื่องนี้ผมผิด ผมยินดีปรับปรุงครับ เพียงชี้แนะว่าผมผิดอย่างไรก็พอครับ เพราะผม " งง " มาก
กระทู้นี้ผมจะไม่ตั้งเลย ถ้าเค้าไม่ได้มากล่าวว่าผมขนาดนี้ครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้ทุกท่านอย่าพลาดเหมือนผม ควรไปดูรถด้วยตัวเองนะครับ ^^
:แก้ใขภาพ ลืมเบลอชื่อครับ
*เตือนภัย* ประสบการณ์แย่ ๆ ในการซื้อ BIGBIKE มือสองจากเต๊นท์
หลังจากที่ผมขายรถคันเก่าไป ผมก็จะขยับเขยื้อนมาขับตัวที่ CC สูงกว่า จึงมองตัวพัน CC เอาไว้และดูไปเรื่อย ๆ อยู่พักนึงจนกระทั่งไปเจอร้านนึงเข้า ที่รถดูเข้าท่า + กับราคารถ ราคาดาวน์และผ่อนถือว่าผมรับได้ เพราะว่าถูกกว่าร้านอื่นอยู่นิดหน่อย
จนกระทั่งผมติดต่อไป ถามเรื่องรถต่าง ๆ ตามบทสนทนาคร่าว ๆ ด้านล่างนี้
ผม : รถวิ่งเท่าไหร่แล้วครับ เคยล้มหรือชนมามั้ยครับ
คนขาย : วิ่ง 19K ไม่เคยล้มหรือชนครับ
ผม : ของแต่งมีอะไรบ้างครับ
คนขาย : ก็มีตามที่ลงเลยครับ ท่อฟูลก็เกือบ ๆ แสนแล้วครับ
ผม : ลดได้อีกมั้ยพี่ แล้วยื่นไฟแนนซ์ต้องไปเองหรีอยังไงครับ
คนขาย : พี่ลดให้ 4,000 แล้วกันค่าน้ำมัน
หลังจากนั้นก็คุยเรื่องไฟแนนซ์ทั่วไป
จากยอดแรกที่เค้าลงคือราคา รถ 389,000 ดาวน์ 60,000 ผ่อน 7,xxx ต่องวด แต่ไฟแนนซ์รับจัดที่ 320,000 บาท
สรุปว่าผมต้องดาวน์ 65,000 ยอดผ่อน 7,xxx ต่องวด 48 งวด เพราะไฟแนนซ์ให้ยอดจัดที่ 320,000 บาท ก็จะรวมเป็น 385,000 รวมราคาต่อรอง
ด้วยความที่รถไม่ได้อยู่กรุงเทพ ประกอบกับดอกเบี้ยที่ถือว่าถูก ผมจึงวางเงินมัดจำรถไป 20,000 บาท และก็คุยกันคร่าว ๆ ว่าวันรับรถผมต้องไปรับเอง เพราะรถเค้าตรวจสภาพได้ทุกขนส่ง และถ้าอยากให้ส่งมาให้ผมที่กรุงเทพจะมีค่าจัดส่ง 4,500 บาท ผมก็เลยบอกว่างั้นวันรับรถผมไปรับนครสวรรค์ได้มั้ยครับ ไม่อยากเสียเงิน เจ้าของร้านก็ยอมรับและบอกว่าได้
พอคุยกับไฟแนนซ์ทำเรื่องอะไรเรียบร้อยก็เพิ่งมาทราบว่า จริง ๆ แล้วยอดผ่อนไม่ใช่ยอดนี้แต่เป็น 9,xxx และมีค่าจัดค่าโอนอีก
ผมจึงโทรไปขอต่อรองกับพ่อค้าอีกครั้ง
ผม : พี่ มันไม่ได้ 7,xxx หนิครับ
คนขาย : พี่ก็เพิ่งรู้เลยน้อง
ผม : อ่าว งั้นลดยอดมาอีกหน่อยได้มั้ยครับ
คนขาย : ไม่ได้แล้วครับน้อง อันนี้ก็สุด ๆ แล้ว
(เรื่องค่าจัดค่าโอนผมพอทราบว่ามันต้องมี แต่โดยปรกติแล้วทางร้านจะแจ้งกันทุกร้านเพราะเรทไม่เท่ากัน 7,xxx - 15,xxx แล้วแต่ร้าน แต่ทางร้านนี้ไม่ได้แจ้งไว้) ผมอึ้งไปพักนึงกับยอดผ่อนต่อเดือน มีที่ไหน ร้านขายรถลืมบวกภาษี บวกดอกเบี้ยเข้าไปด้วย ??? แต่ก็สรุปกับตัวเองว่าโอเคไม่เป็นไรจุดนี้พอรับได้ ก็ถือว่าไม่หนักมาก ถือว่าคุ้มถ้าเทียบกับท่อที่ได้
ช่วงที่คุยกับไฟแนนซ์เรื่องยอดจัด ยอดโอน ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถอะไรต่าง ๆ
เค้าก็ได้ถามผมถึงตัวรถด้วย ดังข้างล่างนี้
ไฟแนนซ์ : รถศูนย์ รึเปล่าครับ ?
ผมจึงได้โทรไปหาคนขายเพื่อสอบถามหลังจากนั้นจึงคุยกับไฟแนนซ์ต่อ
ผม : รถจดประกอบครับพี่
ไฟแนนซ์ : ชุดสีเดิมไหมครับ
ผม : ชุดสีเดิมครับ (คนขายแจ้งมาเอง)
เพราะรายละเอียดตรงนี้มีผลต่อการอนุมัติและค่าใช้จ่ายในการโอนด้วย
จนกระทั่งวันที่ไฟแนนซ์อนุมัติและนัดวันรับรถก็ได้ส่งภาพนี้มาให้ผมครับ
ผมเห็นแล้วผมก็งง มา 390K ได้ไง
ผมจึงโทรไปสอบถามคนขาย เค้าแจ้งมาว่า 389K คือราคาสด ราคาดาวน์คือ 390K
แต่เท่าที่คุยกันคือ ราคารถ 385K ... เถียงกันอยู่นานกว่าเค้าจะยอม และบอกว่า " รถพี่ขายหลายคัน พี่พลาดเอง " เลยกลายเป็นผมรู้สึกผิดซะงั้น
ไอตรงจุดนี้ไม่เท่าไหร่ ผมงงตรงที่ราคาดาวน์เพิ่มมาได้ไง
ตามปรกติแล้วสมมุติราคารถ 350K ราคาสดจะต่อรองลงได้อีก แต่ไม่เคยเจอเคสเพิ่มราคาในกรณีดาวน์รถเลย และไม่ได้แจ้งไว้ด้วย
ก่อนหน้านี้ที่ผมได้คุยกับไฟแนนซ์มาเค้าบอกว่ารถต้องมาตรวจที่ขนส่งจตุจักรที่กรุงเทพ
แต่คนขายบอกว่ารถมันตรวจได้ทุกขนส่งอยู่แล้ว ... อันนั้นก็ปล่อยให้เค้าตกลงกัน แต่ แต่ว่า
ก่อนวันรับรถไม่กี่วันเพิ่งโทรมาบอกผมว่าค่าขนส่งรถจากร้านเค้ามาถึงกรุงเทพผมต้องเป็นคนจ่ายเอง ...
งงมั้ยครับ คือรถเค้าต้องตรวจที่กรุงเทพอยู่แล้ว ทำไมผมต้องไปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้เค้าด้วย ถ้าผมอยู่พัทลุงแล้วให้ส่งมาตรวจที่จังหวัดผมสิอันนี้ผมจะจ่าย แต่สรุปก็ต้องจ่ายครับ ผมช่วยเค้าไป 2,000 บาทแบบงง ๆ เพราะไม่อยากให้เรื่องยืดยาว
จุดพีคที่สุดคือวันที่รับรถครับ ...
บังโคลนหลังมีรอยร้าวจนเกือบแตก น็อตบังโซ่ไม่มี น็อตครอบท่อด้านขวาไม่มี
น้ำมันเบรคหน้าหลังแห้งจนถึงขีด LOWER (ทั้ง ๆ ที่ควรจะเปลี่ยนถ่ายก่อนขายรถให้ลูกค้า)
ผมจึงโทรไปหาคนขาย ...
คนขาย : น้องคุยกับ A (นามสมมุติ) เลย เค้าเป็นคนเอารถไป
ผม : ครับ ๆ
ผม : พี่เป็นคนของพี่ xx ป่าวครับ
คุณ A : ครับผม
ผม : ทำไมสภาพมันเยินแบบนี้อะพี่
คุณ A : ต้องเอาไปล้างครับ วิ้งเลย
ผม : อ่อครับ ๆ
ผมก็พยายามคิด เออรถมันมือสองอะ มันก็ต้องแบบนี้แหละ
มันแปลกตรงที่รถมันออกจากเต๊นท์มันน่าจะทำให้ดีกว่านี้ เหมือนร้านอื่น ๆ เค้าทำกัน
และที่พีคที่สุดคือ สักพักคนขายโทรมาบอกว่า " ค่าตรวจสภาพ 4,200 บาท "
ผมงงหนักเข้าไปใหญ่ สอบถามไปสอบถามมาได้ความประมาณว่า " พี่ก็เพิ่งทราบ " ... ผมก็โดนไปอีกดอก จากที่จะเก็บเงินไว้เปลี่ยนถ่ายของเหลวก็หมดเกลี้ยง
ผมยังมานั่งคิด ๆ อยู่ว่าถ้าวันนั้นผมเงินไม่พอ จะทำยังไงดี แบบแจ้งตรงนั้นเลย ไม่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยนะครับ
ตอนนั้นผมเฟลมาก เริ่มรู้สึกว่าไม่อยากได้รถแล้วเพราะมาสภาพนี้ แต่เรียกมารวม ๆ กันไปซื้อร้านอื่นได้เลย
แต่ไฟแนนซ์อนุมัติมาแล้ว ก็เลยแย้งอะไรไม่ได้
(เพิ่งทราบว่าจริง ๆ ยกเลิกได้ ถ้าไฟแนนซ์ยังไม่ทำเรื่องจ่ายเงิน)
......................................................
และผมก็ได้ขับรถออกมาจากขนส่ง อาการแรกคือ " หาเกียร์ N ยากมาก เตะ 5-6 รอบถึงจะติด "
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นเจ้าของรถ BIGBIKE มา 4-5 คันแล้วไม่รวมรถมีคลัชรุ่นเล็กอื่น ๆ อีกหลายตัว ผมใช้เป็นอย่างแน่นอนครับ
พอตกเย็นได้นัดรุ่นพี่ในกลุ่มเพื่อที่จะให้เค้าเช็ครถให้ ... ตอนนี้ที่พีคที่สุด
รุ่นพี่ผมเดินเช็ครอบคัน สรุปว่า ..
1.ท่อไม่ได้ฟูลจริงแต่เป็นสลิปออน และ " ไม่ใช่ของแท้อย่างที่คนขายบอก "
2.ครัชใกล้จะหมด
3.หม้อน้ำถูกเปลี่ยนมา ไม่ใช่ของเดิม
4.ไฮไลท์ที่สุดคือรอยตรงหัวโช้ค ที่สภาพอาการหนักมาก ทั้ง ๆ ที่จุดนี้เอาเหรียญหมุนยังได้ แต่ทำไมมันถึงเป็นรอยขนาดนั้น ?
5.ชุดสีไม่ใช่ชุดเดิมอย่างที่บอกไว้เลย
อาการที่ข้อ 3 , 4 , 5 เกือบจะเป็นคำตอบทั้งหมดเลยว่ารถคันนี้เคยล้มหนักหรือชนมาก่อน
ผมจึงได้โทรไปคุยกับคนขาย ... คุยไปคุยมาได้เรื่องมาว่า พี่คนนี้เป็นแค่หน้าเสื่อ แต่คนขายตัวจริงคือน้องตัวเอง เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถเลย และบอกว่านึกว่าผมไปดูรถมาแล้วและยอมรับเอง ทั้ง ๆ ที่ผมกับพี่เค้าคุยกันตลอด และวันรับรถก็นัดไปที่นครสวรรค์ ผมจะไปดูรถตอนไหน อีกอย่างผมก็เข้าใจมาตลอดว่ารถเป็นของเค้า เค้าเป็นคนขาย จะมาบอกว่าผมไปดูรถมาแล้ว ถ้าไปดูมาแล้วเค้าก็ต้องรู้สิ เพราะยังไงผมก็ต้องนัดกับเค้าไม่ใช่นัดกับคนอื่น
คุยไปคุยมาผมก็ยื่นข้อเสนอว่าจะขายรถให้เค้าคืน สักพักเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวคุยกับ xx เจ้าของรถ และเจ้าของรถ(ทั้งสองคน)ก็ได้แสดงความรับผิดชอบตามนี้ครับ ...
" น้องก็ต้องไปปิดบัญชีก่อนแล้วเอามาขายพี่ แต่พี่รับแค่ 70% ของราคารถที่เค้ารับ ตามหลักสากลนะครับ "
สรุปคือผมต้องเสียดอกเบี้ยให้ไฟแนนซ์และยังขาดทุนให้กับร้านขายรถทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ขับ
และที่คืนก็เพราะรถเค้าล้มหนักหรือชนมาแต่บอกว่าไม่เคย ... ไป ๆ มา ๆ ก็บอกไม่รู้ อยู่กับผมไม่เคยล้มหรือชน
............ จุดที่ผมคาใจก็คือ
คุณเป็นร้านขายรถ คุณไม่เช็ครถก่อนขายหรอครับ ยังงี้ถ้าผมรับซื้อรถพังมาขายให้คนอื่น ผมก็ตอบได้สิครับว่าผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้
เมื่อเค้าปิดประตูตายให้ผมอย่างงี้ ผมจึงเสนอให้เค้าชดเชยให้ผมแทนคือการ " ซ่อม " รถในจุดต่าง ๆ ที่ผมคิดว่าผมเปลี่ยนแล้วจะสบายใจคือ
1.น้ำมันเครื่อง
2.น้ำมันเบรค
3.ชุดคลัช (แผ่นคลัช แผ่นเหล็ก)
4.โซ่ สเตอร์
ตอนแรกผมจะเอาไปเข้าที่ร้าน XXXX ที่มีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับรุ่นที่ผมใช้อยู่
แต่พี่เค้าไม่อยากให้ไป เพราะกลัวโดนผมปั่นหัว ไซโคให้เปลี่ยนทุกอย่าง ผมจึงตกลงกับพี่เค้าว่าจะไปร้านประจำแทน
เค้าก็ตอบตกลง และให้ช่างลิสท์รายการไปให้เค้า เพื่อที่จะดูความสมเหตุสมผล
... ไป ๆ มา ๆ มาบอกกับผมว่า ที่ผมพูดไป มันก็ยังใช้ได้ น้องต้องทำใจนะนี่เป็นรถมือสอง พอคุยไปคุยมาก็เริ่มใส่อารมณ์กับผมว่าจะมากรุงเทพเอง และให้ผมเรียกผู้ใหญ่ไปคุยด้วย
เวลาผ่านมา 2 วัน ผมยังเอารถไปตรวจเช็คไม่ได้ เพราะติดฝนหนัก ยังลิสท์ให้ไม่ได้
จึงโทรไปแจ้งให้เค้าทราบว่า หลัก ๆ ผมเปลี่ยน 4 รายการ อย่างที่เคยบอกไปเพื่อ " ย้ำ " จะได้ไม่พลาดอีก
เค้าก็ตอบประมาณว่า " มันใช้ได้ " ถ้าช่างบอกว่าไม่เปลี่ยนแล้วอันตรายพี่เปลี่ยนให้ แต่ถ้าเปลี่ยนตามความรู้สึกน้อง พี่ไม่เปลี่ยนให้
ผมจึงบอกเขาว่า ผมไม่รู้ว่ามันอันตรายมั้ย แต่ผมเปลี่ยนเพราะความสบายใจของผม ชดเชยที่รถพี่มันล้มมันชนมานะครับ
เถียงกันอยู่เรื่องนี้เกือบชั่วโมง เค้าจึงบอกผมว่าจะทำเป็นเงินให้ผมแล้วไปจัดการเอาเอง ... ดังรูปภาพด้านล่าง
ผมลืมไปว่าค่าคลัชมัน 5 พันก็จริง แต่ต้องมีค่าขนส่งไปที่ร้านอีก 1,000 บาท จึงถามไป
ตามภาพนะครับ " สุดหล่อ
คำที่ผู้ใหญ่ท่านนี้ใช้กับลูกค้า ...
วันเวลาผ่านไป 1 วันเต็ม ๆ ในขณะที่ผมรอเงินของพี่เค้าอยู่ผมก็ได้เอารถไปจัดการเปลี่ยนคลัช น้ำมันเครื่องเหลือแต่น้ำมันเบรค
เนื่องจากผมติดต่อเค้าไม่ได้ เพราะโทรศัพท์เค้าพัง จึงติดต่อคนขายรถคนแรกให้ฝากตามหน่อย ซึ่งเค้าก็บอกจะตามให้แต่เค้าก็ตามไม่ได้เหมือนกันเพราะติดต่อไม่ได้
ผมจึงรอเงินจากพี่เค้าที่ร้านซ่อมรถ ตั้งแต่บ่าย ๆ จนถึง 2 ทุ่ม
จนกระทั่งร้านปิด ผมจึงบอกพี่เค้าว่าเดี๋ยวผมสำรองออกไปครึ่งนึงก่อน แล้วจะมาจ่ายวันหลัง พร้อมอธิบายให้เค้าฟัง
เนื่องจากเป็นร้านประจำอยู่แล้ว เค้าก็รู้ว่าผมโดนอะไรมา เค้าจึงไม่ได้ติดอะไรตรงนี้ ...
ผมกลับบ้านมานอนเรียบร้อย ตื่นมาเจอข้อความดังนี้ครับ
ผมก็อึ้งสิครับ พูดจากับลูกค้าแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งดูถูกคน ยกตมข่มท่าน กล่าวหาพ่อแม่ผู้อื่น ???
ผมรู้ครับว่ารถมือสอง อันนี้ผมให้เค้ารับผิดชอบความรู้สึกผมที่เป็นลูกค้า ที่ดันจับได้ว่ารถมันเคยมีอุบัติเหตุมา แล้วก็เรียกร้องไปแค่อะไรที่มันเกี่ยวกับการขี่รถ ความปลอดภัย ผมไม่ได้ลงลึกไปถึงการแหกเครื่องด้วยซ้ำ บวกกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่ผมต้องมารู้ทีละเรื่อง ๆ ตั้งแต่ ยอดผ่อน ยอดดาวน์ ค่าส่ง ค่าตรวจรถ สภาพรถ ลฯล ที่ผมเรียกร้องไปเนี่ยมันมากมายหรอครับ จะไม่ทำให้ผมก็ได้ ก็บอกไม่ทำก็จบ ไม่ใช่บอกว่าจะทำแล้วไปนั่งคิดกับตัวเองว่านี่มันรถมือสอง น้องมันยอมรับเอง ... มันก็ใช่ที่ผมยอมรับ ผมยอมรับสภาพรถ แต่ผมไม่ได้ยอมรับรถที่มันเคยล้มหรือชนมา ผมไม่ได้ยอมรับของแต่งที่มันผิดเพี้ยนไปจากที่ลงไว้ อีกอย่างที่ยอมรับและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือ " ผมพลาดเอง " ตั้งแต่ไปคุยกับคนสองคนนี้ น่าจะไปซื้อร้านอื่นที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้
... มีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
ถ้าเรื่องนี้ผมผิด ผมยินดีปรับปรุงครับ เพียงชี้แนะว่าผมผิดอย่างไรก็พอครับ เพราะผม " งง " มาก
กระทู้นี้ผมจะไม่ตั้งเลย ถ้าเค้าไม่ได้มากล่าวว่าผมขนาดนี้ครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้ทุกท่านอย่าพลาดเหมือนผม ควรไปดูรถด้วยตัวเองนะครับ ^^
:แก้ใขภาพ ลืมเบลอชื่อครับ