เมื่อปี 2557 บริษัททัวร์แห่งหนึ่ง จดทะเบียนถูกต้องทุกอย่าง โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ขายทัวร์เอง และส่งให้เพื่อนเอเย่นต์ช่วยขายทัวร์ด้วย ขายทัวร์ญี่ปุ่นไปได้ระยะหนึ่ง บริษัทนั้นเริ่มมีปัญหากับสายการบิน แต่ก็ยังขายทัวร์โดยใช้บริการสายการบินนั้นต่อไป ประชาชนทั่วไปและเอเจนซี่ไม่มีใครทราบถึงปัญหาความขัดแย้งนี้ จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2557 สายการบินนั้นประกาศหยุดบิน ทำให้นักท่องเที่ยวที่ซื้อตรงและซื้อผ่านเอเจนซี่ไม่สามารถเดินทางได้ตามที่ชำระเงินไปหมดแล้ว จากนั้นสายการบินกับบริษัททัวร์นั้นต่างก็ชี้แจงผ่านจดหมายว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเอง ทางสายการบินชี้แจงว่าบริษัททัวร์นั้นชำระเงินให้สายการบินไม่ครบ บริษัททัวร์นั้นเป็นลูกหนี้สายการบิน ทางฝ่ายบริษัททัวร์นั้นออกจดหมายชี้แจงว่าบริษัทจ่ายเงินให้สายการบินเกิน สายการบินเป็นลูกหนี้บริษัททัวร์ เอเจนซี่และผู้เสียหายได้แต่มองตากันปริบๆ มีหลายคนอยากจะร้องตะโกนถามว่า " พวกเราผิดอะไรหรอ พวกเราจ่ายเงินครบหมดแล้ว ลางานแล้ว ปิดร้านแล้ว จัดกระเป๋าแล้ว เตรียมพร้อมเดินทางแล้ว แต่พวกเราไม่ได้บิน เพราะพวกคุณ 2 ฝ่ายทะเลาะกันเรื่องเงิน ทำให้แผนการท่องเที่ยวของพวกเราล่มสลาย บางคนร้องไห้เสียใจหนักมาก แต่ก็ต้องทำใจยอมรับว่าไม่ได้บินไปเที่ยวญี่ปุ่นจริงๆ หลังจากนั้นผู้เสียหายที่ซื้อตรงก็รวมตัวกันไปแจ้งความเอาผิดบริษัททัวร์ที่จัดโปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่นที่กองปราบฯ แจ้งวัฒนะ รวมถึงร้องเรียนทาง สคบ. ทางเอเจนซี่ก็รวมตัวกันไปแจ้งความเอาผิดบริษัททัวร์นั้นที่กองปราบฯ ลาดพร้าว ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัดบางรายก็แจ้งความกับสน.ในพื้นที่ของตัวเอง ผู้เสียหายฝ่ายเอเจนซี่บางรายที่ยังพอมีเงินหมุนเวียนอยู่ก็ควักเงินคืนลูกค้าของตัวเองไปก่อน บางรายต้องหาแหล่งกู้เงินมาชำระคืนลูกค้า บางรายขอผ่อนผันทยอยจ่ายคืนเป็นรายเดือน ประสบปัญหาความเดือดร้อนกันมากมาย เหตุการณ์นี้มีเอเจนซี่บาดเจ็บสาหัสกันไปมากกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท ฝ่ายผู้เสียหายที่ซื้อตรงอีกหลายราย มูลค่าหลายล้านบาท เป็นเรื่องแปลกของกฏหมายเมืองไทยที่ผู้เสียหาย(เอเจนซี่=ผู้ประกอบการ และ ลูกค้า=ประชาชน) ประสบปัญหาเรื่องเดียวกัน แต่ให้แยกกันไปฟ้องดำเนินคดี ทางเอเจนซี่ขอให้ทางกองปราบฯ ลาดพร้าวนำคดีของลูกค้าที่ซื้อตรงมารวมเป็นคดีเดียวกัน แต่ทางกองปราบฯ แจ้งวัฒนะไม่ได้ส่งเรื่องกลับมา กลายเป็น 2 คดีในเรื่องเดียวกัน แต่ผลทางคดีนั้นต่างกัน เอเจนซี่เป็นผู้ประกอบการถือเป็นคู่ค้า การฟ้องร้องให้เป็นคดีอาญา ข้อหาฉ้อโกงฯ นั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เอเจนซี่ทุกรายก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ผลัดกันไปติดตามและผลักดันให้คดีดำเนินต่อไป จากวันเกิดเหตุ จนกระทั่งถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2559 คำพิพากษาในคดีนี้คือ ยกฟ้อง เอเจนซี่หลายรายที่ไปร่วมฟัง ยืนนะจังงัง มึนๆ งงๆ มันวืดๆ เสียใจมาก เพราะทุกคนหวังว่าความยุติธรรมจะมีอยู่จริง ผู้เสียหาย 50 กว่าราย ยอดความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท กลับไม่ได้รับความเมตตา ไม่ไรับความเป็นธรรม เพียงเพราะบริษัทคุณอ้างว่าเคยจัดทัวร์ไปก่อนหน้านี้หลายพันคนไม่เคยประสบปัญหาอะไร เงินที่เก็บค่าทัวร์ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุนำไปชำระให้สายการบินหมด พระเจ้า!! เหตุผลเพียงแค่นี้ ทำให้บริษัทและเจ้าของทัวร์ไม่มีความผิดข้อหาฉ้อโกงฯ คุณไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ คุณไม่ผิด และคุณก็ไม่เคยคิดจะชดใช้เงินคืนเลย คุณไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายกว่า 20 ล้านหรือ???? แล้วผู้เสียหายอย่างเอเจนซี่ผิดหรือที่ขายทัวร์ส่งไปให้บริษัทคุณ ก็ในเมื่อก่อนหน้าเกิดเหตุก็มีทั้งราคาทัวร์ปกติและราคาโปรโมชั่นที่ลูกค้าจ่ายเงินแล้วบินไปได้จริง ผู้เสียหายซื้อตรงก็ตรวจสอบประวัติบริษัทคุณ ได้ยินจากคำบอกเล่าบ้าง เห็นภาพถ่ายระหว่างเดินทางจากเฟสบุ๊กบ้าง จากเว็บไซต์บ้าง(ปัจจุบันเว็บไซต์และเฟสบุ๊กปิดไปแล้ว) และเอเจนซี่ก็ไม่ได้หลับหูหลับตาขาย บริษัทคุณส่งเมล์โปรแกรมทัวร์และแบนเนอร์มาให้ช่วยขายตลอด มีการโพสต์รูปภาพระหว่างท่องเที่ยวแต่ละทริปแต่ละพีเรียดตลอดเวลาจริง ทุกคนเลยเชื่อว่าโปรแกรมญี่ปุ่นในราคาโปรโมชั่นนั้นมันไปได้จริงๆ ลูกค้าบางรายเคยใช้บริการซื้อทัวร์ญี่ปุ่นไปก่อนแล้วก็กลับมาซื้ออีก แต่เป็นเพราะบริษัทคุณกับสายการบินขัดแย้งกันเรื่องเงินจนถึงจุดแตกหัก ช่วงเวลาที่พวกคุณ 2 ฝ่ายขัดแย้งกัน มีใครรู้บ้าง มีคนรู้สักกี่คน ถ้ามีใครรู้เหตุขัดแย้งนี้ก็คงจะรู้น้อยถึงน้อยที่สุด ไม่มีข่าวให้ได้รู้กันเลย เพราะถ้าลูกค้ารู้ จะมีใครกล้าซื้อทัวร์บริษัทคุณ หรือ เอเจนซี่รู้ จะมีเอเจนซี่ไหนกล้าขายลูกค้าส่งให้บริษัทคุณ หรือถ้าลูกค้ารู้สายการบินมีปัญหาเรื่องเงิน ใครจะยังใช้บริการ และถ้าเอเจนซี่รู้สายการบินมีปัญหาเรื่องเงิน จะมีใครขายทัวร์โดยสายการบินนี้อีก แต่พอเกิดเหตุการณ์ประกาศยกเลิกบินนี้ขึ้น เป็นข่าวดังในระยะแรกๆ ทุกคนทราบข่าวนี้ต่างก็กลัวและขยาดกับสายการบินรวมถึงบริษัทคุณกันทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าใช้บริการอีกเลย ที่คร่ำครวญมายาวขนาดนี้เพราะอยากจะได้คำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์ด้านกฏหมายในการต่อสู้ เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง ผู้เสียหายทั้งหมดและเพื่อสังคมของเรา นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น และมันก็ไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้ายแน่นอน จึงขอใช้โอกาสนี้ซึ่งอยู่ช่วงที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เมืองไทยดีขึ้น ให้คนไทยรักและสามัคคีกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นสยามเมืองยิ้มเหมือนอดีตที่ผ่านมา ช่วยปรับปรุงแก้ไขกฏหมายให้คุ้มครองผู้เสียหายทุกคนให้มากกว่านี้ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือผู้ประกอบการเล็กๆ แบบพอเพียง ไม่ใช่เข้าข้างคนที่ทำความผิดทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น มันจะเป็นแบบอย่างให้สังคมเห็นว่าคนทำผิดจริงแต่ตามกฏหมายสิ่งที่คุณทำมันไม่มีเจตนายังไม่เข้าข่ายตามข้อหาที่ฟ้อง จึงยกฟ้อง ไม่มีข้อบังคับอื่นๆ ให้คนที่กระทำความผิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าคนอื่นๆ ใช้เกณฑ์การตัดสินครั้งนี้ กระทำการลักษณะเดียวกันนี้ต่อไปเรื่อยๆ สังคมไทยจะสงบสุขได้อย่างไร ฝากถึงหลายๆ ท่านที่อยากให้ความยุติธรรมเป็นที่พึ่งได้ของประชาชนทุกคนและผู้ประกอบการทุกราย ผู้เสียหายจริงๆ ควรได้รับความเป็นธรรม คนที่ทำความผิดทำความเสียหายให้แก่ผู่อื่นควรได้รับการลงโทษจะหนักเบาก็แล้วแต่จะพิจารณานะคะ
จาก..ผู้เสียหายที่จะสู้เพื่อความยุติธรรมให้ถึงที่สุด
ความยุติธรรมมีจริงหรือ???
จาก..ผู้เสียหายที่จะสู้เพื่อความยุติธรรมให้ถึงที่สุด