8.5/10 [CR] Dr.Strange หมอแปลกแหวกมิติ มาร์เวลเปิดโลกใหม่พร้อมความเกรียนได้อีก แหกกฏได้อีก
บอกไว้ก่อนว่าผมเป็นแฟนการ์ตูนมาร์เวล เพราะฉะนั้น รีวิวนี้จึงมิได้วิจารณ์อย่างเป็นกลางแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะพยายามทำให้เป็นกลางมากที่สุดก็เถอะ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมดู 2 รอบ โดยตอนแรกดูแบบ 2 มิติ Soundtrack เพราะโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดมีตัวเลือกให้แค่นี้
หลังจากดูจบ จึงได้ดูอีกรอบในแบบ 3 มิติ พากย์ไทย (โรงภาพยนตร์ต่างจังหวัด อย่าหวังว่าจะมี 3 มิติแบบ Soundtrack เลย)
************************************************************************************
อย่างที่เราทราบกันดี ภาพยนตร์ของมาร์เวลสตูดิโอ แม้จะมีเนื้อหาเกินจริง แต่ก็พยายามอิงวิทยาศาสตร์อยู่พอสมควร
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การปรับเปลี่ยนให้ Thor กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เทพอย่างในการ์ตูน
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ฉีกกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทิ้งไป เพราะ Dr.Strange คือ Super Hero ที่ใช้พลังจากเวทย์มนต์
ใช่แล้ว เวทย์มนต์จริง ๆ ไม่ใช่เวทย์อิงวิทย์แบบที่เห็นใน Thor ซึ่งนี่คือการฉีกกฏข้อแรก
หนังเริ่มด้วย ดร.สตีเว่น สเตรนจ์ ศัลยแพทย์อัจฉริยะ ผู้สามารถผ่าตัดเคสยาก ๆ ได้แบบง่าย ๆ ราวปาฏิหารย์
แต่ในความเก่งกาจนั้น ก็มาพร้อมกับ ego หรือ อัตตาระดับน้อง ๆ โทนี่ สตาร์คเลยทีเดียว
จนกระทั่งคืนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดร.สเตรนจ์ได้รับบาดเจ็บหนัก โดยเฉพาะที่มือทั้ง 2 ข้าง ทำให้เขาไม่สามารถจับมีดผ่าตัดได้อีกต่อไป
ดร. สเตรนจ์ ผู้เย่อหยิ่งจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางรักษามือทั้ง 2 ข้างให้หายเป็นปกติ
แต่แม้ว่าจะใช้หมอเก่งแค่ไหน รักษาแพงแค่ไหน มือของเขาก็ไม่อาจรักษาให้หายได้
ศัลยแพทย์ผู้สิ้นหวังจึงได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายที่พอแค่ซื้อตั๋วได้เฉพาะขาไป เพื่อเดินทางไป กาฐมาณฑุ ที่ซึ่งเป็นความหวังสุดท้าย
แล้วเรื่องราวอันสุดแสนวุ่นวายและเหลือเชื่อจึงบังเกิด
หนังพยายามชี้ไปที่คนเราต้องมีกฏเกณฑ์ มีขีดจำกัดที่ไม่สามารถข้ามไปได้ แต่เมื่อเราเปิดใจเราก็จะพบทางออกใหม่ ๆ ที่เหนือกฏเกณฑ์ที่เราเคยรู้จัก
ดังนั้นเราจึงได้เห็นการถกเถียงกันเรื่องกฏและการแหกกฏอยู่เนือง ๆ
ข้อดี
1. เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ แสดงเป็นหมอแปลกได้แบบที่ไม่คิดว่าจะหาใครมาแสดงได้แบบนี้อีกแล้ว ถ้าบทโทนี่ สตาร์ค คือ ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ จูเนียร์
บทหมอแปลกก็ต้องเป็น เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ เท่านั้น เพราะแสดงได้เกรียน หลงตัวเอง น่ารัก และน่าถีบ ได้ในคราวเดียวกัน
2. ฉาก CG อลังการงานสร้าง ถ้าคุณดูแบบ 3 มิติ หรือ IMAX ได้ นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเรื่องนี้ใช้ฉากแบบ 3มิติได้คุ้มค่ามาก ฉากโลกกระจกน่าตื่นตาตื่นใจ
3. การใช้เวทน์มนต์ สมกับเป็นจอมเวทย์ มันดูยิ่งใหญ่ ทรงพลังอย่างที่จอมเวทย์ ทั้งหลายควรจะเป็น
4. ฉากเปิดโลกเวทย์มนต์ตอนหมอแปลกโดนเบิกเนตรครั้งแรก นั้นงดงาม ยิ่งใหญ่ งุนงง และทรงพลัง จนต้องคิดในใจว่า ไม่ผู้กำกับ ก็ต้องผู้กำกับศิลป์ต้องเคยเล่นยามาแน่ ๆ
5. มุกตลกโปกฮา สมกับเป็นภาพยนตร์ของมาร์เวล มีมาเรื่อย ๆ และมีมาแบบไม่นึกว่ายังจะเล่นได้อีก
6. ผ้าคลุมวิเศษขโมยซีนได้อีก
7. ฉากปิดท้ายเรื่อง โยงไปถึงหนังเรื่องถัดไป
ข้อเสีย
1. ถ้าคุณเมารถ เมาเรือ เวียนหัวง่าย เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับคุณ เพราะฉากมัน พลิก หมุน บิด ม้วน กระเพื่อม หมุนวนไปมาทั้งเรื่อง
ไม่ควรชมตอนที่ท้องว่างอย่างแรง หรือเพิ่งทานอาหารมาจนแน่นท้อง
2. ถ้าไม่ดูแบบ 3 มิติ อรรถรสหลายอย่างอาจหายไป
3. บทยังคงเป็นเส้นตรง เดาทางง่าย ไม่มีจุดหักเหหรือคาดไม่ถึงใด ๆ ยกเว้นมุกตลก ที่บางทีก็คิดว่า "แบบนี้ก็ได้เหรอ"
4. ตัวร้ายแพ้ง่าย ตามสไตล์มาร์เวล แต่ก็สมเหตุสมผลดี เพราะมันแพ้แบบเล่นมุกมากกว่าแพ้เพราะสู้แพ้
5. เรทค่อนข้างแรงสำหรับภาพยนตร์ของ Disney แต่ก็ไม่แรงมาก เด็ก ๆ ยังสามารถดูได้ ถ้าน้อง ๆ ทนฉากบิดม้วนชวนเวียนหัวได้
6. พากย์ไทย คือความเลวร้ายที่สุดของเรื่อง
ปล. แนะนำให้ชมระบบ 3มิติ หรือ IMAX จะช่วยเพิ่มอรรถรสได้อีกมาก หากหลีกเลี่ยงพากย์ไทยได้ ควรหลีกเลี่ยง
[CR] 8/10 [CR] Dr.Strange หมอแปลกแหวกมิติ มาร์เวลเปิดโลกใหม่พร้อมความเกรียนได้อีก แหกกฏได้อีก
บอกไว้ก่อนว่าผมเป็นแฟนการ์ตูนมาร์เวล เพราะฉะนั้น รีวิวนี้จึงมิได้วิจารณ์อย่างเป็นกลางแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะพยายามทำให้เป็นกลางมากที่สุดก็เถอะ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมดู 2 รอบ โดยตอนแรกดูแบบ 2 มิติ Soundtrack เพราะโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดมีตัวเลือกให้แค่นี้
หลังจากดูจบ จึงได้ดูอีกรอบในแบบ 3 มิติ พากย์ไทย (โรงภาพยนตร์ต่างจังหวัด อย่าหวังว่าจะมี 3 มิติแบบ Soundtrack เลย)
************************************************************************************
อย่างที่เราทราบกันดี ภาพยนตร์ของมาร์เวลสตูดิโอ แม้จะมีเนื้อหาเกินจริง แต่ก็พยายามอิงวิทยาศาสตร์อยู่พอสมควร
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การปรับเปลี่ยนให้ Thor กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เทพอย่างในการ์ตูน
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ฉีกกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทิ้งไป เพราะ Dr.Strange คือ Super Hero ที่ใช้พลังจากเวทย์มนต์
ใช่แล้ว เวทย์มนต์จริง ๆ ไม่ใช่เวทย์อิงวิทย์แบบที่เห็นใน Thor ซึ่งนี่คือการฉีกกฏข้อแรก
หนังเริ่มด้วย ดร.สตีเว่น สเตรนจ์ ศัลยแพทย์อัจฉริยะ ผู้สามารถผ่าตัดเคสยาก ๆ ได้แบบง่าย ๆ ราวปาฏิหารย์
แต่ในความเก่งกาจนั้น ก็มาพร้อมกับ ego หรือ อัตตาระดับน้อง ๆ โทนี่ สตาร์คเลยทีเดียว
จนกระทั่งคืนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดร.สเตรนจ์ได้รับบาดเจ็บหนัก โดยเฉพาะที่มือทั้ง 2 ข้าง ทำให้เขาไม่สามารถจับมีดผ่าตัดได้อีกต่อไป
ดร. สเตรนจ์ ผู้เย่อหยิ่งจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางรักษามือทั้ง 2 ข้างให้หายเป็นปกติ
แต่แม้ว่าจะใช้หมอเก่งแค่ไหน รักษาแพงแค่ไหน มือของเขาก็ไม่อาจรักษาให้หายได้
ศัลยแพทย์ผู้สิ้นหวังจึงได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายที่พอแค่ซื้อตั๋วได้เฉพาะขาไป เพื่อเดินทางไป กาฐมาณฑุ ที่ซึ่งเป็นความหวังสุดท้าย
แล้วเรื่องราวอันสุดแสนวุ่นวายและเหลือเชื่อจึงบังเกิด
หนังพยายามชี้ไปที่คนเราต้องมีกฏเกณฑ์ มีขีดจำกัดที่ไม่สามารถข้ามไปได้ แต่เมื่อเราเปิดใจเราก็จะพบทางออกใหม่ ๆ ที่เหนือกฏเกณฑ์ที่เราเคยรู้จัก
ดังนั้นเราจึงได้เห็นการถกเถียงกันเรื่องกฏและการแหกกฏอยู่เนือง ๆ
ข้อดี
1. เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ แสดงเป็นหมอแปลกได้แบบที่ไม่คิดว่าจะหาใครมาแสดงได้แบบนี้อีกแล้ว ถ้าบทโทนี่ สตาร์ค คือ ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ จูเนียร์
บทหมอแปลกก็ต้องเป็น เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ เท่านั้น เพราะแสดงได้เกรียน หลงตัวเอง น่ารัก และน่าถีบ ได้ในคราวเดียวกัน
2. ฉาก CG อลังการงานสร้าง ถ้าคุณดูแบบ 3 มิติ หรือ IMAX ได้ นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเรื่องนี้ใช้ฉากแบบ 3มิติได้คุ้มค่ามาก ฉากโลกกระจกน่าตื่นตาตื่นใจ
3. การใช้เวทน์มนต์ สมกับเป็นจอมเวทย์ มันดูยิ่งใหญ่ ทรงพลังอย่างที่จอมเวทย์ ทั้งหลายควรจะเป็น
4. ฉากเปิดโลกเวทย์มนต์ตอนหมอแปลกโดนเบิกเนตรครั้งแรก นั้นงดงาม ยิ่งใหญ่ งุนงง และทรงพลัง จนต้องคิดในใจว่า ไม่ผู้กำกับ ก็ต้องผู้กำกับศิลป์ต้องเคยเล่นยามาแน่ ๆ
5. มุกตลกโปกฮา สมกับเป็นภาพยนตร์ของมาร์เวล มีมาเรื่อย ๆ และมีมาแบบไม่นึกว่ายังจะเล่นได้อีก
6. ผ้าคลุมวิเศษขโมยซีนได้อีก
7. ฉากปิดท้ายเรื่อง โยงไปถึงหนังเรื่องถัดไป
ข้อเสีย
1. ถ้าคุณเมารถ เมาเรือ เวียนหัวง่าย เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับคุณ เพราะฉากมัน พลิก หมุน บิด ม้วน กระเพื่อม หมุนวนไปมาทั้งเรื่อง
ไม่ควรชมตอนที่ท้องว่างอย่างแรง หรือเพิ่งทานอาหารมาจนแน่นท้อง
2. ถ้าไม่ดูแบบ 3 มิติ อรรถรสหลายอย่างอาจหายไป
3. บทยังคงเป็นเส้นตรง เดาทางง่าย ไม่มีจุดหักเหหรือคาดไม่ถึงใด ๆ ยกเว้นมุกตลก ที่บางทีก็คิดว่า "แบบนี้ก็ได้เหรอ"
4. ตัวร้ายแพ้ง่าย ตามสไตล์มาร์เวล แต่ก็สมเหตุสมผลดี เพราะมันแพ้แบบเล่นมุกมากกว่าแพ้เพราะสู้แพ้
5. เรทค่อนข้างแรงสำหรับภาพยนตร์ของ Disney แต่ก็ไม่แรงมาก เด็ก ๆ ยังสามารถดูได้ ถ้าน้อง ๆ ทนฉากบิดม้วนชวนเวียนหัวได้
6. พากย์ไทย คือความเลวร้ายที่สุดของเรื่อง
ปล. แนะนำให้ชมระบบ 3มิติ หรือ IMAX จะช่วยเพิ่มอรรถรสได้อีกมาก หากหลีกเลี่ยงพากย์ไทยได้ ควรหลีกเลี่ยง