ไม่รู้ว่ากลายเป็นไปคน "โรคจิต" ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่อยากให้คุณสาวๆเข้าใจว่า อย่ารังเกียดผมเลย

จากพฤจิกรรมของผมใครหลายคนคงจะนิยามผมว่า โรคจิต สตอล์กเกอร์ บ้ากาม ประสาท หรือพวกเพ้อไปวันๆ
เชื่อไหมว่า ตั้งแต่ผมได้เจอเค้ามา ผมแอบหาข้อมูลเค้าทั้ง ชื่อ นามสกุล หน้าตาพ่อแม่ ชื่อน้องชาย นิสัย หรือ lifestyle ของเค้า โดยไม่เค้าไม่รู้ตัวเลย
หลายคนคงอาจจะกลัวผม แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ผมทำผมแค่ต้องการ "อยากรู้จัก" ผู้หญิงคนที่ผมชอบก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการจะทำอะไร

ปัจจุบันผมทำงานอิสระ หรือที่ใครรู้จักกันก็คือ Freelancer นั้นเอง ผมทำงานเกี่ยวกับด้าน Online ไม่ว่าจะเป็น รับทำเว็บไซต์ ดีไซน์แบนเนอร์ SEO จัดการ Google Adwords ดูแลและจัดการ Facebook Fanpage ทำให้ผมรู้เกี่ยวกับระบบบนเว็บไซต์พอสมควร จึงสามารถสืบหาข้อมูลเค้าได้ในดับหนึ่ง

และด้วยความที่ทำงานคนเดียว ไม่ค่อยมีสังคม ผมเลยรู้สึกเหงาๆเป็นเรื่องธรรมดา รวมไปถึงความ "ปอดแหก" ของผมด้วย ที่ไม่กล้าไปคุยกับใคร

โดยเริ่มแรกผมได้รู้จักเค้าโดยที่ผมเป็น "ลูกค้า" ส่วนผู้หญิงคนนั้นเป็นคน "ประสานงาน" เราได้เจอกันครั้งแรกในสถานที่ทำงานของผม โดยบทสนทนาทั้งหมดนี้เกี่ยวกับเรื่องงานทั้งหมด ผมไม่เคยไปถามเรื่องส่วนตัว และผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวผมให้เค้าฟังด้วย เลยดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะมีทางที่จะเป็นมากกว่าคนร่วมงานที่มีผลประโยชน์ด้วยกัน  แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจคือ รอยยิ้มของเค้า ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไรก็ต้องยิ้มตลอดเวลา มันดูเป็นธรรมชาติ (แลดูจริงใจ ผมรู้สึกได้จริงๆ) และด้วยนิสัยของเค้าไม่ว่าจะเกิดความผิดพลาดในเรื่องงานส่วนไหน ยังไงเค้าจะมองว่าเป็นความผิดของเค้าเสมอ

ผมไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้มันอาจจะเป็นเลห์ของสาคนหนึ่งที่มีให้ลูกค้าอย่างผมก็เพื่อผลประโยชน์ก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนอย่างผมประทับใจจนอยากจะรู้จัก และด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้นผมเริ่มหาข้อมูลของเค้า โดยอาศัยความสามารถในการอ่าน Code เพื่อหา Email ส่วนตัวของเค้า จนเจอ Facebook ของเค้า และจากการที่ผมทำงานในด้านนี้ผมค่อนข้างรู้ระบบหรือที่เราเรียกกันว่า อัลกอริทึม ของเจ้าเฟชบุ๊ต จนทำให้ผมรู้จักเค้ามากขึ้น

และยิ่งรู้มันก็ทำให้คนอย่างผมเข้าใจว่า คงไม่ทางเป็นอะไรไปมากกว่านี้แน่ เพราะผู้ชายห่วยๆอย่างเรา เงินเดือนไม่เท่าไร และหน้าตาก็ไม่ได้ดีอะไรมากกว่าจะไปสู้กับผู้หญิงที่ดู popular ขนาดนั้นอย่างยังไง (เชื่อไหม แค่เค้าโพสต์รูป ยังมีหนุ่มต่างชาติ มาบอกรักเค้าเลย แล้วตัวเราละมีอะไรดี)

ตั้งแต่วันนั้นผมเริ่มเจียมตัว และบอกตัวเองทุกวันว่า "ทำใจเถอะนาย" อย่าไปขออะไรเค้ามากกว่านี้ เพราะยังไงากสภาพที่เป็นอยู่ ถ้ายิ่งไปทำความรู้จัก ผมก็มีแต่ "ทำให้เค้ารำคาญเปล่าๆ" เลยทำให้ทุกครั้งที่ผมต้องคุย (เรื่องงาน) กับเค้า ก็คุยเฉพาะแค่เรื่องงานจริงๆ ไม่เคยไปแสดงอารมณ์หรือหยอกแต่อย่างไร แต่ผมหลังวางสายดิมโนไปไกลจริงๆ

หลายคนอาจจะบอกว่าลุยไปเถอะ แต่สำหรับผมเองมองสถานนะการล่วงหน้าออกเลยว่า ถ้าเราเปิดตัวไปมากกว่านี้ มีแต่จะเสีย ถ้าเค้าเกิดไม่พอใจ งานที่ผมต้องทำอยู่อาจจะเสียก็เป็นได้ มันจะส่งผลต่อลูกค้าที่ผมทำงานอยู่  เค้าจะซวยไปด้วย ผมเลยเก็บไว้ดีกว่า

แต่บางครั้งมันก็ห้ามใจไม่ได้จริงๆ วันนี้ด้วยความโรคจิตของผม (ซึ่งไม่รู้ว่าผมมีมาได้ไง) ผมแอบไปดักรอเค้าที่ทำงาน เพื่อขอแค่ให้ได้เห็นหน้าก็ยังดี (แต่คงไม่กล้าไปคุยหรอก) และด้วยความทีผมเพิ่งไปเปลี่ยนสีผมกลับเป็นดำ และตัดผมสั้น เลยจริงมั้นใจได้เลยว่ายังไงเค้าก็จำผมไม่ได้

และความพยายามครั้งนี้เหมือนจะล้มเหลว เพราะตึกที่เค้าทำงานอยู่มันใหญ่มาก (เป็นรูปแบบ Office Space ทำให้มีหลายบริษัท) ผมคิดในใจ่าคงไม่ได้เจอหรอก และในระหว่างที่ผมไปจ่ายค่าบัตรเคดิตใน 7 หลังจากนั้นผมเกิดความกังวัลว่า พนักงานเค้ากดผิดบัญชีหรือเปล่า ผมจึงอยู่รอหน้า MRT เพื่อโทรไปสอบถามกับทาง Call Center และทันใดนั้นเค้าก็เดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเค้า (ผมนี้แทบจะวิ่งไปทักจริงๆ) ผมลองแอบเดินไปได้ประมาณ 10 ก้าว แล้วก็สดุงคิดว่า "จะดีหรือถ้าจะตามเค้าต่อ" ผมเลยตัดสินใจหยุด และนั่งคิดไรเรื่อยเปื่อย จนเวลาผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมง และค่อยขึ้นใต้ดินกลับบ้าน (กลัวจะไปเจอเค้าและทำให้เค้าตกใจ ว่าโรคจิตแน่ๆ)

และเรื่องราวของผมก็จบเพียงเท่านี้ หลังจากนี้ผมงต้องหยุดพฤติกรรมแบบนี้ เพราะถ้าเค้ารู้คงไม่โอเคแน่ และผมอยากให้สาวๆผู้มีเสน่ห์ทั้งหลายเข้าใจว่าจริงๆแล้ว คนที่กำลังตามคุณอยู่ บางทีเค้าอาจจะไม่ต้องการอะไรจากคุณจริงๆ

ขอบคุณหลายๆคนที่อาจจะเข้าใจในคนโรคจิตแบบผม แล้วก็ขอโทษสาวๆแทนโรคจิตหลายๆคนด้วยนะครับบบบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่