ตอนนี้เราอายุ25
ทำธุระกิจส่วนตัว ตั้งแต่ปีที่แล้วโดยมี พ่อที่มาลงทุนให้แต่เราทำใช้ทุกบาททุกสตางค์ ล้านสาม
ปัจจุบันเหลือเป็นหนี้พ่ออีก3แสน
คนอื่นอาจจะมองว่า ดีจังพ่อมาลงทุนให้ไม่ลำบาก แต่!
ขอย้อนชีวิตตัวเองก่อนจะมีวันนี้นิสนึง
เราอยู่ในครอบครัวที่ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไหร่
แต่ไม่เคยรู้สึกขาดหรือคิดว่ามีปมดอยอะไร(พ่อแม่แยกทางต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่มีลูกใหม่กัน)
เราอยู่กับแม่ตั้งแต่อนุบาล3จนจบ ม3 ก็มาอาศัยเรียนอยู่กับป้า3ปีแล้วออกไปอยู่คนเดียว
จนกระทั่งเราเรียนจบ แต่จบแบบมีหนี้นะ ซึ่งเราไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยหรือท้อเพราะมันเป็นเงินที่เรายืมคนอื่นเพื่อมาเรียน
ระหว่างเราเรียนแม่ส่งให้ส่วนนึ่งเงินกู้ส่วนนึ่ง ส่วนพ่อเรา เค้าไม่เคยส่งเสียเราตั้งแต่เลิกกับแม่
มีให้ตังกันบ้างตามจำนวนครั้งที่เจอกัน
จนกระทั้งเราทำงานได้1ปีก็เก็บตังดาวน์บ้านได้1หลังแบบประหยัดสุดเพื่อที่จะไปรับแม่กับน้อง
มาอยู่ด้วยกัน แล้วเราก็ทำทุกอย่างที่ตั้งใจสำเร็จ
แต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ ฤดูฝนวันนึ่งเราเห็นแม่ตากฝนไปทำงานเราเลยนึกส่งสารแม่
มันเลยให้เรากับมาคิดว่า กำลังเราพอที่จะหาทั้งบ้านทั้งรถไปพร้อมกันไหม คำตอบคือไม่รายได้เราไม่พอ
ตอนนั้นเราเลยคิดว่าอยากกลับมาอยู่บ้านเกิด หางานทำ แบบตัดปัญหาเรื่องส่งบ้านมาส่งรถแทนเพราะเรามีบ้านอยู่แล้ว
แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ลุงชวนมาทำธุระกิจแล้วเค้าก็โทรคุยกับพ่อเรา พ่อเราเลยอยากลงทุนให้
เราเลยกับมาทำซึ่งมันโอเครจริง
แต่ไม่มีอิสระเลย เค้าไม่ให้เราไปไหน
ซึ่งนิสัยเราชอบเที่ยวต่างจังหวัด เรามีความฝันว่าอยากเที่ยวเยอะ เราไม่ชอบให้ใครมาบังคับ
เรามีความคิดเป็นของตัวเองชัดเจนมาก จนบ้างครั้งทำให้ผู้ใหญ่คิดว่าเราดื้อ แต่เราใช้ชีวิตที่เราตัวรอดได้ตลอดเราไม่เคยเป็นภาระให้ครอบครัว
แต่ที่เราอยากถามคือตลอดเวลาที่เราทำตรงนี้เราไม่เคยได้ไปเที่ยวเลยมันอึกอัด
แต่อีกเดือนกว่าเราจะหมดหนี้แล้ว
เรามีความคิดว่าไม่อยากทำต่อ ทั้งที่มันดี
ถ้าเราจะไปเริ่มต้นให้ถึงไม่รวยแต่ได้ชีวิตเราคือมันจะโอเครไหม พ่อจะมองว่าเราแย่ไหม
เราคิดแบบอารมณ์ตังเองไปไหม
รวมแล้วเราสับสน
ระหว่างเงินกับชิวิตอิสระควรเลือกอะไร
ทำธุระกิจส่วนตัว ตั้งแต่ปีที่แล้วโดยมี พ่อที่มาลงทุนให้แต่เราทำใช้ทุกบาททุกสตางค์ ล้านสาม
ปัจจุบันเหลือเป็นหนี้พ่ออีก3แสน
คนอื่นอาจจะมองว่า ดีจังพ่อมาลงทุนให้ไม่ลำบาก แต่!
ขอย้อนชีวิตตัวเองก่อนจะมีวันนี้นิสนึง
เราอยู่ในครอบครัวที่ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไหร่
แต่ไม่เคยรู้สึกขาดหรือคิดว่ามีปมดอยอะไร(พ่อแม่แยกทางต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่มีลูกใหม่กัน)
เราอยู่กับแม่ตั้งแต่อนุบาล3จนจบ ม3 ก็มาอาศัยเรียนอยู่กับป้า3ปีแล้วออกไปอยู่คนเดียว
จนกระทั่งเราเรียนจบ แต่จบแบบมีหนี้นะ ซึ่งเราไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยหรือท้อเพราะมันเป็นเงินที่เรายืมคนอื่นเพื่อมาเรียน
ระหว่างเราเรียนแม่ส่งให้ส่วนนึ่งเงินกู้ส่วนนึ่ง ส่วนพ่อเรา เค้าไม่เคยส่งเสียเราตั้งแต่เลิกกับแม่
มีให้ตังกันบ้างตามจำนวนครั้งที่เจอกัน
จนกระทั้งเราทำงานได้1ปีก็เก็บตังดาวน์บ้านได้1หลังแบบประหยัดสุดเพื่อที่จะไปรับแม่กับน้อง
มาอยู่ด้วยกัน แล้วเราก็ทำทุกอย่างที่ตั้งใจสำเร็จ
แต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ ฤดูฝนวันนึ่งเราเห็นแม่ตากฝนไปทำงานเราเลยนึกส่งสารแม่
มันเลยให้เรากับมาคิดว่า กำลังเราพอที่จะหาทั้งบ้านทั้งรถไปพร้อมกันไหม คำตอบคือไม่รายได้เราไม่พอ
ตอนนั้นเราเลยคิดว่าอยากกลับมาอยู่บ้านเกิด หางานทำ แบบตัดปัญหาเรื่องส่งบ้านมาส่งรถแทนเพราะเรามีบ้านอยู่แล้ว
แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ลุงชวนมาทำธุระกิจแล้วเค้าก็โทรคุยกับพ่อเรา พ่อเราเลยอยากลงทุนให้
เราเลยกับมาทำซึ่งมันโอเครจริง
แต่ไม่มีอิสระเลย เค้าไม่ให้เราไปไหน
ซึ่งนิสัยเราชอบเที่ยวต่างจังหวัด เรามีความฝันว่าอยากเที่ยวเยอะ เราไม่ชอบให้ใครมาบังคับ
เรามีความคิดเป็นของตัวเองชัดเจนมาก จนบ้างครั้งทำให้ผู้ใหญ่คิดว่าเราดื้อ แต่เราใช้ชีวิตที่เราตัวรอดได้ตลอดเราไม่เคยเป็นภาระให้ครอบครัว
แต่ที่เราอยากถามคือตลอดเวลาที่เราทำตรงนี้เราไม่เคยได้ไปเที่ยวเลยมันอึกอัด
แต่อีกเดือนกว่าเราจะหมดหนี้แล้ว
เรามีความคิดว่าไม่อยากทำต่อ ทั้งที่มันดี
ถ้าเราจะไปเริ่มต้นให้ถึงไม่รวยแต่ได้ชีวิตเราคือมันจะโอเครไหม พ่อจะมองว่าเราแย่ไหม
เราคิดแบบอารมณ์ตังเองไปไหม
รวมแล้วเราสับสน