ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาครับ...
ภาษามันก็เปลี่ยนแปลงมา
วัฒนธรรมมันก็เปลี่ยนแปลงมา
ศิลปะมันก็เปลี่ยนแปลงมา
ค่านิยมคนมันก็เปลี่ยน
มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ...
ของเดิมที่มีอยู่มันก็จะหายไปก็ไม่แปลก เพราะมันก็อยู่ภายใต้กฎของการเปลี่ยนแปลง (อนิจจัง)
ของที่ไม่เคยมีอยู่มันก็ปรากฏขึ้นมา... ก็อนิจจังอีก... เป็นธรรมดา
ผมไม่แปลกใจ และมองเป็นเรื่องธรรมดา...
แม้แต่ตัวผมเอง... เด็ก ๆ ผมก็คิดว่าคำว่าศาสนาสำคัญนะ... แต่ทุกวันนี้... ผมเฉย ๆ
ผมเริ่มมองเป็นเพียงกรอบสมมุติที่คนด้วยกันนี่แหละ ตั้งขึ้นมา... ก็เพื่อเป็นระบบระเบียบในสังคม...
(ตัวหลักธรรมคือแก่น... คำว่าศาสนา เป็นภาษา ไว้ให้เรียกแนวทางนั้นอีกที เช่น แนวทางพุทธ แนวทางคริสต์ แนวทางอิสลาม ก็จะตั้งเป็น ศาสนาขึ้นมาภายหลัง...)
...ผมเคยอ่านในเฟซบุ๊ค เจอท่านพุทธทาสบอกประมาณว่า... พวกที่ไม่มีศาสนาจริง ๆ ไม่มีหรอก คนเรายึดถือสิ่งใดก็สิ่งนั้นแหละเป็นศาสนา...
ถ้าจะมีกลุ่มคนไร้ศาสนามากขึ้น ๆ ก็เป็นอีก ศาสนานึง (ไร้ศาสนา = "ศาสนาตัวกู") เป็นอีกแนวทางในการดำเนินชีวิตไป...
มันก็แค่นั้น...
ใครจะเชื่อแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ... ถ้ามันสบายใจ...
คิดมากไปก็หนักเปล่า ๆ
แต่... ผมก็มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผมนะครับ... ผมรู้สึกอบอุ่นและมีพลัง... เมื่อผมได้ปฏิบัติตาม ได้อยู่ในแวดล้อมของคนที่เชื่อคล้าย ๆ กัน
ในเมื่อโลกเรามันเสรี และยุคสมัยนี้มัน สดใหม่... เราจะได้เห็นความแปลกพิสดารมากขึ้น ๆ ครับ...
แต่ใครจะเลือกเดินเลือกเชื่อแบบใดก็ตาม... มันไม่เดือดร้อนใคร และก็ยังรู้จักแบ่งปัน รู้จักให้ ทำเพื่อผู้อื่น เพื่อสังคม... เพื่อประเทศ เพื่อโลก เพื่อธรรมชาติ ผมว่าเพียงเท่านี้ก็โอเคแล้วครับ...
ประมาณนี้... รออ่านความเห็นของแต่ละท่านครับ ขอบคุณมาก
ป.ล. พอมีกรอบมากำหนดมันจะเหมือน ภาวนาแล้วมีคำบริกรรม... คือมันไม่เข้าถึงเนื้อทันที... ถ้าตัดคำว่าศาสนาออก... แล้วมุ่งสู่ ธรรม (แก่น) เลย... ผมว่าก็จะได้เนื้อเต็ม ๆ ... แต่ทว่า... กว่าจะมาถึงจุดนี้ ผมว่าก็ต้องผ่านเปลือกมาเยอะเหมือนกันนะครับ จนมันตกผลึก แล้วมันก็วางภาษา หรือตำรา หรือสมมุติที่เขาเรียกกันว่า ศาสนา นั้นศาสนานี้...
แต่ผมไม่ใช่คนหยิ่งผยอง... ยิ่งในแนวทางความเชื่อผม ก็ยิ่งต้องถ่อมใจครับ...
ไม่งั้นผมก็จะ... เหมือนตัวคนเดียว...
ผมต้องถ่อมใจลง... ผมจึงรู้สึกว่าได้รับการอุ้มชู...
ผมอยู่คนละส่วนกับ วัยรุ่นสมัยใหม่ที่บอกตนเองว่า เป็นพวกไร้ศาสนานะครับ... (ที่ต้อง ป.ล. มา กลัวจะเข้าใจผิดกันครับ)
ผมคิดว่า... ยุคสมัยใหม่นี้ ไม่น่าจะแปลกที่จะมีคนที่ไม่นับถือศาสนาใด ๆ นะครับ...
ภาษามันก็เปลี่ยนแปลงมา
วัฒนธรรมมันก็เปลี่ยนแปลงมา
ศิลปะมันก็เปลี่ยนแปลงมา
ค่านิยมคนมันก็เปลี่ยน
มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ...
ของเดิมที่มีอยู่มันก็จะหายไปก็ไม่แปลก เพราะมันก็อยู่ภายใต้กฎของการเปลี่ยนแปลง (อนิจจัง)
ของที่ไม่เคยมีอยู่มันก็ปรากฏขึ้นมา... ก็อนิจจังอีก... เป็นธรรมดา
ผมไม่แปลกใจ และมองเป็นเรื่องธรรมดา...
แม้แต่ตัวผมเอง... เด็ก ๆ ผมก็คิดว่าคำว่าศาสนาสำคัญนะ... แต่ทุกวันนี้... ผมเฉย ๆ
ผมเริ่มมองเป็นเพียงกรอบสมมุติที่คนด้วยกันนี่แหละ ตั้งขึ้นมา... ก็เพื่อเป็นระบบระเบียบในสังคม...
(ตัวหลักธรรมคือแก่น... คำว่าศาสนา เป็นภาษา ไว้ให้เรียกแนวทางนั้นอีกที เช่น แนวทางพุทธ แนวทางคริสต์ แนวทางอิสลาม ก็จะตั้งเป็น ศาสนาขึ้นมาภายหลัง...)
...ผมเคยอ่านในเฟซบุ๊ค เจอท่านพุทธทาสบอกประมาณว่า... พวกที่ไม่มีศาสนาจริง ๆ ไม่มีหรอก คนเรายึดถือสิ่งใดก็สิ่งนั้นแหละเป็นศาสนา...
ถ้าจะมีกลุ่มคนไร้ศาสนามากขึ้น ๆ ก็เป็นอีก ศาสนานึง (ไร้ศาสนา = "ศาสนาตัวกู") เป็นอีกแนวทางในการดำเนินชีวิตไป...
มันก็แค่นั้น...
ใครจะเชื่อแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ... ถ้ามันสบายใจ...
คิดมากไปก็หนักเปล่า ๆ
แต่... ผมก็มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผมนะครับ... ผมรู้สึกอบอุ่นและมีพลัง... เมื่อผมได้ปฏิบัติตาม ได้อยู่ในแวดล้อมของคนที่เชื่อคล้าย ๆ กัน
ในเมื่อโลกเรามันเสรี และยุคสมัยนี้มัน สดใหม่... เราจะได้เห็นความแปลกพิสดารมากขึ้น ๆ ครับ...
แต่ใครจะเลือกเดินเลือกเชื่อแบบใดก็ตาม... มันไม่เดือดร้อนใคร และก็ยังรู้จักแบ่งปัน รู้จักให้ ทำเพื่อผู้อื่น เพื่อสังคม... เพื่อประเทศ เพื่อโลก เพื่อธรรมชาติ ผมว่าเพียงเท่านี้ก็โอเคแล้วครับ...
ประมาณนี้... รออ่านความเห็นของแต่ละท่านครับ ขอบคุณมาก
ป.ล. พอมีกรอบมากำหนดมันจะเหมือน ภาวนาแล้วมีคำบริกรรม... คือมันไม่เข้าถึงเนื้อทันที... ถ้าตัดคำว่าศาสนาออก... แล้วมุ่งสู่ ธรรม (แก่น) เลย... ผมว่าก็จะได้เนื้อเต็ม ๆ ... แต่ทว่า... กว่าจะมาถึงจุดนี้ ผมว่าก็ต้องผ่านเปลือกมาเยอะเหมือนกันนะครับ จนมันตกผลึก แล้วมันก็วางภาษา หรือตำรา หรือสมมุติที่เขาเรียกกันว่า ศาสนา นั้นศาสนานี้...
แต่ผมไม่ใช่คนหยิ่งผยอง... ยิ่งในแนวทางความเชื่อผม ก็ยิ่งต้องถ่อมใจครับ...
ไม่งั้นผมก็จะ... เหมือนตัวคนเดียว...
ผมต้องถ่อมใจลง... ผมจึงรู้สึกว่าได้รับการอุ้มชู...
ผมอยู่คนละส่วนกับ วัยรุ่นสมัยใหม่ที่บอกตนเองว่า เป็นพวกไร้ศาสนานะครับ... (ที่ต้อง ป.ล. มา กลัวจะเข้าใจผิดกันครับ)