Do you want to sit with me... at that table ?? เก้าอี้ดนตรี
ความสับสนของคำว่า น้ำใจ
ความคลาดเคลื่อนของคำว่า แบ่งปัน
---------:----------
เวลาไปกินข้าวที่ฟู้ดส์คอร์ทในเวลาพีคคนเยอะ สิ่งแรกที่พวกเรามักจะต้องทำคือ มองหาโต๊ะว่าง
เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยทีเดียว บางครั้งจะแย่งชิงกันแบบก่อความหงุดหงิดใจต่อกันก็มี
และ 'จองโต๊ะ' โดยให้คนหนึ่งนั่งเฝ้าไว้ คนอื่นๆ เดินไปแลกคูปองซื้ออาหารก่อน ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้คล้ายทุกชาติ ไทย จีน ฝรั่ง แขก
แต่มาเดี๋ยวนี้กลับเห็นการจองโต๊ะด้วยการวางสิ่งของ(ไม่กลัวหาย) เช่น กระเป๋า ร่ม หนังสือ ขวดน้ำและอื่นๆ เป็นการจองแทนคนนั่ง ซึ่งต่างชาติไม่กล้าทำกัน แต่เค้าเข้าใจ
.
ฟู้ดส์คอร์ทที่เทอร์มินอล21 มีหลายชนชาติมากินจริงจังเสมอ ฝรั่ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น แขก และพี่ไทย
ฉันชอบมาที่นี่เวลาบรรยากาศบ้านเมืองไม่ค่อยดี เพื่อดูปริมาณคน ดูอารมณ์และการจับจ่ายใช้สอยของพวกเค้า เพราะฉันจะใช้เป็นดัชนีวัดเรื่องเศรษฐกิจในแบบง่ายๆ ของฉันเพื่อการลงทุน
เมื่อวันอังคาร(18 ตุลาคม)ที่ผ่านมา หลังเดินงานมหกรรมหนังสือแล้วฉันไปที่นี่เกือบ 6 โมงเย็น ที่นี่เวลามื้อเที่ยงกับมื้อเย็นคนจะแน่นมาก เล่นเก้าอี้ดนตรีกันสุดสุด ฉันก็เหมือนคนอื่น ต้องหาโต๊ะและจอง
โชคดีได้โต๊ะเหลี่ยมเล็กมี2เก้าอี้ แต่ฉันไปกินข้าวคนเดียวเลยต้องเอากระเป๋าใส่หนังสือที่เพิ่งซื้อมาวางเก้าอี้จองไว้(กลัวหายนะไม่ใช่ไม่กลัว) เพราะมันหนักเกินจะหิ้วเดินเบียดคนไปมา และกลัวซื้ออาหารมาแล้วไม่มีที่นั่ง ต้องเดินพะรุงพะรังหอบเหนื่อยหาโต๊ะอีกนาน
ระหว่างที่กินข้าวหมกปลากระพงทอด (อร่อยที่เดียว) ฉันก็มองดูคนไปเรื่อยๆ
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีหม่นเทาดำขาว และพยายามไม่ส่งเสียงสนุกสนานตามประสานักท่องเที่ยวที่เค้าควรจะได้ทำ ฉันคิดว่าพวกเค้าเข้าใจความเศร้าของคนไทยเวลานี้นะ
เกมส์เล่นเก้าอี้ดนตรีเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าฉันห่างออกไปหนึ่งช่องทางเดิน มีผู้ชายออฟฟิตเดินเร็วพุ่งมายืนรอโต๊ะเล็ก 2เก้าอี้ที่พนักงานกำลังเก็บถ้วยชามเช็ดโต๊ะ เค้านั่งลงทันทีและพักใหญ่มีผู้หญิงเดินมานั่งกับเขา
ทั้งคู่เอาแค่ถุงก๊อปแก๊ปใส่ยาวางจองโต๊ะไว้ (ถุงยาโรงพยาบาลรัฐมักไม่ใหญ่และเป็นภาษาไทย) แล้วลุกเดินหายไป
สักแป๊บก็มีพนักงานเดินมาทำท่าจะหยิบถุงทิ้ง คงคิดว่าเป็นถุงขยะเปล่า แต่พอดูข้างในก็วางถุงยาไว้บนโต๊ะดังเดิม
กินข้าวหมดจานแล้วอยากซดแกงจืดร้อนๆ ฉันเดินไปซื้อเกาเหลาลูกชิ้นมาอีกชาม(ไม่อร่อยลูกชิ้นปลาแป้งเยอะ) ระหว่างที่เดินถือชามเกาเหลากลับมาที่โต๊ะ ฉันเห็นชายวัยรุ่นจีน 'ยืน' กินบะหมี่งาดำอยู่ เค้ามาคนเดียวคงหาไม่มีที่นั่ง...
นั่งลงจะเริ่มกิน ไกลออกไปเห็นผู้ชายฝรั่งใส่แว่นสะพายเป้ดำใหญ่ถือถาดอาหารเดินวนไปวนมา ฉันไม่ได้สนใจอะไรก้มหน้าก้มตากินเร็วๆ จะได้ลุก
ฉันเงยหน้าอีกที ฝรั่งใส่แว่นคนนั้นที่เดินวนไปเวียนมานั่งอยู่ที่โต๊ะที่เจ้าถุงยานั้นวางจองไว้ เค้าขยับถุงยาเลื่อนออกไปและวางจานข้าวลงมือกินทันที
ฉันสนใจขึ้นมาทันที
ไม่นานผู้ชายเจ้าของถุงยาเดินกลับมาพร้อมอาหาร เค้าหน้าบึ้งนิดๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะทันที ฝรั่งงงแต่รีบเอาเป้ดำใหญ่ลงจากเก้าอี้ ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฝรั่งทำท่าทางสื่อสารว่ามีอีกคนจะนั่งและชี้ไปที่ถุงยาแล้วชี้มาที่อกบอกว่าเป็นของเค้า และเริ่มวางของอื่นๆ ยึดพื้นที่บนโต๊ะ
ฝรั่งเข้าใจทันทีว่ากำลังถูกไล่และทำหน้าไม่ถูก ในสมองคงคิดอะไรหลายอย่าง ฝรั่งมองหน้าผู้ชายแล้วเริ่มมองซ้ายมองขวาแบบเซ็งๆ จะหาเก้าอี้มาเพิ่มให้ก็ไม่มีซะด้วย ฝรั่งเริ่มชะเง้อคอมองไกลออกไป คงจะหาที่นั่งใหม่...
ฉันรีบเอาลูกชิ้นลูกสุดท้ายใส่ปาก
ตัดสินใจลุกเดินออกไปที่ฝรั่งคนนั้น ...แล้วพูดกับเขาว่า
Do you want to sit with me... at that table ??
แล้วชี้มือไปตรงที่ฉันนั่ง แล้วฉันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ
ฝรั่งรีบลุกสะพายเป้ ถือจานข้าวที่กินไปหลายคำแล้วเดินตามมา ...ผู้ชายคนนั้นยังหน้าบึ้งอยู่
ฉันมองไปที่ชามเกาเหลา มีน้ำแกงกะถั่วงอกของโปรด แต่ตัดใจไม่กินต่อดีกว่า จึงรีบสะพายกระเป๋า กำลังจะอ้อมไปหิ้วกระเป๋าหนังสือกับถุงสัมภาระ
หันตัวมาก็เจอป้าคนหนึ่งเดินพุ่งมาตัดหน้าฝรั่งคนนั้น ถามว่า "ไม่นั่งแล้วใช่มั้ย?"
"มีฝรั่งคนนี้จะนั่งค่ะ ลองถามเขาว่านั่งด้วยได้ไหมนะคะ" ฉันตอบและชี้ไปหลังป้า
"นั่ง ข้น เดี่ยว" ฝรั่งรีบตอบสำเนียงแปลก
(อ้าวววว พูดไทยได้ 5555)
แต่ป้าไม่นั่งด้วยเดินหายไป สงสัยป้ามามากกว่าหนึ่งคน
ฝรั่งวางจานข้าวบนโต๊ะ วางเป้ใหญ่ลงพื้น
ฉันหันไปหยิบของทั้งหมด แล้วยิ้มพูดกับฝรั่งว่า "Enjoy your meal"
"Thank you" ฝรั่งตอบยิ้มนิดๆ
ฉันเดินไปคืนคูปอง เมื่อเดินออกมา ภาพที่เห็นคือ มีผู้ชายไทยนั่งเก้าอี้(ที่ฉันวางกระเป๋าหนังสือไว้) กินข้าวร่วมโต๊ะกับฝรั่งคนนั้นแล้ว
ฉันรู้สึกละอายใจเหมือนกันนะ ว่าทำไม ไม่เรียกคนที่ถือถาดร่อนไปร่อนมาทั้งหลายมานั่งโต๊ะด้วยกัน เก้าอี้ว่างอีกตัวดันเอามาวางของไว้เปล่าๆ
ฉันติดนิสัยนี้จากไหนหว่า?!?
แต่ ฉันยังรู้สึกดีกับเรื่องเล็กน้อยที่ทำนี้ (ลุกขึ้นไปชวนผู้ชายมานั่งด้วย^^)
หากบังเอิญ ฉันต้องมาเจอฝรั่งใส่แว่นคนนี้อีกที่ไหนสักแห่ง เราอาจจะได้ทักทาย พูดคุย หรืออาจจะกลายเป็นเพื่อนกันเลยก็ได้ มีเพื่อนต่างชาติบ้างก็ดีเหมือนกัน 5555
ฉันแอบไม่เข้าใจชายหญิงคู่นั้น ที่ใช้ถุงก๊อปแก๊ปวางจองบนโต๊ะเลย ทำไมไม่นั่งเก้าอี้สักคน หรือ ใช้สิ่งของที่ดูมีมูลค่าที่ใครๆ เข้าใจได้ชัดเจนว่าเป็นสิ่งของที่มีเจ้าของวางบนโต๊ะ ไม่ใช่ของที่คนทั่วไปมักคิดว่าเป็นขยะได้ เช่นถุงก๊อปแก๊ป เพราะแม้แต่พนักงานยังเดินมาจะหยิบไปทิ้ง นับประสาอะไรกับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไม่กี่วัน
ไม่มีของอื่นจะใช้จอง หรือ ไม่อยากนั่งรออีกคน เพราะเสียเวลาต้องมารอกินพร้อมกัน เดี๋ยวอาหารไม่อร่อย (ฉันคิดแทนชายหญิงคู่นั้น)
ฉันสับสนคำว่า 'น้ำใจ'
ใช่ มันน่าโกรธ... คนมาแย่งที่นั่งไปและกำลังกินข้าวสบายอยู่กับโต๊ะที่อุตส่าห์จองไว้ ทำให้ต้องชักสีหน้าและแสดงกิริยาไม่เป็นมิตรกับเค้าเพื่อแสดงตนว่าเป็นเจ้าของโต๊ะโดยชอบธรรมด้วยถุงก๊อปแก๊ปที่จองไว้ก่อนแล้ว
ทำใจร่มๆ สื่อสารกับเขาดีๆ ก็ได้มั้งที่จะขอโต๊ะคืน
เพราะเค้าเป็นต่างชาติไง(ถึงจะพูดไทยได้ก็เหอะ) เค้าคงไม่เจตนาแย่งโต๊ะใครหรอก และอาจจะไม่เข้าใจการจองด้วยถุงก๊อปแก๊ปเหรอป่าว
ที่สำคัญคือ เอาเข้าจริงๆ โต๊ะไม่ใช่ของใครเลยนะ โต๊ะเก้าอี้ในฟู้ดส์คอร์ทมีไว้บริการทุกคน
เสียสละยกโต๊ะให้ฝรั่งคนนั้น แล้วเสียเวลาเดินหาโต๊ะอีกรอบไม่ได้เหรอ...
ยกให้ไม่ได้ ทำไมฝรั่งไม่จองโต๊ะหล่ะ หรือ ต้องรีบไม่มีเวลา หรือ กลัวแฟนด่า หรือ หิวแล้วจะกิน หรือ ต้องกินยาตรงเวลาตามหมอสั่งเดี๋ยวโรคไม่หาย แต่ไม่กลัวถุงยาจะหายไม่มียาให้กิน (ฉันคิดแทนผู้ชายถุงก๊อปแก๊ป)
.
ความคลาดเคลื่อนของคำว่า 'แบ่งปัน'
นั่งกินด้วยกันไม่ได้เหรอ แค่หาเก้าอี้อีกตัวแล้วขยับโต๊ะออกมานิดเดียวก็นั่งได้แล้วสามคน
ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่อง หรือ ไม่มีที่พอวางอาหารบนโต๊ะ หรือ ไม่ชอบนั่งกะคนแปลกหน้าเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย หรือ อึดอัดพูดอังกฤษไม่ได้ หรือ ทะเลาะกับแฟนอยู่ หรือ นี่โต๊ะของฉัน หรือ เป็นโรคติดต่อกลัวฝรั่งติดโรค หรือ... (ฉันคิดแทนผู้ชายถุงก๊อปแก๊ป)
---------:----------
แต่ฉันคิดว่า ฉันพอจะเข้าใจอารมณ์ฝรั่งคนนั้นที่เขาไม่จองโต๊ะไว้ก่อน เพราะฉันเองเวลาไปต่างบ้านต่างถิ่นฉันไม่เคยยอมวางข้าวของตัวเองทิ้งไว้ที่ใดที่หนึ่งเลย เพราะถ้าหายขึ้นมาจะไปทวงถามตามหาจากใครได้ง่ายๆ กัน ทุกอย่างจึงต้องอยู่กับตัวเสมอ
ฉันเคยถือถาดอาหารพร้อมกระเป๋าสะพายหลังเดินหาที่นั่งวนไปวนมาในคาเฟ่ของพิพิธภัณฑ์ V&A อยู่นาน มันทั้งหนักและเมื่อยมาก แต่โชคดีที่ฝรั่งเค้าไม่มีธรรมเนียมจองที่นั่งด้วยสิ่งของกัน ในที่สุดฉันจึงมีที่นั่ง นั่งแล้วก็ไม่กล้าลุกจนกว่าจะกินเสร็จ
.
ในห้วงเวลาไว้อาลัยนี้
คนไทยขอให้ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวเข้าใจความรู้สึกที่เศร้าโศกของพวกเรา เราขอให้พวกเขาสุภาพ อย่ารื่นเริงจนออกหน้าออกตานัก
ในขณะที่พวกเขาได้พยายามให้ความร่วมมือกับสิ่งที่พวกเราขอเต็มที่แล้ว
พวกเขาตั้งใจเลือกประเทศไทยเป็นที่เที่ยว หวังจะมีความสุขสนุกสนาน แต่พวกเขาโชคร้าย(ฝรั่งบางคนใช้คำว่าซวยเลยทีเดียว)ดันมาอยู่เมืองไทยช่วงเวลานี้เพราะทุกอย่างถูกจองจ่ายตังค์ไปหมดแล้ว บินมาแล้ว
พวกเขาเอาเงินเอาทองมาให้พวกเรานะ
พวกเราก็ควรจะ 'ใส่ใจ' 'เข้าใจ' ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกันมั้ยอ่ะ
พวกเราควรจะ 'กล้า' ที่จะช่วยเหลือพวกเขาอย่างมิตร หรือ คุยกับพวกเขาให้สบายใจ แม้จะพูดภาษาเขาไม่ได้... อย่าธุระไม่ใช่ ไม่นำพาเลย
เชื่อเถอะ... พวกเขาดีใจทุกครั้งในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ขี้ปะติ๋วก็เถอะ(ไว้จะมาเล่าให้ฟัง มีเยอะที่ฉันเจอมา)
.
ฉันคิดว่า
ฉันจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีถวายพ่อหลวง
เพราะทุกสิ่งอย่าง ทุกกิริยา ที่พวกเราทำต่อชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยว มันคงจะส่งผลต่อทัศนคติเชิงลบ/บวกที่พวกเขามีต่อพวกเรา มันคงจะส่งผลในระยะยาวต่อสังคมไทย และมันคงส่งผลถึงเศรษฐกิจประเทศโดยตรงทีเดียว
ในสมัยสังคมโซเชียลฟูฟ่องนี่ พวกเราแชร์ความโศกกันเต็มเฟส ทวิตกันให้ว่อน ไลน์ถึงกันทั่วโลก...
นักท่องเที่ยวก็เหมือนพวกเรา พวกเขาพร้อมจะเขียนอะไรที่เขารู้สึกออนไลน์ทันที ไม่ว่าจะสุขหรือจะไม่สุข ไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบ บอกเพื่อนเขาว่าอย่ามาเมืองไทยหรือบอกเพื่อนเขามาเมืองไทยเหอะ
ผลสะท้อนมันมากจนฉันไม่กล้าคิด บางทีเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวจริงๆ นะ
ปล: นักท่องเที่ยวก็มีคนหลายประเภท มีทั้งดี ทั้งไม่ดี มีทั้งแปลก ทั้งประหลาด มีทั้งสุภาพและไม่สุภาพ ปนๆ กันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการช่วยเหลือเช่นกัน
ฉันจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีถวายพ่อหลวง
ความสับสนของคำว่า น้ำใจ
ความคลาดเคลื่อนของคำว่า แบ่งปัน
---------:----------
เวลาไปกินข้าวที่ฟู้ดส์คอร์ทในเวลาพีคคนเยอะ สิ่งแรกที่พวกเรามักจะต้องทำคือ มองหาโต๊ะว่าง
เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยทีเดียว บางครั้งจะแย่งชิงกันแบบก่อความหงุดหงิดใจต่อกันก็มี
และ 'จองโต๊ะ' โดยให้คนหนึ่งนั่งเฝ้าไว้ คนอื่นๆ เดินไปแลกคูปองซื้ออาหารก่อน ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้คล้ายทุกชาติ ไทย จีน ฝรั่ง แขก
แต่มาเดี๋ยวนี้กลับเห็นการจองโต๊ะด้วยการวางสิ่งของ(ไม่กลัวหาย) เช่น กระเป๋า ร่ม หนังสือ ขวดน้ำและอื่นๆ เป็นการจองแทนคนนั่ง ซึ่งต่างชาติไม่กล้าทำกัน แต่เค้าเข้าใจ
.
ฟู้ดส์คอร์ทที่เทอร์มินอล21 มีหลายชนชาติมากินจริงจังเสมอ ฝรั่ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น แขก และพี่ไทย
ฉันชอบมาที่นี่เวลาบรรยากาศบ้านเมืองไม่ค่อยดี เพื่อดูปริมาณคน ดูอารมณ์และการจับจ่ายใช้สอยของพวกเค้า เพราะฉันจะใช้เป็นดัชนีวัดเรื่องเศรษฐกิจในแบบง่ายๆ ของฉันเพื่อการลงทุน
เมื่อวันอังคาร(18 ตุลาคม)ที่ผ่านมา หลังเดินงานมหกรรมหนังสือแล้วฉันไปที่นี่เกือบ 6 โมงเย็น ที่นี่เวลามื้อเที่ยงกับมื้อเย็นคนจะแน่นมาก เล่นเก้าอี้ดนตรีกันสุดสุด ฉันก็เหมือนคนอื่น ต้องหาโต๊ะและจอง
โชคดีได้โต๊ะเหลี่ยมเล็กมี2เก้าอี้ แต่ฉันไปกินข้าวคนเดียวเลยต้องเอากระเป๋าใส่หนังสือที่เพิ่งซื้อมาวางเก้าอี้จองไว้(กลัวหายนะไม่ใช่ไม่กลัว) เพราะมันหนักเกินจะหิ้วเดินเบียดคนไปมา และกลัวซื้ออาหารมาแล้วไม่มีที่นั่ง ต้องเดินพะรุงพะรังหอบเหนื่อยหาโต๊ะอีกนาน
ระหว่างที่กินข้าวหมกปลากระพงทอด (อร่อยที่เดียว) ฉันก็มองดูคนไปเรื่อยๆ
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีหม่นเทาดำขาว และพยายามไม่ส่งเสียงสนุกสนานตามประสานักท่องเที่ยวที่เค้าควรจะได้ทำ ฉันคิดว่าพวกเค้าเข้าใจความเศร้าของคนไทยเวลานี้นะ
เกมส์เล่นเก้าอี้ดนตรีเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าฉันห่างออกไปหนึ่งช่องทางเดิน มีผู้ชายออฟฟิตเดินเร็วพุ่งมายืนรอโต๊ะเล็ก 2เก้าอี้ที่พนักงานกำลังเก็บถ้วยชามเช็ดโต๊ะ เค้านั่งลงทันทีและพักใหญ่มีผู้หญิงเดินมานั่งกับเขา
ทั้งคู่เอาแค่ถุงก๊อปแก๊ปใส่ยาวางจองโต๊ะไว้ (ถุงยาโรงพยาบาลรัฐมักไม่ใหญ่และเป็นภาษาไทย) แล้วลุกเดินหายไป
สักแป๊บก็มีพนักงานเดินมาทำท่าจะหยิบถุงทิ้ง คงคิดว่าเป็นถุงขยะเปล่า แต่พอดูข้างในก็วางถุงยาไว้บนโต๊ะดังเดิม
กินข้าวหมดจานแล้วอยากซดแกงจืดร้อนๆ ฉันเดินไปซื้อเกาเหลาลูกชิ้นมาอีกชาม(ไม่อร่อยลูกชิ้นปลาแป้งเยอะ) ระหว่างที่เดินถือชามเกาเหลากลับมาที่โต๊ะ ฉันเห็นชายวัยรุ่นจีน 'ยืน' กินบะหมี่งาดำอยู่ เค้ามาคนเดียวคงหาไม่มีที่นั่ง...
นั่งลงจะเริ่มกิน ไกลออกไปเห็นผู้ชายฝรั่งใส่แว่นสะพายเป้ดำใหญ่ถือถาดอาหารเดินวนไปวนมา ฉันไม่ได้สนใจอะไรก้มหน้าก้มตากินเร็วๆ จะได้ลุก
ฉันเงยหน้าอีกที ฝรั่งใส่แว่นคนนั้นที่เดินวนไปเวียนมานั่งอยู่ที่โต๊ะที่เจ้าถุงยานั้นวางจองไว้ เค้าขยับถุงยาเลื่อนออกไปและวางจานข้าวลงมือกินทันที
ฉันสนใจขึ้นมาทันที
ไม่นานผู้ชายเจ้าของถุงยาเดินกลับมาพร้อมอาหาร เค้าหน้าบึ้งนิดๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะทันที ฝรั่งงงแต่รีบเอาเป้ดำใหญ่ลงจากเก้าอี้ ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฝรั่งทำท่าทางสื่อสารว่ามีอีกคนจะนั่งและชี้ไปที่ถุงยาแล้วชี้มาที่อกบอกว่าเป็นของเค้า และเริ่มวางของอื่นๆ ยึดพื้นที่บนโต๊ะ
ฝรั่งเข้าใจทันทีว่ากำลังถูกไล่และทำหน้าไม่ถูก ในสมองคงคิดอะไรหลายอย่าง ฝรั่งมองหน้าผู้ชายแล้วเริ่มมองซ้ายมองขวาแบบเซ็งๆ จะหาเก้าอี้มาเพิ่มให้ก็ไม่มีซะด้วย ฝรั่งเริ่มชะเง้อคอมองไกลออกไป คงจะหาที่นั่งใหม่...
ฉันรีบเอาลูกชิ้นลูกสุดท้ายใส่ปาก
ตัดสินใจลุกเดินออกไปที่ฝรั่งคนนั้น ...แล้วพูดกับเขาว่า
Do you want to sit with me... at that table ??
แล้วชี้มือไปตรงที่ฉันนั่ง แล้วฉันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ
ฝรั่งรีบลุกสะพายเป้ ถือจานข้าวที่กินไปหลายคำแล้วเดินตามมา ...ผู้ชายคนนั้นยังหน้าบึ้งอยู่
ฉันมองไปที่ชามเกาเหลา มีน้ำแกงกะถั่วงอกของโปรด แต่ตัดใจไม่กินต่อดีกว่า จึงรีบสะพายกระเป๋า กำลังจะอ้อมไปหิ้วกระเป๋าหนังสือกับถุงสัมภาระ
หันตัวมาก็เจอป้าคนหนึ่งเดินพุ่งมาตัดหน้าฝรั่งคนนั้น ถามว่า "ไม่นั่งแล้วใช่มั้ย?"
"มีฝรั่งคนนี้จะนั่งค่ะ ลองถามเขาว่านั่งด้วยได้ไหมนะคะ" ฉันตอบและชี้ไปหลังป้า
"นั่ง ข้น เดี่ยว" ฝรั่งรีบตอบสำเนียงแปลก
(อ้าวววว พูดไทยได้ 5555)
แต่ป้าไม่นั่งด้วยเดินหายไป สงสัยป้ามามากกว่าหนึ่งคน
ฝรั่งวางจานข้าวบนโต๊ะ วางเป้ใหญ่ลงพื้น
ฉันหันไปหยิบของทั้งหมด แล้วยิ้มพูดกับฝรั่งว่า "Enjoy your meal"
"Thank you" ฝรั่งตอบยิ้มนิดๆ
ฉันเดินไปคืนคูปอง เมื่อเดินออกมา ภาพที่เห็นคือ มีผู้ชายไทยนั่งเก้าอี้(ที่ฉันวางกระเป๋าหนังสือไว้) กินข้าวร่วมโต๊ะกับฝรั่งคนนั้นแล้ว
ฉันรู้สึกละอายใจเหมือนกันนะ ว่าทำไม ไม่เรียกคนที่ถือถาดร่อนไปร่อนมาทั้งหลายมานั่งโต๊ะด้วยกัน เก้าอี้ว่างอีกตัวดันเอามาวางของไว้เปล่าๆ
ฉันติดนิสัยนี้จากไหนหว่า?!?
แต่ ฉันยังรู้สึกดีกับเรื่องเล็กน้อยที่ทำนี้ (ลุกขึ้นไปชวนผู้ชายมานั่งด้วย^^)
หากบังเอิญ ฉันต้องมาเจอฝรั่งใส่แว่นคนนี้อีกที่ไหนสักแห่ง เราอาจจะได้ทักทาย พูดคุย หรืออาจจะกลายเป็นเพื่อนกันเลยก็ได้ มีเพื่อนต่างชาติบ้างก็ดีเหมือนกัน 5555
ฉันแอบไม่เข้าใจชายหญิงคู่นั้น ที่ใช้ถุงก๊อปแก๊ปวางจองบนโต๊ะเลย ทำไมไม่นั่งเก้าอี้สักคน หรือ ใช้สิ่งของที่ดูมีมูลค่าที่ใครๆ เข้าใจได้ชัดเจนว่าเป็นสิ่งของที่มีเจ้าของวางบนโต๊ะ ไม่ใช่ของที่คนทั่วไปมักคิดว่าเป็นขยะได้ เช่นถุงก๊อปแก๊ป เพราะแม้แต่พนักงานยังเดินมาจะหยิบไปทิ้ง นับประสาอะไรกับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไม่กี่วัน
ไม่มีของอื่นจะใช้จอง หรือ ไม่อยากนั่งรออีกคน เพราะเสียเวลาต้องมารอกินพร้อมกัน เดี๋ยวอาหารไม่อร่อย (ฉันคิดแทนชายหญิงคู่นั้น)
ฉันสับสนคำว่า 'น้ำใจ'
ใช่ มันน่าโกรธ... คนมาแย่งที่นั่งไปและกำลังกินข้าวสบายอยู่กับโต๊ะที่อุตส่าห์จองไว้ ทำให้ต้องชักสีหน้าและแสดงกิริยาไม่เป็นมิตรกับเค้าเพื่อแสดงตนว่าเป็นเจ้าของโต๊ะโดยชอบธรรมด้วยถุงก๊อปแก๊ปที่จองไว้ก่อนแล้ว
ทำใจร่มๆ สื่อสารกับเขาดีๆ ก็ได้มั้งที่จะขอโต๊ะคืน
เพราะเค้าเป็นต่างชาติไง(ถึงจะพูดไทยได้ก็เหอะ) เค้าคงไม่เจตนาแย่งโต๊ะใครหรอก และอาจจะไม่เข้าใจการจองด้วยถุงก๊อปแก๊ปเหรอป่าว
ที่สำคัญคือ เอาเข้าจริงๆ โต๊ะไม่ใช่ของใครเลยนะ โต๊ะเก้าอี้ในฟู้ดส์คอร์ทมีไว้บริการทุกคน
เสียสละยกโต๊ะให้ฝรั่งคนนั้น แล้วเสียเวลาเดินหาโต๊ะอีกรอบไม่ได้เหรอ...
ยกให้ไม่ได้ ทำไมฝรั่งไม่จองโต๊ะหล่ะ หรือ ต้องรีบไม่มีเวลา หรือ กลัวแฟนด่า หรือ หิวแล้วจะกิน หรือ ต้องกินยาตรงเวลาตามหมอสั่งเดี๋ยวโรคไม่หาย แต่ไม่กลัวถุงยาจะหายไม่มียาให้กิน (ฉันคิดแทนผู้ชายถุงก๊อปแก๊ป)
.
ความคลาดเคลื่อนของคำว่า 'แบ่งปัน'
นั่งกินด้วยกันไม่ได้เหรอ แค่หาเก้าอี้อีกตัวแล้วขยับโต๊ะออกมานิดเดียวก็นั่งได้แล้วสามคน
ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่อง หรือ ไม่มีที่พอวางอาหารบนโต๊ะ หรือ ไม่ชอบนั่งกะคนแปลกหน้าเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย หรือ อึดอัดพูดอังกฤษไม่ได้ หรือ ทะเลาะกับแฟนอยู่ หรือ นี่โต๊ะของฉัน หรือ เป็นโรคติดต่อกลัวฝรั่งติดโรค หรือ... (ฉันคิดแทนผู้ชายถุงก๊อปแก๊ป)
---------:----------
แต่ฉันคิดว่า ฉันพอจะเข้าใจอารมณ์ฝรั่งคนนั้นที่เขาไม่จองโต๊ะไว้ก่อน เพราะฉันเองเวลาไปต่างบ้านต่างถิ่นฉันไม่เคยยอมวางข้าวของตัวเองทิ้งไว้ที่ใดที่หนึ่งเลย เพราะถ้าหายขึ้นมาจะไปทวงถามตามหาจากใครได้ง่ายๆ กัน ทุกอย่างจึงต้องอยู่กับตัวเสมอ
ฉันเคยถือถาดอาหารพร้อมกระเป๋าสะพายหลังเดินหาที่นั่งวนไปวนมาในคาเฟ่ของพิพิธภัณฑ์ V&A อยู่นาน มันทั้งหนักและเมื่อยมาก แต่โชคดีที่ฝรั่งเค้าไม่มีธรรมเนียมจองที่นั่งด้วยสิ่งของกัน ในที่สุดฉันจึงมีที่นั่ง นั่งแล้วก็ไม่กล้าลุกจนกว่าจะกินเสร็จ
.
ในห้วงเวลาไว้อาลัยนี้
คนไทยขอให้ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวเข้าใจความรู้สึกที่เศร้าโศกของพวกเรา เราขอให้พวกเขาสุภาพ อย่ารื่นเริงจนออกหน้าออกตานัก
ในขณะที่พวกเขาได้พยายามให้ความร่วมมือกับสิ่งที่พวกเราขอเต็มที่แล้ว
พวกเขาตั้งใจเลือกประเทศไทยเป็นที่เที่ยว หวังจะมีความสุขสนุกสนาน แต่พวกเขาโชคร้าย(ฝรั่งบางคนใช้คำว่าซวยเลยทีเดียว)ดันมาอยู่เมืองไทยช่วงเวลานี้เพราะทุกอย่างถูกจองจ่ายตังค์ไปหมดแล้ว บินมาแล้ว
พวกเขาเอาเงินเอาทองมาให้พวกเรานะ
พวกเราก็ควรจะ 'ใส่ใจ' 'เข้าใจ' ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกันมั้ยอ่ะ
พวกเราควรจะ 'กล้า' ที่จะช่วยเหลือพวกเขาอย่างมิตร หรือ คุยกับพวกเขาให้สบายใจ แม้จะพูดภาษาเขาไม่ได้... อย่าธุระไม่ใช่ ไม่นำพาเลย
เชื่อเถอะ... พวกเขาดีใจทุกครั้งในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ขี้ปะติ๋วก็เถอะ(ไว้จะมาเล่าให้ฟัง มีเยอะที่ฉันเจอมา)
.
ฉันคิดว่า
ฉันจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีถวายพ่อหลวง
เพราะทุกสิ่งอย่าง ทุกกิริยา ที่พวกเราทำต่อชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยว มันคงจะส่งผลต่อทัศนคติเชิงลบ/บวกที่พวกเขามีต่อพวกเรา มันคงจะส่งผลในระยะยาวต่อสังคมไทย และมันคงส่งผลถึงเศรษฐกิจประเทศโดยตรงทีเดียว
ในสมัยสังคมโซเชียลฟูฟ่องนี่ พวกเราแชร์ความโศกกันเต็มเฟส ทวิตกันให้ว่อน ไลน์ถึงกันทั่วโลก...
นักท่องเที่ยวก็เหมือนพวกเรา พวกเขาพร้อมจะเขียนอะไรที่เขารู้สึกออนไลน์ทันที ไม่ว่าจะสุขหรือจะไม่สุข ไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบ บอกเพื่อนเขาว่าอย่ามาเมืองไทยหรือบอกเพื่อนเขามาเมืองไทยเหอะ
ผลสะท้อนมันมากจนฉันไม่กล้าคิด บางทีเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวจริงๆ นะ
ปล: นักท่องเที่ยวก็มีคนหลายประเภท มีทั้งดี ทั้งไม่ดี มีทั้งแปลก ทั้งประหลาด มีทั้งสุภาพและไม่สุภาพ ปนๆ กันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการช่วยเหลือเช่นกัน