คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตัดประเด็นเรื่องแปลงเพศออกไปก่อน เพราะหนทางยังอีกยาวไกลกว่าคุณจะไปถึงจุดนั้นได้ ในการที่จะแปลงเพศให้ใครซักคน จิตแพทย์จะต้องประเมินความพร้อมของจิตใจคนไข้ก่อนว่าตัวตนข้างในนั้นเป็นผู้หญิงจริงๆหรือไม่? พร้อมที่จะเป็นผู้หญิงจริงๆหรือไม่? ถ้าเป็นแค่คนที่สับสนทางเพศ บางทีก็อยากเป็นชาย บางทีก็อยากเป็นหญิง ก้ำๆ กึ่งๆ แค่อยากทดลองตามอารมณ์ชั่ววูบ จิตแพทย์จะไม่แนะให้แปลงเพศ (จริงๆคือแพทย์จะไม่อนุมัติให้แปลงเพศเลย) เหตุผลเพราะประเมินสภาพจิตใจแล้วว่าอาจไม่มีความพร้อมในการใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงไปตลอดชีวิต
เคยมีกรณีของบางคนที่แพทย์ตรวจสอบแล้วว่ามีพร้อมทุกอย่าง แพทย์ก็อนุมัติให้แปลงเพศได้ แต่พอแปลงเพศไปแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบผู้หญิงได้เพียงไม่กี่ปี กลับรู้สึกว่าชีวิตแบบหญิงแปลงเพศของตัวเองมีความยากลำบากกว่าตอนเป็นผู้ชาย คนในสังคมก็ไม่ยอมรับ เสียใจที่ตัดสินใจผิด อยากจะกลับมาเป็นผู้ชายอย่างเดิม แต่แพทย์ไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นผู้ชายได้อย่างเดิมแล้ว หญิงแปลงเพศคนนั้นจึงไปยื่นฟ้องต่อศาลกล่าวหาว่าหมอให้คำแนะนำตัวเองผิด กล่าวโทษคนรอบข้างรวมทั้งเพื่อนฝูงที่ส่งเสริมตัวเองให้ตัดสินใจผิด ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นความผิดของตัวเองแท้ๆ สุดท้ายศาลก็ยกฟ้องเพราะหมอทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว แต่ผิดที่ตัวเองที่จิตใจไม่มั่นคง ก็เลยกลายเป็นคนที่มีสภาพจิตไม่ปกติไปแล้ว เครียดซึมเศร้า ตอนที่ทีวีไปสัมภาษณ์สภาพก็ดูไม่ได้เลย ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ดูแลตัวเอง ดูไม่เป็นผู้เป็นคนเอาซะเลย
มาพูดถึงกรณีเจ้าของกระทู้นี้ หากคุณมีความคิดว่าอยากจะแปลงเพศ ผมแนะนำคุณว่า "ควรทดลองใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงไปซักหลายๆปีก่อน" เพื่อทดสอบจิตใจของคุณเองว่ามีความเป็นผู้หญิง 100% ไหม? ยังมีความสับสนเล็กๆในจิตใจอยู่มั๊ย? เช่น ยังมีบางอารมณ์ที่อยากกลับไปเป็นผู้ชาย ยังรู้สึกดีกับการมีน้องชายเป็นของตัวเอง? สังคมรอบข้างเป็นยังไง? สังคมยอมรับหรือสังคมรังเกียจ? การแต่งหญิงกระทบต่อหน้าที่การงานมั๊ย? แล้วทางครอบครัวญาติพี่น้องยอมรับได้มั๊ย? เมื่อคุณเผชิญปัญหาในการใช้ชีวิตเหล่านี้แล้ว คุณจะหาทางแก้ไขมันยังไง?
หากการทดลองใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงหลายปีประสบความสำเร็จราบรื่นดีแล้ว คุณก็ถึงขั้นตอนที่จะไปพบแพทย์เพื่อขอรับการประเมินสภาพจิตใจและรับคำแนะนำก่อนการตัดสินใจแปลงเพศได้
เคยมีกรณีของบางคนที่แพทย์ตรวจสอบแล้วว่ามีพร้อมทุกอย่าง แพทย์ก็อนุมัติให้แปลงเพศได้ แต่พอแปลงเพศไปแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบผู้หญิงได้เพียงไม่กี่ปี กลับรู้สึกว่าชีวิตแบบหญิงแปลงเพศของตัวเองมีความยากลำบากกว่าตอนเป็นผู้ชาย คนในสังคมก็ไม่ยอมรับ เสียใจที่ตัดสินใจผิด อยากจะกลับมาเป็นผู้ชายอย่างเดิม แต่แพทย์ไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นผู้ชายได้อย่างเดิมแล้ว หญิงแปลงเพศคนนั้นจึงไปยื่นฟ้องต่อศาลกล่าวหาว่าหมอให้คำแนะนำตัวเองผิด กล่าวโทษคนรอบข้างรวมทั้งเพื่อนฝูงที่ส่งเสริมตัวเองให้ตัดสินใจผิด ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นความผิดของตัวเองแท้ๆ สุดท้ายศาลก็ยกฟ้องเพราะหมอทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว แต่ผิดที่ตัวเองที่จิตใจไม่มั่นคง ก็เลยกลายเป็นคนที่มีสภาพจิตไม่ปกติไปแล้ว เครียดซึมเศร้า ตอนที่ทีวีไปสัมภาษณ์สภาพก็ดูไม่ได้เลย ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ดูแลตัวเอง ดูไม่เป็นผู้เป็นคนเอาซะเลย
มาพูดถึงกรณีเจ้าของกระทู้นี้ หากคุณมีความคิดว่าอยากจะแปลงเพศ ผมแนะนำคุณว่า "ควรทดลองใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงไปซักหลายๆปีก่อน" เพื่อทดสอบจิตใจของคุณเองว่ามีความเป็นผู้หญิง 100% ไหม? ยังมีความสับสนเล็กๆในจิตใจอยู่มั๊ย? เช่น ยังมีบางอารมณ์ที่อยากกลับไปเป็นผู้ชาย ยังรู้สึกดีกับการมีน้องชายเป็นของตัวเอง? สังคมรอบข้างเป็นยังไง? สังคมยอมรับหรือสังคมรังเกียจ? การแต่งหญิงกระทบต่อหน้าที่การงานมั๊ย? แล้วทางครอบครัวญาติพี่น้องยอมรับได้มั๊ย? เมื่อคุณเผชิญปัญหาในการใช้ชีวิตเหล่านี้แล้ว คุณจะหาทางแก้ไขมันยังไง?
หากการทดลองใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงหลายปีประสบความสำเร็จราบรื่นดีแล้ว คุณก็ถึงขั้นตอนที่จะไปพบแพทย์เพื่อขอรับการประเมินสภาพจิตใจและรับคำแนะนำก่อนการตัดสินใจแปลงเพศได้
แสดงความคิดเห็น
เป็นไบชอบทั้งชายและหญิงแต่อยู่ๆดีๆอยากลองแปลงเพศ
มีแนวทางแก้ไขไหมครับผมไม่อยากเป็นแบบนี้คือถ้าเป็นผู้ชายมีไอนั่นอยู่ผมก็ยังมีโอกาสใช้ชีวิตแบบมีความสุขอะครับเพราะผมยอมรับตัวตนของผมได้แล้ว