ถ้าใครใช้ Modem router รุ่นที่ GUI หน้าตาแบบนี้ก็ตั้งค่าตามเลย ส่วนรุ่นอื่นต้องงมหากันเอาครับ
คราวนี้มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า DNS ที่นิยมกันคือ 8.8.8.8 กับ 8.8.4.4 มันเป็นของ IPv4 ซึ่ง IPv6 มันไม่ได้ใช้ตัวนี้ ถ้าเราไม่ไปตั้งค่า มันก็จะไปใช้ของ AIS โดยตรง เหมือนกับเมื่อก่อนที่เราไม่ตั้งค่า 8.8.8.8 กับ 8.8.4.4 แล้วบางคนจะบ่นว่าช้ากันไม่ก็ DNS ของ ISP เจ้านั้นๆมีปัญหาซะเองทำให้ออกเว็บไม่ได้
มาที่ DNS ของ IPv6 ที่ Google ให้เราเลือกใช้จะมี 2 แบบ คือ DNS แบบ IPv6 Only (ต้นทางและปลายทางต้องเป็น IPv6 เท่านั้น) กับ DNS แบบ DNS64 (ต้นทางเป็น IPv6 ปลายทางเป็น IPv6 หรือ IPv4 ก็ได้ แต่ถ้าเป็น IPv4 ฝั่ง Server ต้องรองรับ tunnel ด้วยซึ่งเท่าที่ผมดูๆ ก็รองรับกันเกือบหมดแล้ว)
เว็บในไทยจะแสดงแบบ มี 64 นำหน้าซะส่วนมาก ในชุด IPv6 แบบนี้
ถ้าปลายทางใช้ IPv6 ก็จะแสดงเป็นชุด IPv6
ที่ก็ Public DNS สำหรับ IPv6 ของ Google มี 2 ชุดคือ
แบบ IPv6 Only
2001:4860:4860::8888
2001:4860:4860::8844
อ้างอิงจาก Google
แบบ 6to4
2001:4860:4860::6464
2001:4860:4860::64
อ้างอิงจาก Google
ถ้าจะถามว่าต่างกันยังไง ตอบง่ายๆจากที่เคยลองทดสอบดูการใช้ IP คือถ้าเราใช้แบบ DNS แบบแรกเมื่อเว็บปลายทางไม่ได้เป็น IPv6 เท่ากับว่า IPv6 ฝั่งเราจะติดต่อไม่ได้แล้วถูกยกเลิก ฝั่งเราต้องส่ง IPv4 ของตัวเองไปใหม่อีกรอบเพื่อร้องขอติดต่อกับปลายทาง แล้วมันจะมีดีเลย์เพิ่มขึ้น(เพราะเราต้องส่งคำขอรอบ 2 ในรอบแรกเราส่ง IPv6 ไป)หรืออาจค้างไปเลยดื้อๆ(ก็ไม่รู้ไปติดตรงไหน)
แต่ถ้าเราใช้แบบ 6to4 ส่วนมากเว็บรองรับกันหมดแล้ว มันจะไม่ต้องส่ง IPv4 ไปแทน แต่จะจัดการกับ IPv6 ให้ใช้ได้ไปเลยกับขั้นตอนการแปลงนิดหน่อย(ฝั่งปลายทางที่เราติดต่อเขาจะถูกแปลงจาก IPv4 มาเป็น IPv6 เพื่อมาสื่อสารกับเราครับ) มันก็ยังจะแสดงว่าฝั่งเราใช้ IPv6 เชื่อมต่อ
ส่วนฝั่งโปรแกรมให้สังเกตดู App LINE ของผม กับ Dropbox ที่มันยังแสดง IPv4 เพราะโปรแกรม 2 ตัวนี้ยังไม่รอบรับ IPv6 เลยแม่แต่นิดเดียวไม่เหมือนกับ OneDrive ของ Microsoft ถ้าผมปิดไม่รับ IPv4 โปรแกรม 2 ตัวนี้จะใช้ไม่ได้ และเว็บที่ยังไม่ได้ทำ tunnel ก็จะเข้าไม่ได้เช่นกัน
OneDrive จะแสดงแบบนี้
*********
สำหรับคนที่หาที่ตั้ง DNS IPv6 ไม่ได้จริงให้ตั้งค่าที่โดยตรงอุปกรณ์ที่ใช้งาน Internet โดยตรงไปเลยครับ ทั้ง Windows, MacOS, iOS, Android, windows Phone(ตัวสุดท้ายนี่ผมยังหาที่ตั้งค่าไม่เจอเลยครับ)
Windows
พอตั้งได้แล้วจะเป็นแบบนี้
MacOS
iOS อันนี้ให้เอา 2001:4860:4860::6464 กับ 2001:4860:4860::64 ตั้งทางซ้ายสุด พอทำเสร็จจะเป็น 2001:4860:4860::6464, 2001:4860:4860::64, 8.8.8.8, 8.8.4.4, fe80::1
แต่การตั้งใน iOS ผมยังไม่แนะนำให้ทำนะ เพราะผมยังเจอมัน เอ๋อๆบ้างบางครับ
*********
ผิดถูกยังไงก็มาพูดกันได้ครับ เพราะผมงมจากที่การทดลองกับเฝ้าดูเอาเลยไม่ค่อยได้อ่านอะไรเท่าไหร่ครับ ถ้าตั้งค่าได้แล้วผมมั่นใจว่าคุณจะใช้ IPv6 เข้าเว็บได้เกือบทุกเว็บในไทยแล้ว(ตั้งแต่ลองใช้มา ผมก็ยังไม่เจอเว็บที่เข้าไม่ได้นะ) แล้วก็ของผม MacOS มันจะใช้ IPv6 เชื่อมต่อก่อนเสมอถ้าฝั่งเรามี IPv6 ใช้หน่ะครับเลยต้องตั้งแบบนี้
------------------------------------------------------
เพิ่มเติ่ม
ตอนนี้ Line call มีปัญหาเสียงขาดๆหายๆ (call แบบหลายคน) แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ Server Line เองหรือที่เครือข่าย ISP ของเราหรือ เครื่อข่าย ISP ที่คนในห้องใช้กัน บางคนในห้องก็บอกได้ยินชัดเจนดี บางคนบอกได้ยินเสียงขาดๆหาย เหมือนผม ไม่รู้ว่าจะไปดูตรงไหนเลย เพราะจำขัดขอบเขตปัญหายังไม่ได้เลยยังไม่อยากขอความช่วยเหลือ จาก ISP ตอนนี้ แต่ผมก็ยังสงสัยนะว่า LSN ฝั่ง IPv4 มีผลกับ พวก streaming มากแค่ไหน
แนะนำการตั้งค่า DNS ของ IPv6 (ไม่ใช่ IPv4 ที่คุ้นเคยกันนะมันใช้คนละตัว)
คราวนี้มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า DNS ที่นิยมกันคือ 8.8.8.8 กับ 8.8.4.4 มันเป็นของ IPv4 ซึ่ง IPv6 มันไม่ได้ใช้ตัวนี้ ถ้าเราไม่ไปตั้งค่า มันก็จะไปใช้ของ AIS โดยตรง เหมือนกับเมื่อก่อนที่เราไม่ตั้งค่า 8.8.8.8 กับ 8.8.4.4 แล้วบางคนจะบ่นว่าช้ากันไม่ก็ DNS ของ ISP เจ้านั้นๆมีปัญหาซะเองทำให้ออกเว็บไม่ได้
มาที่ DNS ของ IPv6 ที่ Google ให้เราเลือกใช้จะมี 2 แบบ คือ DNS แบบ IPv6 Only (ต้นทางและปลายทางต้องเป็น IPv6 เท่านั้น) กับ DNS แบบ DNS64 (ต้นทางเป็น IPv6 ปลายทางเป็น IPv6 หรือ IPv4 ก็ได้ แต่ถ้าเป็น IPv4 ฝั่ง Server ต้องรองรับ tunnel ด้วยซึ่งเท่าที่ผมดูๆ ก็รองรับกันเกือบหมดแล้ว)
เว็บในไทยจะแสดงแบบ มี 64 นำหน้าซะส่วนมาก ในชุด IPv6 แบบนี้
ถ้าปลายทางใช้ IPv6 ก็จะแสดงเป็นชุด IPv6
ที่ก็ Public DNS สำหรับ IPv6 ของ Google มี 2 ชุดคือ
แบบ IPv6 Only
2001:4860:4860::8888
2001:4860:4860::8844
อ้างอิงจาก Google
แบบ 6to4
2001:4860:4860::6464
2001:4860:4860::64
อ้างอิงจาก Google
ถ้าจะถามว่าต่างกันยังไง ตอบง่ายๆจากที่เคยลองทดสอบดูการใช้ IP คือถ้าเราใช้แบบ DNS แบบแรกเมื่อเว็บปลายทางไม่ได้เป็น IPv6 เท่ากับว่า IPv6 ฝั่งเราจะติดต่อไม่ได้แล้วถูกยกเลิก ฝั่งเราต้องส่ง IPv4 ของตัวเองไปใหม่อีกรอบเพื่อร้องขอติดต่อกับปลายทาง แล้วมันจะมีดีเลย์เพิ่มขึ้น(เพราะเราต้องส่งคำขอรอบ 2 ในรอบแรกเราส่ง IPv6 ไป)หรืออาจค้างไปเลยดื้อๆ(ก็ไม่รู้ไปติดตรงไหน)
แต่ถ้าเราใช้แบบ 6to4 ส่วนมากเว็บรองรับกันหมดแล้ว มันจะไม่ต้องส่ง IPv4 ไปแทน แต่จะจัดการกับ IPv6 ให้ใช้ได้ไปเลยกับขั้นตอนการแปลงนิดหน่อย(ฝั่งปลายทางที่เราติดต่อเขาจะถูกแปลงจาก IPv4 มาเป็น IPv6 เพื่อมาสื่อสารกับเราครับ) มันก็ยังจะแสดงว่าฝั่งเราใช้ IPv6 เชื่อมต่อ
ส่วนฝั่งโปรแกรมให้สังเกตดู App LINE ของผม กับ Dropbox ที่มันยังแสดง IPv4 เพราะโปรแกรม 2 ตัวนี้ยังไม่รอบรับ IPv6 เลยแม่แต่นิดเดียวไม่เหมือนกับ OneDrive ของ Microsoft ถ้าผมปิดไม่รับ IPv4 โปรแกรม 2 ตัวนี้จะใช้ไม่ได้ และเว็บที่ยังไม่ได้ทำ tunnel ก็จะเข้าไม่ได้เช่นกัน
OneDrive จะแสดงแบบนี้
*********
สำหรับคนที่หาที่ตั้ง DNS IPv6 ไม่ได้จริงให้ตั้งค่าที่โดยตรงอุปกรณ์ที่ใช้งาน Internet โดยตรงไปเลยครับ ทั้ง Windows, MacOS, iOS, Android, windows Phone(ตัวสุดท้ายนี่ผมยังหาที่ตั้งค่าไม่เจอเลยครับ)
Windows
พอตั้งได้แล้วจะเป็นแบบนี้
MacOS
iOS อันนี้ให้เอา 2001:4860:4860::6464 กับ 2001:4860:4860::64 ตั้งทางซ้ายสุด พอทำเสร็จจะเป็น 2001:4860:4860::6464, 2001:4860:4860::64, 8.8.8.8, 8.8.4.4, fe80::1
แต่การตั้งใน iOS ผมยังไม่แนะนำให้ทำนะ เพราะผมยังเจอมัน เอ๋อๆบ้างบางครับ
*********
ผิดถูกยังไงก็มาพูดกันได้ครับ เพราะผมงมจากที่การทดลองกับเฝ้าดูเอาเลยไม่ค่อยได้อ่านอะไรเท่าไหร่ครับ ถ้าตั้งค่าได้แล้วผมมั่นใจว่าคุณจะใช้ IPv6 เข้าเว็บได้เกือบทุกเว็บในไทยแล้ว(ตั้งแต่ลองใช้มา ผมก็ยังไม่เจอเว็บที่เข้าไม่ได้นะ) แล้วก็ของผม MacOS มันจะใช้ IPv6 เชื่อมต่อก่อนเสมอถ้าฝั่งเรามี IPv6 ใช้หน่ะครับเลยต้องตั้งแบบนี้
------------------------------------------------------
เพิ่มเติ่ม
ตอนนี้ Line call มีปัญหาเสียงขาดๆหายๆ (call แบบหลายคน) แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ Server Line เองหรือที่เครือข่าย ISP ของเราหรือ เครื่อข่าย ISP ที่คนในห้องใช้กัน บางคนในห้องก็บอกได้ยินชัดเจนดี บางคนบอกได้ยินเสียงขาดๆหาย เหมือนผม ไม่รู้ว่าจะไปดูตรงไหนเลย เพราะจำขัดขอบเขตปัญหายังไม่ได้เลยยังไม่อยากขอความช่วยเหลือ จาก ISP ตอนนี้ แต่ผมก็ยังสงสัยนะว่า LSN ฝั่ง IPv4 มีผลกับ พวก streaming มากแค่ไหน