แกรี่ เนวิลล์ เปิดใจเกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล
ในขณะเกมส์ผ่านมาจนถึงนาทีที่ 89 แฟน ๆ ลิเวอร์พูลซึ่งเป็นทีมเยือน ก็เริ่มร้องเพลงเกี่ยวกับผมและแม่ ตอนนั้นสกอร์ยัง 0-0 เราได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษของพวกเขา ไรอัน กิ๊กส์ ยืนอยู่ที่บอล
วินาทีนั้นหัวใจของคุณ ร่างกายของคุณ สมาธิของคุณ มันเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง มันแตกต่างจากอาร์เซนอล มันไม่เหมือนกับเชลซีและยิ่งแตกต่างจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างน้อยก็สำหรับผม มันมีความตึงเครียดมากกว่า
มันเป็นแมทช์ที่คุณลืมไม่ลงแม้จะผ่านไปแล้วสองอาทิตย์ และจะกวนใจคุณต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์
ถ้าคุณเอาชนะลิเวอร์พูลได้ มันจะเป็นวันที่ดีที่สุดในฤดูกาล แต่ถ้าคุณแพ้ แน่นอนมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
นาทีที่ 90, กิ๊กส์ยืนอยู่ที่บอลและทั้งหมดที่ผมจำได้ก็คือ เขาเปิดบอลโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ริโอ เฟอร์ดินาน กระโดดขึ้นโหม่ง เขาส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้สำเร็จ จากนั้นเหมือนกับว่าทั้งสนามราวกับจะระเบิด ต่อจากนั้น สิ่งที่ผมทำ มันเกิดขึ้นมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ
ผมหันไปหาแฟนลิเวอร์พูลที่มุมธงและผมคิดว่า
"กรูจะวิ่งไปหาพวกมุง"
ผมวิ่งไปประมาณ 60 หลา ผมแค่อยากปลดปล่อยสิ่งอยู่ในหัวออกมา เมื่อผมวิ่งไปถึงพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นคือ.....
ผมมองผ่านรั้วไปที่ใบหน้าของพวกเขา พวกที่ร้องเพลงมา 89 นาที พวกเขานิ่งเงียบ เงียบมากๆ เงียบราวกับเป็นใบ้กันทุกคน นั่นคือหนึ่งในความรู้สึกที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย
ผมถูก เอฟเอปรับ £ 5,000 ซึ่งผมยินดีมากที่จะจ่ายมันอีกร้อยครั้ง
หลังจากนั้น มีบางคนพูดกับผมว่า "นั่นไม่ใช่พฤติกรรมของคนอายุ 30"
ใช่พวกเขาพูดถูก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลมีเสน่ห์ ใน 90 นาทีคุณจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่พวกเราฝันถึง หรือคุณว่าไม่ใช่ ?
เนวิลล์กับคาราเกอร์ ในเดือน มีนาคม ปี 2010
ตอนผมอายุ 5-6 ขวบ พ่อขับรถอยู่บนถนน M60(ถนนเส้นหนึ่งในอังกฤษ) ผมจำได้ว่ามองออกไปนอกหน้าต่าง,คิดว่า"เราใกล้ถึงหรือยัง ? เมื่อไหร่เราจะถึงซักที?"
จากนั้นเราก็เดินข้ามสะพานบาร์ตัน ผมรู้ว่าเราอยู่ห่างจาก โอลแทรฟฟอร์ด แค่ 10 นาที มันเป็นสิ่งที่ผมกับพ่อทำทุกวันเสาร์และมันไม่เคยเปลี่ยน ทันทีที่ผมเห็นโรงละครแห่งความฝัน หัวใจของผมก็เริ่มเต้นแรงทันที จากนั้นเราก็จะจอดรถและเข้าไปที่มารีน่าเพื่อซื้อพายและชิป
ผมยังจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ ถ้าพ่อของผมเชียร์แมนฯ ซิตี้หรือเป็นแฟนโบลตัน, ผมคงต้องไปที่นั่นทุกสัปดาห์ ร้องเพลงของพวกเขา ขอบคุณพระเจ้า! ที่เขาเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คุณรู้สึกผิดไหมที่ฉลองประตูแบบนั้น ? " แน่นอนว่าไม่ " เนวิลล์ตอบ
โชคไม่ดีที่เราไม่ได้เฉลิมฉลองมากเท่าไหร่ ผมเติบโตขึ้นมาในยุค 80 ช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลครอบงำฟุตบอลอังกฤษ เด็กส่วนใหญ่ในโรงเรียนของผมที่ บิวรี่ เชียร์ลิเวอร์พูลแต่ผมไม่ได้คิดเหมือนพวกเขา เราอยู่ใกล้กับแมนเชสเตอร์มากว่าเมอร์ซีย์ไซด์ แต่เด็กก็คือเด็ก พวกเขาเชียร์ทีมที่เป็นแชมป์ เหมือนกับที่คุณจะเห็นเด็กที่สวมชุดเชลซีมากมายในตอนนี้
ที่โรงเรียนประถม แชนท์เลอร์ ในปี 1985 คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณอยู่ในลิเวอร์พูล ผมเถียงกับเพื่อนที่โรงเรียนทุกวันด้วยเรื่องเดิมๆ
ผม: "สนามของพวกเราใหญ่กว่า!"
เพื่อน: "แต่ทีมนายได้ที่ 11 นะ!"
ผม: "เรามี (ไบรอัน ) ร็อบสัน"
เพื่อ่น: " แต่เราได้แชมป์ลีก!"
เราจะเถียงกันแบบนี้ไปเป็นชั่วโมง เมือ่ผมอายุเยอะขึ้นผมคิดว่าการเถียงกันแบบนี้มันจะจบ แต่ทุกวันนี้ผมยังเถียงกับเจมี่ คาร์ราเกอร์อยู่เลย
ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่ผมไปแอนฟิลด์ ในฐานะนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด เราเดินทางบนถนน M62 มุ่งหน้าสู่เมอร์ซีย์ไซด์และเมื่อเราออกจากมอเตอร์เวย์และเข้าไปในเมือง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือน เราอยู่ในดินแดนของศัตรู มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด
เมื่อผมเดินลงไปในสนาม มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายกัน แฟนบอลของพวกเขาตะโกนด่าคุณตลอด 40 นาทีก่อนที่เราจะเริ่มแข่ง
คุณจะพลาดเรื่องราวเหล่านี้ไปเมื่อคุณเลิกเล่น
"มันซับซ้อนมากกว่าคำว่าความเกลียดชัง" เนวิลล์พูดถึงคู่ปรับตลอดกาล
ผมเคยบอกว่าผมเกลียดลิเวอร์พูล แต่ช่วงสองสามปีนี้ ความรู้สึกนั้นมันลดลงมาแล้ว ตอนนี้ผมว่า มันซับซ้อนมากกว่าคำว่าเกลียด
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถูกถามว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในปี 2006ไหม ? (วิ่งยาว 60 หลาไปฉลองประตูต่อหน้า เดอะ คอป) ?, คำตอบของผมยังเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ ผมไม่เคยเสียใจในเรื่องนี้
ฟุตบอลเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์,สมหวัง, ผิดหวัง, กระวนกระวาย,มีความสุข,โศกเศร้า คุณอาจต้องใช้เวลาทั้งสัปดาห์เพื่อเจออารมณ์ทั้งหมดนั่น แต่กับฟุตบอลมันใช้เวลาแค่ 90 นาที สำหรับผมแล้วฟุตบอลก็เหมือนรถไฟเหาะ มีไม่กี่อย่างในชีวิตที่จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น
" แฟนบอลของพวกเขาจะตะโกนด่าคุณตลอด 40 นาทีก่อนที่เราจะเริ่มแข่ง "
ผมจะยกตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ผมคิดได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมจำได้ว่าหลังจากที่เราได้ทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 ผมเห็นสิ่งที่ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมอาจจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว ในขณะที่เราขึ้นรถบัสเปิดประทุนมาถึงใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ ทันใดนั้นผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องไห้ เขาตะโกน กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ผมอาจจะตาฝาด แต่ผมคิดว่าผมเห็นเส้นเลือดในลำคอของเขาระเบิดออกมา ผมไม่เคยลืมสิ่งที่ผมเห็นวันนั้น
ผมคิดว่าเขาอายุเท่าๆกันกับผม เขาอาจจะเคยเป็นเด็กขี้อิจฉาเหมือนผม ที่ถูกเพื่อนในโรงเรียนล้อเลียนเวลาที่ เคนนี่ ดัลกลิชและลิเวอร์พูลได้แชมป์อย่างต่อเนื่อง แต่ในท้ายที่สุดเขาก็มีช่วงเวลาแห่งชัยชนะ ทุกความเจ็บปวด ทุกการเยาะเย้ยถางถาง ยิ่งทำให้สิ่งที่เขาได้รับยิ่งมีความหมาย
ในขณะที่อยู่ใจกลางการเฉลิมฉลองในวันนั้น ผมรู้สึกขนลุกที่บริเวณด้านหลังตรงลำคอ ทันใดนั้นผมคิดว่า: "ไม่มีอะไรที่จะทำให้ชายคนนั้นรู้สึกแบบวันนี้อีกแล้วในชีวิตของเขา"
" สิ่งที่ทำให้คุณแทบหยุดหายใจ "
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถูกถามว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในปี 2006ไหม ? (วิ่งยาว 60 หลาไปฉลองประตูต่อหน้า เดอะ คอป) ?, คำตอบของผมยังเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ ผมไม่เคยเสียใจในเรื่องนี้
แมนฯ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลพบกันครั้งแรกตอนปี 1894 และในคืนวันจันทร์นี้ พวกเขาจะพบกันเป็นครั้งที่ 197 ผมหวังว่ามันจะเป็นเกมส์ที่สนุก และถ้าหากผู้เล่นลิเวอร์พูลทำประตูได้ ผมก็หวังว่า เขาจะฉลองประตูต่อหน้าเดอะค็อปกับเพื่อนร่วมทีมอีก 10 คน รวมถึง เจอเก้น คลอปจะวิ่งดีใจเหมือนคนบ้า ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรอย่างนั้น ผมจะผิดหวังมาก
"ความบ้าคลั่งและอารมณ์ร่วมคือหัวใจของฟุตบอล"
ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์นั้นแตกต่างกัน,รวมถึงยังเหมือนกันด้วย ผู้คนมีความซื่อสัตย์ รักในการทำงานหนักและเหนือสิ่งอื่นใดคือ "ฟุตบอล"
"มันซับซ้อนมากกว่าคำว่าความเกลียดชัง"
ลิเวอร์พูลต้องการแก้แค้นผมมาหลายปีแล้ว ทั้งในสนามและนอกสนาม พวกเขาเขี่ยเราตกรอบจากถ้วยเอฟเอคัพ 4 สัปดาห์ หลังจากที่ผมไปดีใจต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขา รถของผมเกือบถูกพลิก เมื่อมีแฟนบอลบางส่วนจำผมได้ ในขณะรถติดนอกโอลแทรฟฟอร์ด
และที่เลวร้ายที่สุดผมยังคงต้องเถียงกับ คาร่า( เจมี่ คาราเกอร์ ) ทุกวัน
และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่สามารถยอมรับได้
คือเรื่องข่าวลือของชาวบ้านเกี่ยวกับสองพี่น้องสเกาเซอร์ที่ผมจ้างมาต่อเติมบ้านเมื่อสองสามปีที่แล้ว พวกลือกันว่า ไอ้เจ้าสองพี่น้องนั่นซ่อนผ้าพันคอของทีมลิเวอร์พูลไว้ใต้กระเบื้องที่สระว่ายน้ำในบ้านผม มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้รับการพิสูจน์และผมก็ไม่ต้องการพิสูจน์อะไรทั้งนั้น
คุณรู้ไหม? ผมไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว แต่ผมจะเขียนใส่ไว้ในพินัยกรรมของผมว่า หลังจากนี้ไปอีก 100 ปี ถ้าใครพบผ้าพันคอผืนนั้น จะต้องทำตามความปราถนาสุดท้ายของผมนั่นคือ
" เผามันซะ"
Stromwriter แปล
All Credit
http://www.skysports.com/football/news/11661/10617207/gary-neville-liverpool-v-man-utd-it8217s-more-complicated-than-hate
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่
https://www.facebook.com/Stromwriter/
ลิเวอร์พูลกับยูไนเต็ด"มันซับซ้อนกว่าคำว่าความเกลียดชัง" แกรี่ เนวิลล์
แกรี่ เนวิลล์ เปิดใจเกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล
ในขณะเกมส์ผ่านมาจนถึงนาทีที่ 89 แฟน ๆ ลิเวอร์พูลซึ่งเป็นทีมเยือน ก็เริ่มร้องเพลงเกี่ยวกับผมและแม่ ตอนนั้นสกอร์ยัง 0-0 เราได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษของพวกเขา ไรอัน กิ๊กส์ ยืนอยู่ที่บอล
วินาทีนั้นหัวใจของคุณ ร่างกายของคุณ สมาธิของคุณ มันเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง มันแตกต่างจากอาร์เซนอล มันไม่เหมือนกับเชลซีและยิ่งแตกต่างจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างน้อยก็สำหรับผม มันมีความตึงเครียดมากกว่า
มันเป็นแมทช์ที่คุณลืมไม่ลงแม้จะผ่านไปแล้วสองอาทิตย์ และจะกวนใจคุณต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์
ถ้าคุณเอาชนะลิเวอร์พูลได้ มันจะเป็นวันที่ดีที่สุดในฤดูกาล แต่ถ้าคุณแพ้ แน่นอนมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
นาทีที่ 90, กิ๊กส์ยืนอยู่ที่บอลและทั้งหมดที่ผมจำได้ก็คือ เขาเปิดบอลโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ริโอ เฟอร์ดินาน กระโดดขึ้นโหม่ง เขาส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้สำเร็จ จากนั้นเหมือนกับว่าทั้งสนามราวกับจะระเบิด ต่อจากนั้น สิ่งที่ผมทำ มันเกิดขึ้นมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ
ผมหันไปหาแฟนลิเวอร์พูลที่มุมธงและผมคิดว่า "กรูจะวิ่งไปหาพวกมุง"
ผมวิ่งไปประมาณ 60 หลา ผมแค่อยากปลดปล่อยสิ่งอยู่ในหัวออกมา เมื่อผมวิ่งไปถึงพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นคือ.....
ผมมองผ่านรั้วไปที่ใบหน้าของพวกเขา พวกที่ร้องเพลงมา 89 นาที พวกเขานิ่งเงียบ เงียบมากๆ เงียบราวกับเป็นใบ้กันทุกคน นั่นคือหนึ่งในความรู้สึกที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย
ผมถูก เอฟเอปรับ £ 5,000 ซึ่งผมยินดีมากที่จะจ่ายมันอีกร้อยครั้ง
หลังจากนั้น มีบางคนพูดกับผมว่า "นั่นไม่ใช่พฤติกรรมของคนอายุ 30"
ใช่พวกเขาพูดถูก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลมีเสน่ห์ ใน 90 นาทีคุณจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่พวกเราฝันถึง หรือคุณว่าไม่ใช่ ?
เนวิลล์กับคาราเกอร์ ในเดือน มีนาคม ปี 2010
ตอนผมอายุ 5-6 ขวบ พ่อขับรถอยู่บนถนน M60(ถนนเส้นหนึ่งในอังกฤษ) ผมจำได้ว่ามองออกไปนอกหน้าต่าง,คิดว่า"เราใกล้ถึงหรือยัง ? เมื่อไหร่เราจะถึงซักที?"
จากนั้นเราก็เดินข้ามสะพานบาร์ตัน ผมรู้ว่าเราอยู่ห่างจาก โอลแทรฟฟอร์ด แค่ 10 นาที มันเป็นสิ่งที่ผมกับพ่อทำทุกวันเสาร์และมันไม่เคยเปลี่ยน ทันทีที่ผมเห็นโรงละครแห่งความฝัน หัวใจของผมก็เริ่มเต้นแรงทันที จากนั้นเราก็จะจอดรถและเข้าไปที่มารีน่าเพื่อซื้อพายและชิป
ผมยังจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ ถ้าพ่อของผมเชียร์แมนฯ ซิตี้หรือเป็นแฟนโบลตัน, ผมคงต้องไปที่นั่นทุกสัปดาห์ ร้องเพลงของพวกเขา ขอบคุณพระเจ้า! ที่เขาเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คุณรู้สึกผิดไหมที่ฉลองประตูแบบนั้น ? " แน่นอนว่าไม่ " เนวิลล์ตอบ
โชคไม่ดีที่เราไม่ได้เฉลิมฉลองมากเท่าไหร่ ผมเติบโตขึ้นมาในยุค 80 ช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลครอบงำฟุตบอลอังกฤษ เด็กส่วนใหญ่ในโรงเรียนของผมที่ บิวรี่ เชียร์ลิเวอร์พูลแต่ผมไม่ได้คิดเหมือนพวกเขา เราอยู่ใกล้กับแมนเชสเตอร์มากว่าเมอร์ซีย์ไซด์ แต่เด็กก็คือเด็ก พวกเขาเชียร์ทีมที่เป็นแชมป์ เหมือนกับที่คุณจะเห็นเด็กที่สวมชุดเชลซีมากมายในตอนนี้
ที่โรงเรียนประถม แชนท์เลอร์ ในปี 1985 คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณอยู่ในลิเวอร์พูล ผมเถียงกับเพื่อนที่โรงเรียนทุกวันด้วยเรื่องเดิมๆ
ผม: "สนามของพวกเราใหญ่กว่า!"
เพื่อน: "แต่ทีมนายได้ที่ 11 นะ!"
ผม: "เรามี (ไบรอัน ) ร็อบสัน"
เพื่อ่น: " แต่เราได้แชมป์ลีก!"
เราจะเถียงกันแบบนี้ไปเป็นชั่วโมง เมือ่ผมอายุเยอะขึ้นผมคิดว่าการเถียงกันแบบนี้มันจะจบ แต่ทุกวันนี้ผมยังเถียงกับเจมี่ คาร์ราเกอร์อยู่เลย
ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่ผมไปแอนฟิลด์ ในฐานะนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด เราเดินทางบนถนน M62 มุ่งหน้าสู่เมอร์ซีย์ไซด์และเมื่อเราออกจากมอเตอร์เวย์และเข้าไปในเมือง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือน เราอยู่ในดินแดนของศัตรู มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด
เมื่อผมเดินลงไปในสนาม มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายกัน แฟนบอลของพวกเขาตะโกนด่าคุณตลอด 40 นาทีก่อนที่เราจะเริ่มแข่ง
คุณจะพลาดเรื่องราวเหล่านี้ไปเมื่อคุณเลิกเล่น
"มันซับซ้อนมากกว่าคำว่าความเกลียดชัง" เนวิลล์พูดถึงคู่ปรับตลอดกาล
ผมเคยบอกว่าผมเกลียดลิเวอร์พูล แต่ช่วงสองสามปีนี้ ความรู้สึกนั้นมันลดลงมาแล้ว ตอนนี้ผมว่า มันซับซ้อนมากกว่าคำว่าเกลียด
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถูกถามว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในปี 2006ไหม ? (วิ่งยาว 60 หลาไปฉลองประตูต่อหน้า เดอะ คอป) ?, คำตอบของผมยังเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ ผมไม่เคยเสียใจในเรื่องนี้
ฟุตบอลเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์,สมหวัง, ผิดหวัง, กระวนกระวาย,มีความสุข,โศกเศร้า คุณอาจต้องใช้เวลาทั้งสัปดาห์เพื่อเจออารมณ์ทั้งหมดนั่น แต่กับฟุตบอลมันใช้เวลาแค่ 90 นาที สำหรับผมแล้วฟุตบอลก็เหมือนรถไฟเหาะ มีไม่กี่อย่างในชีวิตที่จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น
" แฟนบอลของพวกเขาจะตะโกนด่าคุณตลอด 40 นาทีก่อนที่เราจะเริ่มแข่ง "
ผมจะยกตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ผมคิดได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมจำได้ว่าหลังจากที่เราได้ทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 ผมเห็นสิ่งที่ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมอาจจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว ในขณะที่เราขึ้นรถบัสเปิดประทุนมาถึงใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ ทันใดนั้นผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องไห้ เขาตะโกน กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ผมอาจจะตาฝาด แต่ผมคิดว่าผมเห็นเส้นเลือดในลำคอของเขาระเบิดออกมา ผมไม่เคยลืมสิ่งที่ผมเห็นวันนั้น
ผมคิดว่าเขาอายุเท่าๆกันกับผม เขาอาจจะเคยเป็นเด็กขี้อิจฉาเหมือนผม ที่ถูกเพื่อนในโรงเรียนล้อเลียนเวลาที่ เคนนี่ ดัลกลิชและลิเวอร์พูลได้แชมป์อย่างต่อเนื่อง แต่ในท้ายที่สุดเขาก็มีช่วงเวลาแห่งชัยชนะ ทุกความเจ็บปวด ทุกการเยาะเย้ยถางถาง ยิ่งทำให้สิ่งที่เขาได้รับยิ่งมีความหมาย
ในขณะที่อยู่ใจกลางการเฉลิมฉลองในวันนั้น ผมรู้สึกขนลุกที่บริเวณด้านหลังตรงลำคอ ทันใดนั้นผมคิดว่า: "ไม่มีอะไรที่จะทำให้ชายคนนั้นรู้สึกแบบวันนี้อีกแล้วในชีวิตของเขา"
" สิ่งที่ทำให้คุณแทบหยุดหายใจ "
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถูกถามว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในปี 2006ไหม ? (วิ่งยาว 60 หลาไปฉลองประตูต่อหน้า เดอะ คอป) ?, คำตอบของผมยังเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ ผมไม่เคยเสียใจในเรื่องนี้
แมนฯ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลพบกันครั้งแรกตอนปี 1894 และในคืนวันจันทร์นี้ พวกเขาจะพบกันเป็นครั้งที่ 197 ผมหวังว่ามันจะเป็นเกมส์ที่สนุก และถ้าหากผู้เล่นลิเวอร์พูลทำประตูได้ ผมก็หวังว่า เขาจะฉลองประตูต่อหน้าเดอะค็อปกับเพื่อนร่วมทีมอีก 10 คน รวมถึง เจอเก้น คลอปจะวิ่งดีใจเหมือนคนบ้า ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรอย่างนั้น ผมจะผิดหวังมาก
"ความบ้าคลั่งและอารมณ์ร่วมคือหัวใจของฟุตบอล"
ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์นั้นแตกต่างกัน,รวมถึงยังเหมือนกันด้วย ผู้คนมีความซื่อสัตย์ รักในการทำงานหนักและเหนือสิ่งอื่นใดคือ "ฟุตบอล"
"มันซับซ้อนมากกว่าคำว่าความเกลียดชัง"
ลิเวอร์พูลต้องการแก้แค้นผมมาหลายปีแล้ว ทั้งในสนามและนอกสนาม พวกเขาเขี่ยเราตกรอบจากถ้วยเอฟเอคัพ 4 สัปดาห์ หลังจากที่ผมไปดีใจต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขา รถของผมเกือบถูกพลิก เมื่อมีแฟนบอลบางส่วนจำผมได้ ในขณะรถติดนอกโอลแทรฟฟอร์ด
และที่เลวร้ายที่สุดผมยังคงต้องเถียงกับ คาร่า( เจมี่ คาราเกอร์ ) ทุกวัน
และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่สามารถยอมรับได้
คือเรื่องข่าวลือของชาวบ้านเกี่ยวกับสองพี่น้องสเกาเซอร์ที่ผมจ้างมาต่อเติมบ้านเมื่อสองสามปีที่แล้ว พวกลือกันว่า ไอ้เจ้าสองพี่น้องนั่นซ่อนผ้าพันคอของทีมลิเวอร์พูลไว้ใต้กระเบื้องที่สระว่ายน้ำในบ้านผม มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้รับการพิสูจน์และผมก็ไม่ต้องการพิสูจน์อะไรทั้งนั้น
คุณรู้ไหม? ผมไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว แต่ผมจะเขียนใส่ไว้ในพินัยกรรมของผมว่า หลังจากนี้ไปอีก 100 ปี ถ้าใครพบผ้าพันคอผืนนั้น จะต้องทำตามความปราถนาสุดท้ายของผมนั่นคือ
" เผามันซะ"
Stromwriter แปล
All Credit
http://www.skysports.com/football/news/11661/10617207/gary-neville-liverpool-v-man-utd-it8217s-more-complicated-than-hate
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/Stromwriter/